เหลียนเซวียนเงยหน้าเล็กน้อย พอเห็นนางทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ั์ตาก็ผุดแววยิ้ม เขายังคงวางมาดจิบชาอยู่เหมือนเดิม
หากไม่ฉวยโอกาสนี้ยับยั้งโทสะของศิษย์พี่ เห็นทีต่อไปเขาคงจะลำบากแน่
เหลียนเซวียนไม่อยากกลายเป็แกะน้อยรอถูกเชือด
"เ้าพบเห็ดหุยซินจริงหรือ"
ในที่สุดผูหยางชิงหลันก็นิ่งไม่ไหว เป็ฝ่ายเอ่ยปากก่อน
หลายปีมานี้เขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ท่องไปทั่วทุกสารทิศแต่ก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของเห็ดหุยซิน เทือกเขาเยว่หลิงซานก็เคยไปมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ผิดหวังกลับมาตลอด
เ้าหนุ่มโสโครกนี่จะโชคดีขนาดไปเจอเข้าโดยบังเอิญได้อย่างไร
"อืม โชคดีหาเจอ" เหลียนเซวียนวางสีหน้าผ่อนคลาย
ผูหยางชิงหลันหน้าเขียวแล้วซีด ซีดแล้วแดง ด้านหนึ่งคือดีใจมาก แต่อีกด้านคือพูดไม่ออก
เดิมทียังคิดว่าจะฉวยโอกาส่ถอนพิษ บดขยี้ความจองหองของเขาเสียหน่อย ตอนนี้กลายเป็ว่าตนเองต้องไปวอนขอเขาแทน
สองคนนี้ไม่เสียทีที่เป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ล้วนแต่เป็พวกแผนสูงเหมือนกันเปี๊ยบ
ผูหยางชิงหลันมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของเหลียนเซวียน อารมณ์คุกรุ่นในหัวใจ เ้าหนุ่มนี่ขุดหลุมดักรอเขาอยู่ชัดๆ ส่วนตนเองก็ยังะโลงไปด้วยความเต็มใจ
หลังจากคิดมาคิดไป ก็กัดฟันฉีกยิ้ม แล้วเอ่ยปากอีกครั้ง "เช่นนั้น เสี่ยวชี เ้าหาเห็ดหุยซินมาได้กี่ดอกล่ะ"
ท่าทางเหมือนยอดเมฆาร่วงจากที่สูงลงมาบนพื้น ก่อนจะกลายเป็ธุลีดินในที่ต่ำ
เซวียเสี่ยวหรั่นได้เห็นก็ตกตะลึงอ้าปากตาค้าง
เพียงชั่วพริบตา ท่าทีของผูหยางชิงหลันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะเหลียนเซวียนมีเห็ดหลิงจือแดงอมม่วงเ่าั้เองหรือ ความเย้ายวนของเห็ดหุยซินอะไรจะมากขนาดนี้
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปมองใบหน้ายิ้มย่องลำพองใจของเหลียนเซวียน
ท่าทางมีเลศนัยแบบนี้ คงขุดหลุมดักรอผูหยางชิงหลันไว้แต่แรกแล้วสินะ
โถๆๆ ช่างเป็พวกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอเสียจริง เซวียเสี่ยวหรั่นป้องปากลอบขำ
"ก็มีอยู่หลายดอก" เหลียนเซวียนเอ่ยไม่เร็วไม่ช้า
"แล้วมันกี่ดอกล่ะ?" ผูหยางชิงหลันคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย
"ศิษย์พี่แล่นมาถึงเมืองเล็กๆ เช่นนี้ได้อย่างไร" เหลียนเซวียนกลับเปลี่ยนเื่คุย
ผูหยางชิงหลันกำฝ่ามือดังกร๊อบ ความอัดอั้นจนอกกระเพื่อม แทบอยากจะพุ่งหมัดใส่ใบหน้าน้ำแข็งแสนเ้าเล่ห์ของเหลียนเซวียนให้รู้แล้วรู้รอด
เขารู้อยู่แล้ว การเจรจากับเ้าหนุ่มโสโครกนี่ เลิกฝันที่จะรับผลประโยชน์ง่ายๆ ไปได้เลย
"อาจารย์อา ท่านอาจารย์ของข้าได้ยินว่าหมอท่านหนึ่งสามารถรักษาผู้าเ็ที่ถูกแทงด้วยของมีคมที่อกกับท้องให้หายได้ ดังนั้นก็เลยมาดูโดยเฉพาะขอรับ"
ผูหยางชิงหลันกำลังโมโหไม่ยอมตอบคำถามของเหลียนเซวียน เด็กหนุ่มที่ปิดปากเงียบมาั้แ่ต้นจึงเอ่ยออกมา
"อ้าว เฟิงหยาง ไม่เจอกันนาน สูงขึ้นเยอะเลยนะ" เหลียนเซวียนมองเฟิงหยาง พร้อมรอยยิ้มประดับมุมปาก
"ขอรับ อาจารย์อา ไม่ได้พบผู้าุโมาสองปีกว่าเห็นจะได้แล้ว"
ผู้าุโ? เซวียเสี่ยวหรั่นฟังแล้วมุมปากกระตุก
แต่เหลียนเซวียนกลับเห็นเป็เื่ปรกติ เพราะเป็แค่คำขานเรียกตามลำดับาุโเท่านั้น จึงสนทนากับเฟิงหยางต่อไป "แล้วพวกเ้าพบท่านหมอผู้นั้นแล้วหรือ"
"พบแล้วขอรับ ท่านหมอผู้นั้นใช้ไหมเย็บแผลให้คนไข้ ถึงฝีเย็บจะบูดๆ เบี้ยวๆ แต่โชคดีผู้าเ็สามารถผ่าน่อันตรายที่สุดมาได้ บัดนี้ฟื้นตัวไปกว่าครึ่งแล้ว"
ผูหยางชิงหลันคร้านจะตอบคำถาม ต้องอาศัยอวี๋เฟิงหยางเป็ตัวกลางสนทนาระหว่างสองฝ่ายเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้พบเห็นหลังจากมาถึงที่นี่
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังอย่างเพลิดเพลิน ที่แท้หมอของยุคสมัยนี้ก็สามารถใช้วิธีเย็บปิดปากแผลได้แล้ว เพียงแต่การเตรียมการฆ่าเชื้อยังไม่เพียงพอ ประกอบกับไม่มียาปฏิชีวนะ หลังการเย็บมักเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย โอกาสรอดชีวิตจึงไม่สูงนัก
ดังนั้นผูหยางชิงหลันถึงพาอวี๋เฟิงหยางมาด้วย เพื่อเสวนากับท่านหมอผู้นั้นโดยเฉพาะ
แต่น่าเสียดายพวกเขามาอย่างกระตือรือร้น แต่กลับถูกผู้อื่นสาดน้ำเย็นใส่
หมอผู้นั้นไม่ยินดีสนทนาแลกเปลี่ยนกับผู้มีอาชีพเดียวกัน เพียงแค่คุยอย่างขอไปทีไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
วิชาชีพเดียวกันนับว่าเป็คู่แข่ง ยุคสมัยนี้ต่อให้เป็อาจารย์กับลูกศิษย์ บางครั้งก็จะไม่ถ่ายทอดวิชาจนหมดไส้หมดพุง ด้วยเกรงว่าเมื่อสอนจนศิษย์จนสำเร็จแล้ว คนอดตายอาจเป็อาจารย์ นับประสาอันใดกับการสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างคนที่ประกอบวิชาชีพเดียวกัน
ผูหยางชิงหลันโกรธไม่เบา แต่ทำอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดจำต้องออกไปหาผู้าเ็คนนั้นเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์
เมื่อวานพวกเขาไปเดินเล่นในป่าแถวนี้รอบหนึ่ง ออกจากป่าไม่นาน ก็พบเื่ของเศรษฐีหลิว
ผูหยางชิงหลันรักษาคนไข้ตามอารมณ์ หากพบกันยามอารมณ์ดีก็จะยื่นมือเข้าช่วยรักษา แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี ต่อให้เอาเกี้ยวแปดคนหามมารับก็คร้านจะไป
หลิวฉยงฮวาคลอดยากอยู่เป็ครึ่งวัน ลมออกมาลมเข้าน้อย [1] หมอที่เชิญมามองเพียงปราดเดียวล้วนส่ายหน้ากลับไปกันหมด
ขณะที่ผูหยางชิงหลันไปถึง เศรษฐีหลิวทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าหมดหวังแล้ว แต่ก็ยังไม่ถอดใจ ให้หมอที่มิเคยพบเจอกันมาก่อนเข้าห้องคลอด
แม้ในที่สุดไม่อาจรั้งชีวิตผู้ใหญ่ แต่ก็ยังรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้คนหนึ่ง
ระหว่างสนทนากัน ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว
ผูหยางชิงหลันยังคงบึ้งตึง ปล่อยให้อวี๋เฟิงหยางสนทนากับเหลียนเซวียนไป
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเช่นนั้น ก็หัวเราะในใจ
ผูหยางชิงหลันก็มีนิสัยเหมือนเด็ก ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจล้วนเขียนอยู่บนใบหน้า
หงกูเข้ามาแจ้งว่ามื้อเย็นเตรียมพร้อมแล้ว เหลียนเซวียนจึงเชิญผูหยางชิงหลันศิษย์อาจารย์ไปกินข้าว
ผูหยางชิงหลันอยากสะบัดแขนเสื้อจากไปจะแย่อยู่แล้ว เพียงแต่พอนึกถึงเห็ดหุยซินในมือของอีกฝ่าย เท้าก็ไม่ขยับเสียดื้อๆ
ศิษย์น้องของเขาผู้นี้ แม้จะเ้าเล่ห์และชอบทำตัวน่าเบื่อ แต่เขาเอ่ยว่ามีเห็ดหุยซิน ก็ต้องมีอย่างแน่นอน
ผูหยางชิงหลันนั่งต่อโดยไม่เปล่งเสียงสักคำ
อวี่เฟิ่งหยางย่อมเข้าใจความหมายของอาจารย์ จึงเอ่ยวาจารับปากแทน "เช่นนั้นก็รบกวนอาจารย์อาแล้ว"
เหลียนเซวียนทำเหมือนไม่เห็นสีหน้างอง้ำของศิษย์พี่ ช้อนตาขึ้นสั่งให้หงกูยกตั้งสำรับได้เลย
เซวียเสี่ยวหรั่นถือโอกาสออกไปพร้อมกับหงกู
นางเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกมาวันเต็มๆ กลับมาก็ดื่มแต่ชา กลั้นจนกระเพาะปัสสาวะแทบะเิอยู่แล้ว
ในห้องนั้นล้วนปั้นหน้ากันเก่งทุกคน ทำเหมือนสบายๆ ไม่มีดอะไร เ้ามาข้าไป ทำเอาเซวียเสี่ยวหรั่นไม่กล้าเอ่ยปากขอปลีกตัวออกมา
ผูหยางชิงหลันมองเงาหลังของนางที่จากไป สีหน้าคล้ายมีความคิด
"เสี่ยวชี เ้าคิดจะพาแม่นางเซวียผู้นี้กลับเมืองหลวง?" ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก
เหลียนเซวียนมองเขาปราดหนึ่ง "มีปัญหารึ"
"ข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่บ้านเ้าน่ะมีแน่ เฮอะ อย่าว่าแต่อะไร ใครเป็ผู้วางยากร่อนกระดูกสลายเส้นเอ็นในกายเ้า เ้าจะแกล้งทำไขสือไม่รู้ไม่เห็นได้หรือ ผู้อื่นมีบุญคุณช่วยชีวิตเ้าไว้ เ้าพากลับเมืองหลวง มิเท่ากับส่งนางขึ้นตะแลงแกงรอถูกเผาหรือไร คนที่อยู่เหนือเ้าผู้นั้นไม่ใช่พวกถือศีลกินผักเสียหน่อย"
ผูหยางชิงหลันยิ้มด้วยสีหน้ารอทับถมเต็มที่ จี้จุดเจ็บของเขาโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย
ใครใช้ให้เ้าเล่นตัว ใครใช้ให้เ้าแสร้งทำเป็นิ่งเก็บอาการ ใครใช้ให้เ้าขุดหลุมรอบิดาะโลงไป หากจี้ให้เ้าดิ้นไม่ได้ บิดาก็ไม่ใช่แซ่ผูหยางแล้วเฟ้ย!
สีหน้าของเหลียนเซวียนยังไม่เปลี่ยน เพียงแค่ตอบเรียบๆ ประโยคหนึ่ง "เื่บางเื่ เมื่อรู้ชัดว่าเป็ปัญหาก็ต้องเผชิญหน้าและแก้ไข การหลบหนีคือการกระทำไร้ประโยชน์ที่สุด"
ผูหยางชิงหลันหน้าเปลี่ยนสี ถลึงตาคมกริบใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด แทบอยากจะกระโจนเข้าไปจับกลืนลงท้องให้หมดในคำเดียว
แต่เสียดาย อาศัยเพียงแววตาดุจคมมีดของเขา ก็มิอาจทำให้เหลียนเซวียนสั่นะเื
...
[1] เป็ลักษณะอาการหายใจของคนที่ใกล้จะตาย เป็ภาวะที่ปอดไม่สามารถรับออกซิเจนที่สูดเข้าไปในร่างกายได้
