หลิวเวยเห็นบุตรชายคนโตเนื้อตัวอาบเื น้ำในตาก็พลันหลั่งไหล เรี่ยวแรงในกายเหือดหาย เป็ลมล้มพับทันที เฉินปั๋วขมวดคิ้วพลางเหลือบมองเจิ้งก่วงอี้ แม้เขาจะไม่ชอบตระกูลร่ำรวยที่ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ก็ตาม ทว่าการที่นายอำเภอซานหยางทำเช่นนี้ มันไม่โเี้และใจร้ายเกินไปหน่อยหรือ
“เ้าคือหลิวเปียวจากอำเภอไท่อันใช่หรือไม่?”
“...เป็ผู้น้อยเองขอรับ” หลิวเปียวนอนอยู่บนเปลหาม เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
เฉินปั๋วอ่านบันทึกการไต่สวนของนายอำเภอซานหยาง “เอาล่ะ ข้าจะถามเ้าอีกครั้ง เ้าขี่ม้าเหยียบิเฉียว ชาวนาที่อยู่อำเภอเดียวกันกับเ้าใช่หรือไม่?”
หลิวเปียวถูกโบยหลายครั้ง เ็ปรวดร้าวั้แ่เนื้อหนังลงไปถึงกระดูก จึงยอมรับสารภาพแต่โดยดี “เป็ข้าเองขอรับ”
“เ้ากับพรรคพวกทำลายบ้านเรือนชาวบ้านทั้งยี่สิบเอ็ดหลังใช่หรือไม่?”
“ขอรับ”
“เ้าทำเพราะ้าแก้แค้นิหยวน สหายร่วมสำนักศึกษาใช่หรือไม่?”
“ขอรับ”
เฉินปั๋วเอาหัวใจไว้ในท้อง [1] เหลือบมองเ้าหน้าที่อาลักษณ์ที่กำลังเขียนบันทึกคำรับสารภาพ หลิวเวยที่เริ่มรู้สึกตัวและฝ่าคงเ้าอาวาสวัดก่วงจี้หมายจะเอ่ยแย้ง แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเฉินปั๋วก็พลันไม่กล้าขยับปาก
“เ้าทำลายบ้านเรือนชาวบ้าน เป็เหตุให้พวกเขาต้องขายบุตรชายบุตรสาว จนเด็กต้องตายด้วยน้ำมือคนอื่น และเ้าคือต้นเหตุของเื่เลวร้ายทั้งหมด เ้ายอมรับหรือไม่?”
“ยอมรับขอรับ ทั้งหมดเป็ความผิดของผู้น้อยที่สติฟั่นเฟือนทำเื่ชั่วช้า ท่านนายอำเภอจะลงโทษทัณฑ์ประการใดก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควรเลยขอรับ” หลิวเปียวพร่ำเพ้อราวกับคนละเมอ ถามอย่างไรก็ตอบอย่างนั้น ยอมรับแต่โดยดี
“เช่นนั้นก็ดี…”
“ฝู่จวิน” จู่ๆ เจิ้งก่วงอี้ นายอำเภอซานหยางก็ยืนขึ้น “ท่านยังไม่ได้ถามถึงผู้สมรู้ร่วมคิดเลย”
“นายอำเภอซานหยาง” เฉินปั๋วพูดด้วยใบหน้าเรียบตึง “ที่นี่คือที่ว่าการเมืองหรือที่ว่าการอำเภอ? คดีนี้อยู่ในความดูแลของข้าหรือนายอำเภอซานหยาง?”
นายอำเภอซานหยางรีบกล่าวขออภัย “ผู้ตัดสินคดีย่อมเป็ท่าน แต่...”
“ิหยวนผู้เป็โจทก์ฟ้องร้องหลิวเปียวเพียงคนเดียว ฉะนั้นเขาจึงเป็คนเดียวที่ถูกไต่สวน หรือท่าน้าสอนข้าตัดสินคดี?”
“ผู้น้อยไม่บังอาจ”
“ถึงท่านกล้าสอน ข้าก็ไม่กล้าพาดพิงคนอื่นตามอำเภอใจอย่างท่านหรอก”
เฉินปั๋วพูดเหน็บแนมนายอำเภอซานหยาง ทว่าสายตากลับมองไปทางหลิวเวย หลิวเวยใจเต้นไม่เป็ส่ำ ใจหนึ่งก็เป็ห่วง อีกใจหนึ่งก็โล่งอกในเวลาเดียวกัน เมื่อเป็เช่นนี้ก็หมายความว่าบุตรชายที่เหลือของเขา รวมถึงนายน้อยตระกูลสวี่นั้น รอดจากคดีนี้แล้ว หลิวเวยก้มหน้าหลับตาข่มอารมณ์สักพัก ก่อนจะยกจอกชาขึ้นมาจิบ
สรุปคดีได้ครึ่งทางแล้ว หลิวเวยจึงต้องทำใจยอมรับผล เฉินปั๋วเรียกตัวศิษย์จากสำนักศึกษาตระกูลิและชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับิหยวนที่มาเป็พยานออกมาไต่ถาม
เนื่องจากิหลานก็อยู่ที่นี่ด้วย เหล่าลูกหลานตระกูลิจึงรู้หน้าที่ตน และไม่มีผู้ใดโง่เขลาเบาปัญญา จนดูไม่ออกว่าจากสถานการณ์ในยามนี้ ควรจะตอบอย่างไร พวกเขาจึงเล่าเหตุการณ์ความบาดหมางระหว่างหลิวเปียวและิหยวนในวันนั้นอย่างละเอียดยิบ ไม่มีขาดตกบกพร่องสักประโยค แถมยังใส่สีตีไข่ให้หลิวเปียวดูโเี้และร้ายกาจยิ่งขึ้น หลายคนพูดเป็เสียงเดียวกันว่าหลังพลัดตกลงน้ำ หลิวเปียวก็ขู่จะแก้แค้นิหยวน
“เอาล่ะ ทุกคำให้การล้วนถูกบันทึกไว้หมดแล้ว” เฉินปั๋วพยักหน้า “พวกเ้ากลับไปได้”
นอกจากนี้เขายังเรียกตัวจางอู่และพ่อค้าในตลาดที่เห็นเขาทุบตีเด็กๆ มาไต่ถามด้วย คดีนี้มีโจทก์และจำเลยชัดเจน ทั้งยังมีพยานและหลักฐานสำคัญครบถ้วน มีเ้าเมืองอย่างเฉินปั๋วเป็ผู้ตัดสินคดี ไม่รู้ว่าเป็โชคดีหรือโชคร้ายของจางอู่
“ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้ว! เด็กพวกนั้นข้าซื้อขาดไม่ใช่เช่า ในเมื่อเด็กอยู่ในมือข้าก็ย่อมเป็ของข้า ข้าจะทำอย่างไรกับพวกมันก็ได้! ? เขาจะฟ้องข้าได้อย่างไร!”
“เ้าจะทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ หากเ้าอยากฆ่าก็จะฆ่าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น!”
เฉินปั๋วโมโหจนเืขึ้นหน้า จนขมับเริ่มปวดตุบๆ “นายอำเภอซานหยาง ท่านช่วยสั่งสอนเขาที!”
“ขอรับ” นายอำเภอซานหยางเอ่ยเสียงเหี้ยม “ใต้หล้าเป็ของกษัตริย์มิใช่หรือ ผืนดินที่นาเป็ของขุนนางมากยศมิใช่หรือ ทั้งใต้หล้ามีปวงประชามากเหลือคณานับ ล้วนแล้วแต่เป็ราษฎรของฝ่าา จะปล่อยให้เ้าฆ่าแกงตามอำเภอใจได้อย่างไร! ใบซื้อขายทาสหนึ่งแผ่นเป็เพียงสัญญาซื้อขายแรงงาน มิใช่สัญญาซื้อขายชีวิต บุตรเกิดจากบิดา แม้เป็บิดาก็มิอาจเข่นฆ่าบุตรได้ตามใจ ส่วนคนชั่วช้าค้ามนุษย์อย่างเ้ายิ่งไม่มีสิทธิ์!”
จางอู่ฟังคำพูดซับซ้อนพวกนี้ไม่เข้าใจ จึงมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า มันยิ่งทำให้นายอำเภอซานหยางโมโห “ข้าหมายความว่าแม้เ้าจะซื้อตัวเด็กไปแล้ว แต่เ้าก็มีสิทธิ์เพียงใช้แรงงานพวกเขาเท่านั้น มิใช่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้!”
“แต่……”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” เฉินปั๋วยกไม้ปลุกสติกระแทกลงบนโต๊ะ เ้าหน้าที่ยืนเรียงรายซ้ายขวาส่งเสียงประสานว่า “เวยอู่” [2] ผู้คนในห้องโถงต่างปิดปากให้สนิท ไม่มีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีก
อันที่จริงคำกล่าวหานี้ก็ไม่สมเหตุสมผลนัก ในยุคสมัยที่คนรวยตระกูลใหญ่กดขี่ขมเหงบ่าวในจวนได้ตามใจชอบ ถูกเ้านายลงโทษโบยจนตายก็มีไม่น้อย มีคนจำนวนมากตายด้วยน้ำมือพ่อค้าทาส แต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ใดถูกฟ้องร้องด้วยข้อหานี้ จางอู่เพียงโชคร้ายที่บังเอิญเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เอาหัวใจไว้ในท้อง (把心放在肚子里) หมายถึง โล่งใจที่เื่คลี่คลาย สบายใจที่แก้ปัญหาได้
[2] เว่ยอู่ (威武) หมายถึง อำนาจยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม เป็คำโห่ร้องของเ้าหน้าที่ผู้ยืนถือไม้พลองในศาล เพื่อเตือนให้ผู้คนที่มาขึ้นศาลอยู่ในความสงบ อีกทั้งยังเป็การข่มขวัญผู้กระทำผิดให้หวาดกลัว ไม่กล้าโกหก และยอมรับสารภาพตามความจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้