คนในวังหลวงล้วนยังไม่รู้ว่าการกินอาหารของราชครูได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลักปฏิบัติของท่านราชครูในปัจจุบันดูคร่ำเคร่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก พวกเขาก็คิดว่าข้อห้ามต่างๆ คงจะมากขึ้นเช่นกัน
อาหารที่เตรียมให้ท่านราชครูใน่นี้ กระทั่งหม้อก็ยังใช้หม้อเฉพาะ ด้วยกลัวว่าอาหารอาจจะปนเปื้อนน้ำมันจากสัตว์ได้ ดังนั้นอาหารบนโต๊ะย่อมจะเป็อาหารเจเสียยิ่งกว่าอาหารเจ
กับข้าวที่ทำจากผักเขียววางเรียงเต็มโต๊ะ เฉินโย่วกินไปก็แทบจะหลั่งน้ำตา
นางรู้สึกระทมทุกข์ ทั้งยังเริ่มจะมีโทสะจนอยากจะวิ่งหนีไป
เดิมทีนางก็นับว่าเป็เด็กสาวใจกว้างคนหนึ่ง
เมื่อได้ยินว่าสตรีวิปลาสที่นางเจอคืออดีตฮองเฮา นางก็ไม่ได้ซักไซ้คาดคั้นอะไรอีก เพราะก่อนจะมาที่นี่น้าหลัวก็ได้กำชับนางไว้แล้วว่ายามอยู่ในวังหลวงห้ามไปสืบข่าวอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
จึงได้วางแผนว่าจะค่อยๆ สืบเื่นี้หลังจากกลับไปแล้ว
นางก็รู้สึกอยู่ในใจว่านางย่อมต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับสตรีวิปลาสผู้นั้นเป็แน่
เพียงแต่นางไม่อาจถือว่าสตรีนางนั้นเป็มารดาของตนได้ ด้วยท่านอาจารย์กล่าวว่านางคืออดีตฮองเฮา เช่นนั้นหากว่าสตรีผู้นั้นเป็มารดาของนางจริงๆ นางก็ย่อมต้องกลายเป็องค์หญิง
เฉินโย่วจึงไม่ได้คิดไปในทางนั้นอีก
ก็นางมีพี่ชายสามคน เติบโตบนทุ่งหญ้า ทั้งก่อนหน้ายังไม่เคยเดินทางมาเมืองหลวงสักครา
นางเพียงรู้สึกว่าสตรีวิปลาสผู้นั้นน่าสงสารนัก เพียงแค่ได้เห็นนางก็รู้สึกทุกข์ทรมานไปด้วย
บางทีไม่ว่าใครได้เห็นสตรีผู้นั้นก็ย่อมจะรู้สึกเช่นนี้เหมือนกันกระมัง
เฉินโย่วเมื่อผ่านมื้ออาหารเจที่รสชาติแสนจะขมขื่นไป ผนวกกับมื้อเช้าที่ต้องกินกับข้าวเย็นชืด กับโจ๊กไร้ความร้อนในตำหนักซีเหอ มาถึงตอนนี้ก็ทำเอานางหมดแรงจนผล็อยหลับไป
นางเอนกายลงนอนหลับข้างกายทารกน้อยที่พอถ่ายหนักเสร็จก็ดื่มนมต่อทันที
ส่วนองค์ชายน้อยก็ไม่รู้ว่าแอบคืบกายเงียบๆ เข้าไปซุกตัวเฉินโย่วั้แ่เมื่อใด
เฉินโย่วคู้กายนอนหลับเป็ก้อน ท่าทางดูราวกับว่ากำลังรู้สึกไม่ปลอดภัย
จ้งเยียนไม่มีความเคยชินที่หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วต้องพักผ่อนยามบ่าย เมื่อก่อนมีเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ชีวิตจึงค่อนข้างจะเอาตัวเองเป็หลัก ดังนั้นในวันปกติเขาจึงใช้เวลาช่วยบ่ายไปกับการเรียน และการอ่านตำรา จากนั้นก็รอให้ฮ่องเต้หรือองค์หญิงมีรับสั่งเรียกเข้าพบ
บัดนี้ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว เขาจึงอยากใช้เวลาร่วมกันกับท่านอาจารย์ให้มากขึ้น จึงไม่เสียเวลาไปกับการนอนกลางวัน
ทว่าเมื่อเห็นศิษย์น้องที่กินข้าวเสร็จแล้วก็เข้านอนอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ท่าทีไร้ซึ่งความระแวดระวัง ดูก็รู้ว่าเป็เด็กที่ได้รับการปกป้องมาเป็อย่างดี
ไม่เหมือนกับเขาที่ยังอายุไม่เท่าไร ความคิดก็เริ่มจะสลับซับซ้อน ต่างกับศิษย์น้องที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อตรงจริงใจ
ราชครูน้อยมองเด็กทั้งสองที่นอนอยู่หลังม่านด้วยแววตาซับซ้อน
ราชครูลองตรวจดูดวงชะตาให้องค์ชายน้อยแล้ว ชะตาของเด็กชายไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก ดูแล้วไม่มีลักษณะของผู้ที่จะมีชีวิตยืนยาว เพียงแต่เื่นี้เขาไม่อาจกล่าวได้ เพราะหากว่ากล่าวออกไปย่อมไม่แคล้วจะโดนบั่นคอเป็แน่
ฮ่องเต้หูเบานัก หากจะเจรจาอันใดด้วย ย่อมต้องขบคิดให้รอบคอบ
เขารู้สึกว่าฮ่องเต้วางใจฮองเฮาอย่างยิ่ง ไหนเลยจะคิดว่าพระองค์จะไปหลงรักฮูหยินหลัวขึ้นมาได้ แต่ท่าทีของพระองค์ก็ยังวางใจกับฮองเฮาดังเช่นเมื่อก่อน ทั้งเื่นี้ก็ไม่รู้ว่าฮองเฮาจ้าวทำอย่างไร ฝ่าาจึงได้เชื่อถือถึงเพียงนี้
ดวงชะตาขององค์ชายน้อยไม่ค่อยจะดีนัก ทว่าองค์ชายน้อยกลับเป็ผู้สืบทอดราชบัลลังก์เพียงคนเดียว เช่นนี้ต่อไปฝ่าาจะทำเช่นไร
ราชครูไม่จำเป็ต้องกระอักเื ก็สามารถคาดเดาได้หลายส่วน
ดวงชะตาขององค์หญิงน้อยล้อมรอบไปด้วยแสงสีทอง ทว่าราชครูกลับรู้สึกว่าแสงเป็ของปลอม เช่นเดียวกับยามที่แสงตะวันตกกระทบบนหยก แล้วหยกนั้นสะท้อนแสงออกมา
ส่วนพลังงานที่ล้อมรอบองค์หญิงใหญ่หลังจากมาถึงวังหลวงแล้วก็ช่างเลือนรางนัก ทั้งร่างยังคงปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ทว่ากลับดูเหมือนจะมีรอยร้าวบางอย่างอยู่
แต่เขาเองก็ยังไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่าจะเปลี่ยนเป็ดีหรือเปลี่ยนเป็ร้าย
ชายชรานั่งขมวดคิ้วอยู่อีกด้านหนึ่ง ราชครูน้อยก็นั่งอยู่ตรงหน้าเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าท่านอาจารย์ขมวดคิ้ว จ้งเยียนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ท่านอาจารย์ถอนหายใจ เขาก็ถอนหายใจ
“เฮ้อ!”
“เฮ้อ!”
หน้าม่านมีชายชรา และเด็กหนุ่มนั่งถอนหายใจ
หลังม่านมีเด็กสาว และทารกน้อยกำลังหายใจเบาๆ
เฉินโย่วอ่อนเพลียจนถึงขีดสุด เมื่อหลับแล้วก็ส่งเสียงกรนเบาๆ
องค์ชายน้อยก็กำลังหลับลึก เสียงหายใจสม่ำเสมอดังขึ้นมาเป็ระยะ
ยามนี้ในตำหนักจ้าวเหอ องค์หญิงน้อยก็กำลังหลับสนิทเช่นกัน นางฟื้นขึ้นมาได้เพียงครู่เดียวก็สลบไปอีกครา ทว่าสีหน้ากลับดูดีขึ้นไม่น้อยแล้ว ส่วนข้างกายก็มีฮองเฮาจ้าวคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
ฮ่องเต้ในครานี้ก็นับว่าทำหน้าที่ของบิดาได้ไม่เลว คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเช่นกัน
เมื่อมองไปทางฮองเฮาจ้าวที่ดูอ่อนแรงเต็มที ฮ่องเต้ก็ยื่นมือออกไปกุมมือของอีกฝ่ายไว้ “ไม่เป็ไรแล้ว รอให้เปิดสอบเอินเคอก่อน เราค่อยรวบรวมคนมากความสามารถทั้งใต้หล้ามาไว้ที่นี่ เช่นนี้อีเหรินจะต้องฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน นางชอบความครึกครื้นเป็ที่สุด ข้าจะเป็คนพานางไปพบบัณฑิตดีเด่นเ่าั้อีก ไม่แน่ว่าครานี้นางอาจจะแต่งกลอนบทใหม่ออกมาอีกก็ได้ ทุกคราที่ได้เห็นสีหน้าใของขุนนางชราเ่าั้ ข้าเบิกบานใจเหลือเกิน ทั้งยังรู้สึกภูมิใจนัก”
จิตใจของฮองเฮาจ้าวสั่นไหวขึ้นมา กฎของเอินเคอคือคนเ่าั้จะกลายเป็ศิษย์ของฮ่องเต้ ศิษย์ของฮ่องเต้ หากว่าให้อีเหรินไปพบเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของคนเ่าั้กับอีเหรินย่อมจะต้องไม่ธรรมดา ยิ่งกว่านั้นก็เพราะอีเหริน พวกเขาจึงได้มีโอกาสอบเอินเคอ
ใบหน้างดงามของฮองเฮาจ้าวพลันปรากฏแววตื่นเต้น หลังจากที่องค์หญิงฟื้น ฮองเฮาจ้าวก็กลับมาเป็ปกติ ทั้งยังไม่เพียงกลับมาเป็ปกติธรรมดา แต่จิตใจก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เพื่ออีเหรินแล้วนางยินดีทำทุกสิ่ง นับแต่นี้ไม่ว่าเื่เลวร้ายใดนางก็ล้วนยินดีทำ ขอเพียงแค่พระธิดาของนางได้มีความสุข
ทางฝั่งนี้ฮองเฮาและฮ่องเต้ก็พากันแสดงความรักต่อกัน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งศิษย์ และอาจารย์แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่ก็ยังต้องทำทีสนทนากันอย่างคร่ำเคร่ง
“ท่านอาจารย์ องค์หญิงฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย เห็นทีพิธีถวายพระพรของพวกเราคงจะใช้ได้จริงๆ เช่นนี้ต่อไปข้าก็สามารถเป็ผู้ดำเนินพิธีได้ใช่หรือไม่” จ้งเยียนเมื่อได้รับการชี้แนะจากศิษย์น้อง ก็พบว่าท่านอาจารย์ไม่ได้เป็คนเข้าถึงยากถึงเพียงนั้น ทั้งยังเรียกได้ว่าเป็คนเข้าถึงง่ายเสียด้วยซ้ำ หากเป็เมื่อก่อน ต่อให้เขามีคำถามอะไรก็คงจะไม่กล้าถาม ได้แต่เพียงลอบมองอยู่เงียบๆ เท่านั้น ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจต้านทานความสงสัยจนต้องถามออกมา
“แน่นอนว่าเ้าย่อมดำเนินพิธีใหญ่เช่นนี้ได้อยู่แล้ว เ้าเป็คนมีพร์ ทั้งยังเก่งกว่าอาจารย์ยามรุ่นราวคราวเดียวกับเ้าเสียอีก” ราชครูตอบจ้งเยียนด้วยสีหน้าจริงจัง
จ้งเยียนรู้สึกดีใจเหลือเกิน ทั้งในใจยังลอบยินดีอยู่ลึกๆ ทว่าใบหน้ากลับยังรักษาท่าทางเคร่งครัดไว้เช่นเดิม
“ขอรับ ข้าจะตั้งใจเรียน ต่อไปจะต้องเก่งเหมือนท่านอาจารย์ให้ได้” จ้งเยียนตอบขึ้นอย่างถ่อมตน
ราชครูหันไปก็เห็นว่าเฉินโย่วเริ่มจะเตะผ้าห่ม จึงลุกขึ้นไปห่มผ้าให้นางอย่างเรียบร้อย
จ้งเยียนมองท่าทีของท่านอาจารย์ที่มีต่อศิษย์น้องด้วยใบหน้าริษยา
“ท่านอาจารย์ ต่อไปท่านจะอยู่ที่นี่กับข้าหรือไม่” เมื่อมีศิษย์น้องอยู่ด้วยจ้งเยียนก็รู้สึกมีความกล้าขึ้นมา เดิมทีท่านอาจารย์กลับมาเพราะองค์หญิงหมดสติไป ทว่าบัดนี้องค์หญิงฟื้นแล้วท่านอาจารย์ก็จะจากไปอีกหรือไม่
เขาไม่อยากให้ท่านอาจารย์จากไปอีกแล้ว
ราชครูได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไป
เขาย่อมจะต้องจากไปอย่างแน่นอน แต่ตำหนักราชครูอยู่ที่นี่ การที่เขาไปอยู่บนูเาหลงยวนก็ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไรนัก ทว่าเมื่อเทียบกับวังหลวงแล้ว เขาก็ยังอยากจะอยู่บนูเาหลงยวนมากกว่า
ที่นั่นยังมีห้องของเขาอีกด้วย อีกทั้งเขายังได้อยู่ใกล้กับเ้าเด็กปีศาจ
เมื่อคิดได้ว่าถึงอย่างไรตนก็จะจากไป จึงเอ่ยถามขึ้น “เ้าชอบพอองค์หญิงใช่หรือไม่”
จ้งเยียนได้แต่ตื่นใ เขาไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะถามเช่นนี้ จึงได้ตอบปฏิเสธเป็พัลวัน
สำหรับราชครูแล้วต่อให้ลูกศิษย์ของตนตอบปฏิเสธเขาก็ไม่ได้สนใจ เ้าเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับตน ทั้งยังไม่เหมือนคนอื่นๆ ในตระกูลจ้ง
คนตระกูลจ้งล้วนแต่เถรตรง แต่จ้งเยียนค่อนข้างจะปรับตัวเก่ง
“ข้ารู้ว่าเ้าชอบองค์หญิงอีเหริน เพียงแต่หากมีวันหนึ่งที่องค์หญิงและศิษย์น้องจะปรากฏกายพร้อมกันอยู่ตรงหน้าเ้าเพื่อให้เ้าช่วยเหลือ ทั้งเื่ที่ขอยังเป็เื่เดียวกัน เ้าจะเลือกช่วยใคร” ราชครูเอ่ยปากถาม
จ้งเยียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่านอาจารย์จะถามคำถามเช่นนี้
องค์หญิงน้อยและศิษย์น้องหรือ เหตุใดทั้งสองคนจึงต้องมาขอให้เขาช่วยเหลือพร้อมกัน
“ท่านอาจารย์ ท่านไม่ได้กล่าวว่าตระกูลจ้งของเรามีหน้าที่ปกป้องราชวงศ์หรือ หรือว่าจะไม่ใช่กัน”
ราชครูพยักหน้า
“ใช่แล้ว หน้าที่อันดับหนึ่งของตระกูลจ้งของเราคือการปกป้องราชวงศ์ เพราะมีหน้าที่ความรับผิดชอบนี้ จึงทำให้ตระกูลจ้งยังอยู่ ไม่ว่าจะทำเื่ใดก็ไม่อาจฝ่าฝืนกฎข้อนี้ เื่ที่ข้ากล่าวก็ย่อมจะไม่ผิดกฎข้อนี้ ขอเพียงแค่เ้าเลือกมา”
จ้งเยียนไม่ชอบตอบอะไรที่แน่นอน เขาไม่ชอบคำสัญญา เพราะหากทำไม่ได้ก็ย่อมจะสูญเสียความน่าเชื่อถือไป
เพียงแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านอาจารย์จึงต้องคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาให้ได้
ในสมองของเขาปรากฏภาพองค์หญิง ท่านอาจารย์ พระสนมเอกเล่อ องค์ชายน้อย พระสนมหรง…และศิษย์น้อง
ศิษย์น้องที่ะโลงมาจากกำแพงวังหลวง
องค์หญิงที่อยู่ใต้ดอกไม้
จ้งเยียนส่ายหน้าไปมา “ท่านอาจารย์ ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”
เขาชอบศิษย์น้องมาก แต่ในใจลึกๆ ก็ชอบองค์หญิงเช่นกัน
เฉินโย่วขยับขาเตะผ้าห่มอีกรอบ
ครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ท่านอาจารย์ลุกขึ้น เขาก็เดินไปห่มผ้าให้ศิษย์น้องด้วยตนเอง
เมื่อมองแก้มแดงระเรื่อของศิษย์น้อง
จ้งเยียนก็พยักหน้าเบาๆ “หากไม่ผิดกฎและหน้าที่ที่ตระกูลของเราได้กล่าวไว้ ข้าจะช่วยศิษย์น้อง”
“เ้ากล้าสาบานหรือไม่เล่า จ้งเยียน” เป็ครั้งแรกที่ราชครูเอ่ยนามของลูกศิษย์อย่างเต็มยศเช่นนี้ ฟังแล้วก็รู้สึกยิ่งใหญ่ไม่เบา
เด็กหนุ่มพลันรู้สึกกดดันขึ้นมา จึงได้เอ่ยขึ้นอีกครา “ข้าสาบาน ต่อไปไม่ว่าจะพบเจอเื่อะไร ข้าจะยืนอยู่ข้างกายเฉินโย่ว หากผิดคำสาบานก็ขอให้ยามตายไร้ที่ฝัง”
น้ำเสียงของจ้งเยียนเต็มไปด้วยความหนักแน่น น้ำเสียงหนักแน่นพาให้ผ้าม่านไหวระริก