ยามบ่ายคล้อย แสงแดดสาดส่องลอดใบไม้ หลังจากการทะเลาะวิวาทอันวุ่นวาย ลานบ้านก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
สวี่จือจือเอียงศีรษะมองลู่จิ่งซานด้วยความสงสัยใคร่รู้
ลู่ซืออวี่นอนหลับอย่างสงบอยู่ตรงนั้น โดยมีลู่จิ่งซานกับสวี่จือจือนั่งเฝ้าอยู่คนละฝั่ง
นี่เป็ครั้งแรกที่สวี่จือจือได้มองลู่จิ่งซานอย่างเงียบๆ โดยไม่มีอะไรมารบกวน
ไม่นึกเลยว่าขนตาของเขาจะยาวและงอนงามขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม เธอคงอดใจไม่ไหวที่จะััขนตาที่งอนหนาของเขาเสียแล้ว
เสียงทุ้มนุ่มของลู่จิ่งซานก็ดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด
“หลายวันที่ผ่านมา คุณคงได้เห็นแล้วว่าบ้านผมไม่ได้ดูดีสวยหรูอย่างที่คนภายนอกพูดกัน” ลู่จิ่งซานกล่าว “ตรงกันข้าม กลับมีเื่ขัดแย้งมากมาย และต่อไปก็จะยังมีเื่แบบนี้อีกเยอะ”
วันนี้สวี่จือจือก็ถือว่าเปิดศึกกับเหอเสวี่ยฉินไปแล้ว
ขณะที่เขาอยู่บ้าน เขายังพอจะปกป้องเธอได้ แต่ถ้าเขาไม่อยู่ล่ะ? ผู้หญิงคนนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ แถมยังชอบสร้างภาพ เธอที่เป็คนตรงไปตรงมา เขาเกรงว่าเธอจะเสียเปรียบ
“หา?” หมายความว่ายังไง?
สวี่จือจือกะพริบตาปริบๆ
“ดังนั้นคุณว่าพวกเราควรให้เวลาอีกฝ่ายได้ทำความเข้าใจกัน” ลู่จิ่งซานถาม
สวี่จือจือจึงได้เข้าใจความหมายที่เขา้าจะสื่อ เธอหน้าแดงเล็กน้อย เมื่อคิดดูแล้วก็เริ่มไตร่ตรองเื่นี้อย่างจริงจัง
“อย่างที่คุณว่า” สวี่จือจือกล่าว “บ้านคุณมีแต่พวกตัวป่วน เื่หยุมหยิมก็เยอะ”
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเื่ดีๆ เลย
คุณนายลู่แม้ว่าบางครั้งจะทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น แต่ส่วนใหญ่ก็เข้าข้างพวกเขาอยู่ ส่วนครอบครัวป้าสะใภ้ใหญ่ แม้ว่าจ้าวลี่เจวียนจะขี้เหนียวและเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็คนดี
“บ้านตระกูลสวี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่” สวี่จือจือหัวเราะเยาะตัวเอง “มีแต่เื่วุ่นๆ เหมือนกัน”
ชีวิตก็เป็แบบนี้แหละ มีแต่เื่ยุ่งเหยิง
“แต่ถ้าคุณคิดว่าวันนี้ฉันทำเกินกว่าเหตุ คิดว่าฉันเป็ตัวก่อเื่” สวี่จือจือยิ้มแล้วมองเขา “เื่ในบ้านของคุณ ฉันก็จะไม่เข้าไปยุ่งอีก”
“แล้วก็ถ้าอยากจะยกเลิกความสัมพันธ์ของเรา ฉันก็ยินดี” สวี่จือจือยักไหล่ “แต่จะรบกวนคุณไปบอกหัวหน้ากองงาน ช่วยทำหนังสือรับรองและจดหมายแนะนำให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
รอจนถึงปีหน้าเมื่อกฎระเบียบผ่อนคลายลง เธอจะไปทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ่แรกอาจจะลำบากสักหน่อย แต่ก็เลี้ยงตัวเองได้แน่นอน พอถึงเวลาเปิดสอบ เธอจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ชาติก่อนในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงขนาดนั้น เธอยังสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ ในชาตินี้เธอก็ต้องทำได้เหมือนกัน แถมยังมีข้อมูลจากชาติก่อนที่อยู่ในหัว สวี่จือจือจึงมั่นใจในอนาคตมาก
ส่วนเื่ลู่จิ่งซาน ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้คงจะมีผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมในใจอยู่แล้ว เธอไม่ควรไปแย่งที่ของคนอื่น
ลู่จิ่งซานชะงักไป เขาไม่คิดว่าแค่ถามไปประโยคเดียว เธอกลับนึกถึงทางหนีทีไล่ไว้หมดแล้ว
ในใจพลันรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนสาเหตุที่ไม่สบายใจนั้น ตอนนี้เขายังไม่ได้คิดถึงมัน
เพียงแต่เมื่อสบกับดวงตาที่สดใสเป็ประกายของสวี่จือจือ หัวใจเขาก็สั่นไหว รีบร้อนตอบตกลงไป พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด
“คุณอย่าเข้าใจผิดนะ” เขาพูดต่อ “ผมไม่ได้คิดว่าคุณทำเกินไป”
“เื่ในวันนี้ ขอบคุณนะ” ลู่จิ่งซานกล่าว “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้เสี่ยวอวี่คงต้องได้รับความอยุติธรรมมากกว่านี้”
“คุณเป็คนดีจริงๆ” สวี่จือจือพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “วางใจได้เลย ฉันจะดูแลเสี่ยวอวี่ให้ดี”
ความเข้าใจผิดจึงเกิดขึ้น คนหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายคงมีคนที่ชอบอยู่แล้ว อีกคนก็คิดว่าในเมื่อเธอวางแผนอนาคตไว้แล้วก็ไม่ควรให้เื่วุ่นวายในบ้านมาฉุดรั้งเธอไว้
ทั้งคู่ต่างมีเื่ในใจ ครู่หนึ่งก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ในห้องเต็มไปด้วยความอึดอัด
สวี่จือจือแกว่งเท้าไปมา “เื่ของเสี่ยวอวี่ คุณควรให้ความสนใจมากกว่านี้”
“วางใจเถอะ เื่นี้ผมมีแผนการอยู่แล้ว” เขากล่าว
สวี่จือจือคิดในใจ ‘ฉันวางใจแล้วมีประโยชน์อะไร? พอหย่ากับคุณแล้ว ฉันมีจดหมายแนะนำแล้วคงจะไม่อยู่ที่นี่แน่ ยังไงก็ต้องไปผจญภัยข้างนอก’
“ถ้าหากคุณไปประจำการ” เธอคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ลองดูว่าพอจะหาทางพาหล่อนไปเรียนมัธยมปลายที่นั่นได้ไหม?”
“คุณอย่าเข้าใจผิดนะ” เธอเห็นเขามองมาก็รีบโบกมือ “ฉันหมายถึงเด็กผู้หญิงก็ยังต้องเรียนหนังสือ ไม่ใช่ว่าการศึกษาจะทำให้คนฉลาดขึ้นเหรอ”
“อนาคตไม่มีใครรู้ บางทีสักวันหนึ่งอาจจะกลับมาเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งก็ได้ ฉันยังคิดว่าคนที่มีความรู้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็คงไม่แย่”
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม เสียงของเด็กสาวแ่เบา เหมือนกำลังพูดถึงเื่ที่สวยงาม ดวงตาของเธอเองก็เปล่งประกายไปด้วยความหวัง
กระทั่งหลายปีต่อจากนี้ ท่าทางที่แม้ชีวิตจะลำบากมากแค่ไหน ก็ยังเต็มไปด้วยความหวังในอนาคตนั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของลู่จิ่งซาน
ในขณะนั้นลู่จิ่งซานรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างในใจของเขาแตกหน่อออกมา
“คุณพูดถูก” ลู่จิ่งซานพยักหน้าอย่างจริงจัง “เื่ของเสี่ยวอวี่ รบกวนคุณด้วยนะ” เขาลุกขึ้นพูด “ผมจะไปดูคุณย่า”
“อืม” สวี่จือจือพยักหน้า
ข้างนอกดูเหมือนว่าลู่หลิงซานจะถูกโจวเป่าเฉิงตามกลับมาแล้ว แต่ยังยึกยักไม่อยากจะเข้าบ้าน ลู่จิ่งซานเปิดประตูออกไป แล้วมองทั้งสองคนด้วยสายตาเ็า จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆ
“ทุกคนกำลังพักผ่อน” เขามองลู่หลิงซานด้วยท่าทีเฉยเมย
ลู่หลิงซานสะดุ้งเฮือก
“คุณย่า” ลู่จิ่งซานเปิดประตูเข้าไป
หญิงชราตื่นแล้วเรียกให้เขานั่งลงใกล้ๆ “เสี่ยวอวี่หลับแล้วเหรอ?”
“ครับ” ลู่จิ่งซานพยักหน้า “คุณย่าวางใจได้ จือจือคอยดูอยู่”
“จือจือเป็เด็กดี” คุณนายลู่จับมือหลานชาย “แล้วแก...คิดยังไงกันแน่? หา? พวกแกยังไม่ได้ทำแบบนั้นกันใช่ไหม?”
“ผู้หญิงที่แกพูดถึงก่อนหน้านี้ ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” คุณนายลู่ถามด้วยความร้อนใจเล็กน้อย “แกบอกความจริงย่ามานะ ในใจแกคิดยังไงกันแน่?”
เขาจะคิดอะไรได้? ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นนึกถึงทางหนีทีไล่ไว้หมดแล้ว
ลู่จิ่งซานหัวเราะอย่างขมขื่น
ท่าทีของเขาที่ปรากฏในสายตาของหญิงชราเหมือนกับคนที่ยังลืมคนเก่าไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะโมโห
“เด็กโง่” คุณนายลู่ยกมือขึ้นตบหลังเขาเบาๆ “พลาดผู้หญิงดีๆ แบบนี้ไป แกจะต้องเสียใจแน่ๆ”
“ทำไมแกถึงได้หัวแข็งแบบนี้นะ!”
ทำไมต้องยึดติดอยู่กับคนคนเดียวด้วย! ทำให้เธอโมโหจนแทบตายแล้ว! ไม่เหลือมาดของตัวเธอเมื่อปีนั้นเลยสักนิด
ลู่จิ่งซานเห็นว่าเธอเข้าใจผิดก็ไม่ได้อธิบายอะไร รอจนเธอใจเย็นลงแล้วจึงพูดอย่างจริงจัง “คุณย่า ผมมีเื่อยากจะขอให้คุณย่าช่วย”
คุณนายลู่เหลือบมองเขา
“ไม่ตกลง” คุณย่าถอนหายใจ “เื่นี้ย่าไม่ตกลง”
“คุณย่า” น้ำเสียงของลู่จิ่งซานดังขึ้น “วันนี้คุณย่าก็เห็นอาการของเสี่ยวอวี่แล้ว”
เมื่อก่อนเธอแสดงท่าทีเรียบร้อยมาตลอด ลู่จิ่งซานคิดว่าเหอเสวี่ยฉินดูแลเธอดีพอสมควร ถึงแม้จะไม่เหมือนลู่หลิงซาน แต่อย่างน้อยก็ยังให้ความรักแบบแม่ได้
“เด็กเอ๊ย บ้านต้องมีความสามัคคี” คุณนายลู่พูดอย่างเสียใจ “แกจะให้ย่าที่อายุปูนนี้ ต้องมาเห็นบ้านหลังนี้แตกแยกกันไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
ลู่จิ่งซาน “...”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้