ปึงๆๆ! ปึงๆๆ!
ฝ่ามือปะทะกับหมัด เกิดเสียงกระทบที่คมชัดมาก จินตนาการได้เลยว่าทั้งหมัดและฝ่ามือนี้ทรงพลังมากแค่ไหน
แม้ว่าฉินหลางอยากจะจัดการเฉินกังด้วยกระบวนท่าเดียว แต่เขารู้ว่าเ้าหมอนี่กินยาม้าเข้าไป ทั้งความสามารถและพละกำลังของร่างกายได้รับการกระตุ้นขึ้นเต็มที่ นอกจากจะมีพละกำลังที่น่าใแล้ว ยังไม่รู้ว่าความเจ็บคืออะไรด้วย การโต้ตอบที่ไม่ได้หนักหนามาก มีแต่จะทำให้เขาดุร้าย และโเี้มากขึ้นเท่านั้น
ระหว่างที่ฉินหลางต่อสู้กับเฉินกังอยู่นั้น สีหน้าของอันเต๋อเซิ่งดูซีเรียสกว่าเดิมมาก พูดในใจ เ้าเด็กฉินหลางนี่มีวรยุทธ์แข็งกล้ากว่าที่เขาคิดไว้มาก ดูแล้วเ้าเด็กนี่ต้องมีที่มาที่น่ากลัวแน่ เผชิญหน้ากับคนแบบนี้ จะต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก! ตัดปัญหาไม่จบไม่สิ้นที่จะตามมา!
ทว่าหลูจินตอนนี้กลับตะลึงงัน ตัวเขาเองก็เป็นักสู้ที่แข็งแกร่ง ตอนที่ยังเรียนมหาลัยอยู่เขายังเคยได้รางวัลในด้านนี้เลย ตอนแรกเขาคิดว่า ตัวเองก็เป็ ‘ยอดฝีมือ’ เหมือนกัน แต่ตอนนี้ได้เห็นการต่อสู้ของฉินหลางกับเฉินกังแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าวรยุทธ์ของตนยังเป็เพียงผิวเผินเท่านั้น! วิธีการต่อสู้ของเฉินกัง โเี้ บ้าเืราวกับสัตว์ร้าย ฉินหลางกลับดูยิ่งใหญ่และมั่นคง ทั้งกระบวนยุทธ์ ทั้งฐานที่มั่นคง รู้สึกเหมือนเขาเป็ปรมาจารย์ทางการต่อสู้ ไม่รู้เพราะอะไร หลูจินรู้สึกว่าเฉินกังไม่น่าจะมีโอกาสชนะ
หลูจินเพิ่งรู้สึกอย่างนี้ ก็ได้ยินฉินหลางคำรามเสียงดัง ก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วและรุนแรง แรงเหยียบทำเอาก้อนหินแตกกระจาย จากนั้นเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว เหวี่ยงแขนไปที่เส้นกลางหน้าอกของเฉินกัง ใช้ฝ่ามือสับลงมาด้วยความรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด เคลื่อนผ่านอากาศด้วยความรวดเร็วจนเกิดเสียงลม ดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้อง
“แย่ละ!”
อันเต๋อเซิ่งร้องออกมาด้วยความใ เฉินกังก็ร้องในใจร้องว่าแย่แล้วเหมือนกัน ครั้งก่อนตอนอยู่ในสถานกักกัน เขาก็โดนฉินหลางจู่โจมด้วยท่า ‘ตั๊กแตนล้มช้าง’ ที่เขาคิดขึ้นเองนี้ จนได้รับาเ็เหมือนกัน ครั้งนี้ฉินหลางใช้ท่าเดิมอีกแล้ว ทำให้เฉินกังรู้สึกกดดันมาก ในขณะเดียวกันความโเี้ของเ้านี่ ก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้เขาไม่คิดที่จะหลบหลีก ทว่ากลับยกมือทั้งสองข้างขึ้น เขา้าใช้มือรับฝ่ามือของฉินหลางเอาไว้ แล้วฉวยโอกาสสวนตอบ
แต่การโจมตีด้วย ‘ฝ่ามือ’ อย่างเต็มกำลังของฉินหลาง ไม่ได้รับง่ายขนาดนั้น เมื่อครู่เขายืนรวบรวมลมปราณด้วยท่าฝูหลงจู้ ตอนเขาก้าวเท้าแรก พละกำลังทั้งหมดของเขาก็มารวบรวมกันอยู่บนฝ่ามือแล้ว รวดเร็วและรุนแรงราวกับการวิ่งลงมาของสายฟ้าฟาดจริงๆ น่ากลัวพอๆ กับกองทัพ พละกำลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นทันที จากนั้นจึงเห็นฝ่ามือของฉินหลางสับลงบนกลางหน้าอกเฉินเสียงดังกังวานและชัดเจนมาก
ต่างกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ฉินหลางไม่ได้ดึงแรงกลับ!
กร๊อบ!
ซี่โครงเฉินกังแตกละเอียด เขาสลบไปทันทีด้วยความเ็ป
กระบวนท่านี้สะกดทั้งหลูจินและทุกคนให้ตกอยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปประลองกับฉินหลางอีก
เถารั่วเซียงเองก็ตะลึงงันเหมือนกัน เขาคิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ และที่สำคัญยังลงมือได้โหดร้ายทารุณขนาดนี้ ถึงขนาดทำให้คู่ต่อสู้กระดูกแตกละเอียดได้ด้วยมือเปล่า เ้าหมอนี่ยังจะกล้าพูดว่าตัวเองเป็แพทย์แผนจีนอีก? คนจีนที่ชอบใช้กำลัง ตัดสินปัญหาด้วยความรุนแรงสิไม่ว่า!
“เก่งมาก!” ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงงันอยู่ จู่ๆ อันเต๋อเซิ่งกลับปรบมือพลางชื่นชม
“อันเต๋อเซิ่ง แกอยากจะลงมือเองเหรอ?” ตอนที่ฉินหลางพูดประโยคนี้ เขาไม่ได้พูดหัวเราะเยาะอันเต๋อเซิ่ง หากแต่เป็การถามด้วยความสงสัย เพราะความรู้สึกของฉินหลางบอกเขาว่า อันเต๋อเซิ่งเป็คนที่รับมือยากมากกว่าเฉินกังแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจที่ตาเฒ่าพิษมอบหมายให้ฉินหลาง ไม่มีทางสำเร็จได้ง่ายๆ แน่นอน
“ใช่ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว *คลื่นลูกหลังดันคลื่นลูกหน้า คลื่นรุ่นเก่าอย่างพวกฉันไม่ได้อยู่ในสายตาของคลื่นลูกหลังอย่างพวกแกแล้ว” อันเต๋อเซิ่งพูด ก่อนจะดึงสูทคลุมด้านนอกทิ้ง เผยให้เห็นชุดฝึกซ้อมกังฟูสีดำ ดูไปแล้ว คืนนี้ตาเฒ่านี่เตรียมจะลงมือเองั้แ่แรกแล้ว
ที่ว่ากันว่า ยิ่งแก่ยิ่งเลว มันเป็อย่างนี้นี่เอง!
หลังจากถอดสูทออกแล้ว อันเต๋อเซิ่งดูเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน เริ่มมีรัศมีของนักรบแผ่ออกมาจากร่างกาย
แม้ว่าอายุของเ้าหมอนี่ใกล้จะถึง 50 แล้ว แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนยังเป็วัยรุ่นอยู่ เห็นได้ชัดว่าอันเต๋อเซิ่งขยันฝึกวรยุทธ์มาก และยังคงซ้อมอยู่เป็ประจำ จนสำเร็จวิชาทำให้ร่างกายเขายังคงแข็งแรงราวกับวัยรุ่น
“เ้าหนู แกรู้ไหมว่าทำไมเฉินกังให้เกียรติฉันมากขนาดนี้? เพราะเมื่อก่อน ตอนเขาต่อยมวยใต้ดินอยู่ที่เหยียนไห่ ฉันก็คือเ้านายของเขา! วรยุทธ์ของเขา ฉันก็เป็คนสอนเหมือนกัน! ” อันเต๋อเซิ่งพูดอย่างโอหัง
“อ๋อเหรอ?” ฉินหลางไม่รู้สึกรู้สาอะไร “ดูจากวรยุทธ์ของลูกศิษย์แล้ว คนที่เป็อาจารย์ น่าจะไม่เท่าไหร่หรอก!”
“เ้าหนู! ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!” อันเต๋อเซิ่งสบถเสียงเย็นเยือก สาวเท้าเข้าไปหาฉินหลางด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็จู่โจมอย่างกะทันหัน
ในวินาทีที่อันเต๋อเซิ่งสาวเท้าก้าวมาข้างหน้า ฉินหลางมองเห็นชัดเจน เ้าหมอนี่ก้าวเท้าด้วยความมั่นคง ราวกับสามารถเดินข้ามแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวได้ ดูไปแล้วอันเต๋อเซิ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง!
เช่นเดียวกับฉินหลาง เคยผ่านการฝึกพละกำลัง และ**สร้างฐานจนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง
“ตาเฒ่านี่ ปกปิดเก่งจริงๆ เลย!” ฉินหลางสบถเสียงเย็นะเื เท้าทั้งสองหยั่งรากลึกลงไปดังเดิม มั่นคงดั่งขุนเขา ไม่มีความกระวนกระวายเลยแม้แต่นิดเดียว
จริงอยู่ฉินหลางสูญเสียพละกำลังจากการต่อสู้กับเฉินกังไปบ้างแล้ว แต่ฝูหลงจู้ก็สามารถช่วยรวบรวมพละกำลังทั่วทั้งร่างกายมาไว้ที่จุดเดียว ดังนั้นจึงสูญเสียพละกำลังไปไม่มาก การสูญเสียกำลังแค่นี้ไม่ได้ส่งผลอะไรกับฉินหลางมากนัก เห็นหมัดของอันเต๋อเซิ่งพุ่งเข้ามา ฉินหลางยังคงตั้งรับด้วย ‘มีดตั๊กแตน’ เหมือนเดิม
ตอนนี้มีดตั๊กแตนของฉินหลาง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวแล้ว แล้วยังซ้อมจนเริ่มมี***จิตของกระบวนยุทธ์เกิดขึ้นบ้างแล้ว แข็งแกร่งและดุดัน รวดเร็วและแม่นยำไปในเวลาเดียวกัน ยากที่จะต้านทานได้ แต่ตอนที่ฝ่ามือของฉินหลางใกล้ปะทะกับหมัดของอันเต๋อเซิ่ง จู่ๆ เขาก็ปล่อยหมัดในมือออก กลายเป็****ฝ่ามืองู อ้อมผ่านฝ่ามือของฉินหลางด้วยความรวดเร็ว ตรงไปที่ลูกกระเดือกของฉินหลาง
“ฝ่ามืองู!”
ฉินหลางหงายฝ่ามือขึ้น ดีดข้อมือของอันเต๋อเซิ่งออก หลีกเลี่ยงการโดนทิ่มทะลุลูกกระเดือก
“สายตาดีนี่!” อันเต๋อเซิ่งพูดอย่างโอหัง “คืนนี้ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า ‘ตั๊กแตน’ ของแก กับ ‘งู’ ของฉันตัวไหนมันจะเหนือกว่ากัน! ลืมบอกแกไป ฉันฝึกวรยุทธ์ถึงขั้นที่สี่ ‘ฝึกจิตของกระบวนยุทธ์!’ มีครบทั้งกระบวนยุทธ์ และจิตของกระบวนยุทธ์ เดี๋ยวแกก็จะได้รู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน!”
“จิตของกระบวนยุทธ์!”
ฉินหลางสะดุ้งโหยง ลำดับขั้นที่สามของผู้ฝึกวรยุทธ์ ‘ฝึกกระบวนท่า’ จริงอยู่ที่มีสำนักและพรรคต่างๆ เยอะแยะมากมาย แต่ทว่าส่วนมากมักเป็การนำท่าของสัตว์ชนิดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะดวงจิตของกระบวนท่า แต่การฝึกดวงจิตของกระบวนท่านั้นค่อนข้างยาก เพราะจะฝึกเพียงกระบวนอย่างเดียวไม่ได้ และจะฝึกดวงจิตเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้เช่นกัน กระบวนท่ากับดวงจิตต้องมาคู่กัน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ มีเพียงฝึกท่าทางจนเกิด ‘จิต’ แล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถสำเร็จได้ ดังนั้นมีเพียงผู้ที่ฝึกจนเกิดดวงจิตของกระบวนท่าแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถเรียกว่าจอมยุทธ์ได้!
ฉินหลางเพิ่งจะเข้าใจ ‘กระบวนท่า’ อย่างลึกซึ้ง ในขณะที่อันเต๋อเซิ่งอยู่ในขั้น ‘ฝึกจิตของกระบวนท่า’ ตั้งนานแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ของฉินหลาง ไม่ค่อยจะดีเท่าไรเลย ทว่ายังอยู่ต้องหน้าศัตรู ฉินหลางจึงไม่แสดงอาการกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ฉินหลางยกมือขึ้นกวักเบาๆ ทำท่าท้าทายอันเต๋อเซิ่ง พลางกล่าวขึ้น “วรยุทธ์ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากการโม้ แกเป็ตุ๊ดรึเปล่า แกเก่งรึเปล่า ต้องลองก่อนถึงจะรู้!”
“ปากดีนักนะไอ้หนู แกกล้าด่าว่าฉันเป็ตุ๊ดเลยเหรอ” อันเต๋อเซิ่งพูดขึ้นดังลั่นด้วยความโมโห เพราะฉินหลางว่าเขาเป็ตุ๊ด เป็การด่าว่าเขาห่วยแตกทางอ้อม อันเต๋อเซิ่งนิ่งเรียบไม่ได้อีกต่อไปแล้ว รีบพุ่งเข้าโจมตี ฝ่ามืองูของเขาหวังจะโจมตีจุดตายของฉินหลาง เป็ท่าที่โหดร้ายและทารุณมาก
ฉินหลางรักษาระยะห่างระหว่างก้าวได้อย่างมั่นคง ใช้ฝ่ามือกวาดฝ่ามืองูของอันเต๋อเซิ่งออกอีกครั้ง ทว่าการโจมตีจากฝ่ามืองูของอันเต๋อเซิ่งนั้นไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน กระสับกระส่ายอยู่เรื่อยๆ มองหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ จะได้ฆ่าศัตรูจากการโจมตีครั้งเดียวได้!
ฟิ้ว!
เป็แบบที่คิดจริงๆ ด้วย ฝ่ามืองูของอันเต๋อเซิ่งหลบฝ่ามือของฉินหลางไปได้อีกครั้ง แล้วอ้อมมาโจมตีเขาจากข้างใบหู ด้วยมุมที่ค่อนข้างหลบหลีกได้ยาก!
ฉินหลางคิดไม่ถึงว่าฝ่ามืองูของอันเต๋อเซิ่งจะอำมหิตขนาดนี้ จำต้องถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อหลบการโจมตีนี้
ฝ่ามืองูของฉินหลางดูมีชีวิตราวกับงูจริงๆ ตีงูไม่ตายมันจะรุกสามขุม ฉินหลางถอยหลังแล้วอันเต๋อเซิ่งก็รีบเดินขึ้นหน้ามาทันที ฝ่ามืองูอีกข้างของเขาจู่โจมจาก่เอวรวดเร็วราวกับสายฟ้า กลายเป็ ‘ฝ่ามือหัวงู’ พุ่งตรงไปที่สะดือของฉินหลาง
ฉินหลางใช้ฝ่ามือรับไว้อีกครั้ง แม้ว่าจะสามารถรับฝ่ามือหัวงูของอันเต๋อเซิ่งไว้ได้ แต่กลับรู้สึกว่าฝ่ามือนี้เหมือนไม่มีแรงเลย และเหมือนเพิ่งจะกระทบกับฝ่ามือของฉินหลาง อันเต๋อเซิ่งก็รีบชักมือกลับในทันที
นี่เป็ท่าลวงชัดๆนี่นา!
ฉินหลางร้องในใจ ‘แย่แล้ว’ แล้วก็จริงอย่างที่คิดไว้ หลังจากที่หัวงูของอันเต๋อเซิ่งเลื่อนต่ำลงแล้ว เขาก็พลิกหันฝ่ามือขึ้นข้างบน หลังมืออยู่ข้างล่างแทน จีบมือแล้วพุ่งปลายนิ้วแหลมๆ ของมันไปยังบริเวณตรงหว่างขาของฉินหลาง ท่านี้เป็หนึ่งในท่าไม้ตายของฝ่ามืองู ชื่อท่า ‘งูใหญ่หาถ้ำ’ เป็ท่าที่ป้องกันได้ยากและโเี้อย่างไร้ที่ติ!
“แม่ม! ไอ้แก่นี่อยากจะทำให้น้องชายฉันใช้การไม่ได้อีก!”
กระบวนท่านี้ของอันเต๋อเซิ่งได้ทำให้ฉินหลางเดือดจริงๆ แล้ว
*คลื่นลูกหลังดันคลื่นลูกหน้า : รุ่นใหม่แทนรุ่นเก่าๆ หรือ เก่งขึ้นเก่งขึ้นทุกๆ รุ่น
**สร้างฐาน : การฝึกซ้อมท่านั่งม้าเพื่อให้มีกำลังขา หรือ่ล่างของร่างกายั้แ่เอวถึงเท้าที่มั่นคง
***จิตของกระบวนยุทธ์ : ความหมายที่แท้จริงของกระบวนท่านั้นๆ จิตที่เข้าใจท่าต่างๆ อย่างถ่องแท้ และเป็อันหนึ่งอันเดียวกับท่าทาง
****ฝ่ามืองู : แบมือออก ทำมือทั้งสองข้างให้คล้ายกับงู และจู่โจมคู่ต่อสู้ด้วยท่าทางที่เลียนแบบท่าทางของงู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้