หลี่อันหรานรู้สึกโมโหโดยไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นท่าทีของเขา นางอดกลอกตามองบนใส่ไม่ได้ “ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน อย่าหาว่าข้าไม่เรียกไปกินข้าวก็แล้วกัน”
นางเดินกลับเข้าบ้านทันทีหลังจากพูดจบ หลี่อันอันนั่งอยู่ที่ธรณีประตูพอดี นางเห็นพี่สาวกลับมาก็เงยหน้าถาม “พี่หญิง พี่ชายไม่มากินข้าวหรือเ้าคะ?”
“เขาไม่หิว เขาอยากทำงาน ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” พูดจบแล้วก็เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าบ้านไปกินข้าวทันที
ความจริงแม้แต่ตัวหลี่อันหรานเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดตัวเองต้องโมโหขนาดนี้ หรือจะเป็เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะไปจากที่นี่?
แต่นั่นเป็เื่ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ กระทั่งตัวนางเองก็รู้ว่าสักวันหนึ่งเขาก็ต้องไป ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด นางถึงได้ไม่สบอารมณ์นักเมื่อได้ยินเขาพูดเื่นี้
เสิ่นอิ๋นหวนยกกับข้าวอย่างสุดท้ายเข้ามา พอนางเห็นว่าลูกๆ ทั้งสามคนกำลังกินข้าวโดยไม่มีฉางควนก็วางจานแล้วเดินออกไปดูบ้าง นางพบว่าฉางควนยังคงช่วยหลี่อันหรานล้างพริกอยู่ที่ริมบ่อน้ำ
เสิ่นอิ๋นหวนไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก นางเดินไปตบบ่าบุตรสาวคนโตพลางเอ่ยตำหนิ“คนเขาช่วยเ้าทำงานมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว เหตุใดให้เ้าไปตามเขามากินข้าวแต่ยังไม่ไปอีก?”
หลี่อันหรานอดน้อยใจไม่ได้ นางอธิบายหน้ามุ่ย “เมื่อครู่ข้าไปตามเขาแล้ว แต่เขาไม่มากินเอง ในเมื่อเขาไม่หิวท่านก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก พวกเรากินของพวกเราไปก็พอ”
สิ้นเสียง นางก็ตักข้าวคำใหญ่เข้าปาก เสิ่นอิ๋นหวนไม่อาจทำใจยอมรับได้ นางจึงออกไปตามเจียงเฉิงมากินข้าวด้วยตัวเอง ตอนแรกเจียงเฉิงยังปฏิเสธ แต่เสิ่นอิ๋นหวนยืนกรานจะลากเขาเข้ามาให้ได้ สุดท้ายเขาจึงได้แต่ตามกลับเข้าบ้านมาทานมื้อเย็นที่โต๊ะ
กับข้าวไม่ได้มีมากนัก ส่วนใหญ่เป็ผักป่าที่เก็บมา กว่าพวกเขาจะได้กินเนื้อสักมื้อไม่ใช่ง่ายๆ แต่ถึงแม้จะเป็อย่างนั้น กับข้าวเหล่านี้ก็ช่วยให้อิ่มท้องได้เช่นกัน เท่านี้ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว
หลี่อันหรานขมวดคิ้วทันทีที่เห็นฉางควนทำท่าเหมือนไม่เต็มใจกิน อีกทั้งแต่ละคำยังต้องเคี้ยวอยู่นานมากกว่าจะกลืนลงไป นางตบตะเกียบลงบนโต๊ะ ทุกคนสะดุ้งใและหันมามองนางกันหมด
หลี่อันหรานถลึงตาใส่เจียงเฉิง “หากไม่อยากกินก็ไม่ต้องฝืน อาหารพวกนี้คงไม่ถูกปากอันสูงส่งของท่าน คงมีแต่คนเช่นพวกข้าที่กินอาหารง่ายๆ แบบนี้ลง”
เจียงเฉิงตะลึงงัน หลี่อันหรานราวกับเปลี่ยนเป็คนละคนั้แ่่บ่ายวันนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไรก็เอาแต่เป็ปรปักษ์ไปเสียทุกเื่
กระนั้นเจียงเฉิงก็ยังคงตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ ข้ากินได้”
หลี่อันหรานเผยอปากแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไร หลี่อันอันนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้าง ศีรษะของนางโผล่พ้นขอบโต๊ะเพียงเล็กน้อย ปากอยู่ในระดับเดียวกันกับชามข้าวพอดี นางกำลังใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปาก
แต่แล้วหลี่อันอันก็โพล่งขึ้นว่า “พี่หญิง วันนี้ท่านเป็อะไรเ้าคะ? พี่ชายทำให้ท่านไม่พอใจหรือ?”
หลี่อันหรานรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล นางลุกขึ้นพรวด “ข้าอิ่มแล้ว พวกเ้าค่อยๆ กินไปเถอะ”
สิ้นเสียง นางก็ตรงกลับไปที่ห้องตัวเอง นางนั่งลงในห้อง มือทั้งสองข้างเกี่ยวพันเล่นผมไปมา ภายในใจครุ่นคิดว่าตัวเองเป็อะไร?
นางคิดกับตัวเองเงียบๆ หรือเพราะฉางควนบอกว่าตอบแทนบุญคุณนางแล้วจะไปจากที่นี่? แต่เขาพูดแบบนี้ก็ไม่มีอะไรผิดนี่นา เหตุใดต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?
นางทิ้งตัวนอนบนเตียงและหันหน้าเข้าหากำแพง
ไม่ว่าจะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายหรือเครื่องประดับของฉางควนล้วนแต่บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนบ้านนอก ดีไม่ดีอาจเป็ชนชั้นสูงที่ตกระกำลำบากเพียงชั่วครู่ชั่วคราวก็เท่านั้น
หลี่อันหรานถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ด้วยความสามารถของนางแล้ว การจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้ แต่นางไม่อาจทำใจทอดทิ้งน้องชายน้องสาวและเสิ่นอิ๋นหวนได้ลงคอ
ถึงแม้ว่าในแง่ของความรู้สึกแล้วพวกเขาจะไม่ใช่ครอบครัวของนาง แต่ถึงอย่างไรก็เกี่ยวข้องทางสายเืกับร่างกายนี้
หลี่อันหรานหลับตาลง นางพยายามสลัดเื่ซับซ้อนพวกนี้ออกจากหัวเพื่อเข้านอน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก ฟังจากเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็เสิ่นอิ๋นหวน
อีกฝ่ายเดินมานั่งลงอย่างนุ่มนวลที่ขอบเตียงพร้อมกับเอื้อมมือมาตบหลังหลี่อันหราน ฝ่ามือของผู้เป็มารดาอ่อนโยนนัก ถึงแม้จะกำลังตบแต่กลับให้ความรู้สึกสบายอย่างน่าประหลาด
หลี่อันหรานไม่หันตัวไป นางหลับตานอนตะแคงหันเข้ากำแพงอย่างดื้อรั้น เสิ่นอิ๋นหวนจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามเสียงแ่เบา “วันนี้เ้าเป็อะไรไป? เหตุใดจึงใส่อารมณ์โดยไม่มีเหตุผล พวกเ้าสองคนทะเลาะกันหรือ?”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็อะไร ท่านไม่ต้องสนใจข้าหรอก” หลี่อันหรานตอบอย่างราบเรียบแล้วขยับตัวชิดกำแพงขึ้นไปอีก “ข้าอยากนอนแล้ว ท่านเองก็รีบพักผ่อนเถิด”
เสิ่นอิ๋นหวนมองหลี่อันหราน ถึงแม้นางจะรู้สึกว่าหลี่อันหรานเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็ลูกสาวของนาง ต่อให้เปลี่ยนไปมากเพียงใดก็เป็แก้วตาดวงใจของนางอยู่ดี จะให้จากไปทั้งที่รู้ว่าลูกสาวกำลังทุกข์ได้อย่างไร?
“เ้ามีปัญหาในใจอะไรก็บอกแม่ได้ ต่อให้แม่จะช่วยไม่ได้ แต่อย่างน้อยเ้าก็จะรู้สึกดีขึ้น!”
หลี่อันหรานฟังแล้วรู้สึกตื้นตันใจนัก แม้นสตรีตรงหน้าจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของนาง แต่ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมอบให้นางเป็ของแท้ จริงอยู่ที่ิญญาในกายนี้มิใช่ลูกสาวแท้ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่ร่างกายนี้ยังคงมีความเกี่ยวพันทางสายเืสำหรับพวกเขาอยู่
หลี่อันหรานลุกขึ้นนั่งเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางััได้ว่าความรู้สึกที่เสิ่นอิ๋นหวนมอบให้เป็ของจริง นางขยับไปนั่งข้างอีกฝ่ายและเอนศีรษะซบไหล่ “ท่านแม่ ฉางควนบอกว่าตอบแทนบุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตแล้วจะจากไป”
เสิ่นอิ๋นหวนชะงักเล็กน้อย แต่ยังคงใช้มือที่เต็มไปด้วยตุ่มด้านลูบแผ่นหลังบุตรสาวเบาๆ “เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่นี่ สักวันก็ต้องไปอยู่แล้ว เ้าจะโมโหทำอันใด!”
“ท่านแม่ ท่านว่าเขาดูแคลนพวกเราหรือไม่? เขารู้สึกว่าอาหารที่พวกเรากินธรรมดา อีกทั้งบ้านก็ซอมซ่อ ด้วยเหตุนี้จึงไม่อยากอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?”
เสิ่นอิ๋นหวนเผยยิ้ม “จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร? แม่มองออกว่าเขาเป็ห่วงเ้าจากใจจริง แต่บางทีเขาอาจจะมีครอบครัวเช่นกัน มีพ่อแม่ มีพี่น้อง เ้าจะให้เขาทอดทิ้งครอบครัวของตัวเองมาอยู่ที่นี่เพียงเพราะการตกระกำลำบากเพียงชั่วครู่ชั่วคราวหรือ?”
คำพูดนี้ทำให้หลี่อันหรานพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
ลองคิดดูแล้วก็จริง พวกนางไม่รู้ถึงตัวตนของฉางควนแม้แต่น้อย รู้แค่ว่าเขาอยู่คนละระดับกับตัวเอง อีกทั้งฉางควนก็ไม่เคยเล่าเื่ตัวเองให้ฟังเช่นกัน
ไม่แน่ว่าเขาจะมีภรรยาและลูก ไม่แน่ว่าเขาจะมีพ่อแม่ที่รอคอยให้เขากลับไปอยู่
หลี่อันหรานรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อตระหนักถึงจุดนี้ นางเงยหน้ามองเสิ่นอิ๋นหวน “ท่านแม่ ขอบคุณที่พูดเื่นี้กับข้าเ้าค่ะ ตอนนี้ข้าไม่เป็อันใดแล้ว ท่านรีบไปพักผ่อนเถิด นี่ก็ดึกแล้ว”
เสิ่นอิ๋นหวนสบตานาง ใบหน้าซึ่งแทบจะมีรอยย่นปกคลุมจนทั่วเจือความใจดี นางเอื้อมมือััข้างแก้มหลี่อันหรานอย่างทะนุถนอม มือซึ่งเคยอ่อนนุ่มกลายเป็หยาบกร้านเพราะตุ่มด้าน มันทำให้หลี่อันหรานรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
หลี่อันหรานถึงค่อยยิ้มออก เสิ่นอิ๋นหวนลูบนิ้วมือผ่านรอยแผลเป็บนใบหน้านางเบาๆ พลางพร่ำบอกด้วยน้ำตาคลอหน่วย “แม่ไม่ดีเอง ไม่ได้ปกป้องเ้าให้ดี”
หลี่อันหรานรีบแย้ง “ไม่ใช่ความผิดท่าน! ข้าไม่โทษผู้ใดเช่นกัน ท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็อะไรเ้าค่ะ”
เสิ่นอิ๋นหวนถอนหายใจเมื่อเห็นหลี่อันหรานมีรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นเ้าเองก็รีบพักผ่อน แม่อุ่นโจ๊กไว้ในเตา หากหิวก็ไปดื่มสักหน่อย!”
หลี่อันหรานพยักหน้าแล้วลุกออกไปส่งเสิ่นอิ๋นหวน
นางกลับเข้าห้องอีกครั้งหลังจากที่เสิ่นอิ๋นหวนจากไป ยามเอนตัวลงนอนก็เผลอคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของมารดา นั่นสินะ ไม่แน่ว่าฉางควนจะมีครอบครัว ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องอยู่หมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้อยู่แล้ว!
หากเป็ตัวนางเอง นางคงทำแบบเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ!
แต่ไม่ว่าหลี่อันหรานจะทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อไปคิดค้นเต้าเจี้ยวเผ็ดต่อ นางทำการสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปที่ลานบ้าน
เจียงเฉิงล้างพริกเสร็จหมดแล้ว พวกมันถูกผึ่งไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ หลี่อันหรานถือตะเกียงน้ำมันเดินเข้าไปตรวจดู ก่อนวางตะเกียงน้ำมันลงด้านข้างและเริ่มคิดค้นเต้าเจี้ยวเผ็ดของตัวเองต่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้