นางโปรดต้นไม้ที่เติบโตในทรายอย่างต้นยี่โถ
องค์หญิงอียืนมองดอกไม้อยู่ในสวนอวี้ ยังคงตื่นใอยู่
ท่ามกลางมวลดอกไม้ พุ่มดอกไม้สูงที่ออกดอกบ้านสะพรั่งตลอดปี
ดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ดอกของมันดูคล้ายกับกรวยกรอกน้ำ มีทั้งสีแดงและสีชมพู
ดูแล้วเพลินตาไม่เบา
นางถามเสด็จแม่ของตนว่าอยากให้นางส่งดอกไม้ไปให้พระสนมเอกเล่อหรือไม่
ฮองเฮาจ้าวเพียงมองสายตาของพระธิดาตนก็เข้าใจได้ทันทีว่านางหมายความว่าอย่างไร เพียงแต่ในใจก็อดจะกระวนกระวายขึ้นมาไม่ได้
นางไม่อยากให้มือของบุตรต้องมาแปดเปื้อนเื่วุ่นวายโสมมพวกนี้
นางเพียงแต่หวังว่าพระธิดาของตนจะได้เป็องค์หญิงที่มีความสำคัญเป็อันดับหนึ่ง ไม่เป็สองรองใคร ไม่ต้องมามีชีวิตเช่นนางที่เอาแต่ฝันกลางวัน ในใจก็มีแต่ความเปล่าเปลี่ยว
พระธิดาของนางฉลาดเหนือใคร อายุเพียงเท่านี้ก็มองใจคนได้ทะลุปรุโปร่งราวกับมิมีสิ่งใดที่นางไม่รู้
ทว่าท่าทีสบายๆ ยามกล่าวเื่จะส่งดอกไม้ไปให้พระสนมเล่อทำให้นางหวั่นใจนัก ราวกับว่านางได้มองเห็นมุมมืดที่แสนสกปรกของนางในตัวพระธิดา
ใบหน้าซีดขาวของฮองเฮาส่ายไปมา
แม้จะไม่ได้ปฏิเสธพระธิดา แต่ก็ยังกุมมือคู่น้อยขึ้นมา “องค์ชาย แม่หวังให้ชาตินี้เ้าได้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดไป ขาวพิสุทธิ์ราวกับดอกบัวขาวในลำธาร”
เมื่อองค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้น ก็พยักใบหน้าเล็กๆ ตอบตกลง
ทว่าในใจขององค์หญิงน้อยกลับไม่เป็เช่นนั้น ใครจะยอมเป็ดอกบัวขาวกันเล่า
ต่อให้นางไม่ส่งไป ขอเพียงแค่เอ่ยปากปล่อยข่าวนี้ออกไป เดี๋ยวก็จะมีคนลงมืออย่างแน่นอน
ต้นยี่โถไม่ว่าจะเป็ใบ เปลือกไม้ รากหรือดอกของมัน กล่าวได้ว่าทั้งตนของมันล้วนแล้วแต่มีพิษ
เกรงว่าหากเผาดอกของมัน ควันก็ย่อมต้องมีพิษด้วยเช่นกัน
เพียงแค่ใบเล็กๆ ของมันก็สามารถมอบความตายให้ทารกได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเสด็จแม่ไม่อนุญาตให้นางส่งไป นางก็จะไม่ส่ง นางก็ไม่อยากให้มือของตนแปดเปื้อนเช่นกัน
บางทีนับั้แ่นางเกิดมาในวังหลวงแห่งนี้ ครั้งแรกที่นางเห็นนางกำนัลถูกโบยจนตาย นางยังต้องฝันร้ายอยู่เสียหลายคืน ทว่าต่อมานางก็ค่อยๆ ชินชากับมันเสียแล้ว
นางเป็คนปรับตัวเก่ง
วังหลวงเดิมทีก็เป็สถานที่ที่เ้าตายข้าอยู่ อยู่ที่นี่ย่อมมีโอกาสจะตายได้ตลอดเวลา หากไม่ชิงลงมือกับคนอื่นก่อน ผู้อื่นก็ย่อมจะมอบความตายให้เราแทน ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะใจอ่อนกันได้
เมื่อองค์หญิงอีเสด็จจากตำหนักของพระมารดามาแล้ว ก็เตรียมตัวไปปรากฏกายให้พระบิดาของตนเห็น
เสด็จพ่อของนางช่างไร้น้ำใจนัก ไม่กี่วันก่อนยังตรัสว่านางคือพระธิดาที่พระองค์รักที่สุด ทว่ายามนี้กลับไม่เห็นแม้เพียงเงา
ร่างน้อยๆ ขององค์หญิงเสด็จผ่านสวนอวี้
เมื่อผ่านแปลงที่ปลูกดอกยี่โถไว้แน่นขนัด
นางก็ชะงักฝีเท้าลง
ไม่คาดคิดว่าจะได้พบราชครูน้อยจ้งเยียนที่นี่
วันนี้ราชครูน้อยจ้งเยียนสวมชุดยาวสีเข้มตลอดร่างแบบเฉพาะของราชครู
เรือนผมถูกหวีเก็บเรียบร้อย ทว่าใบหน้าช่างขาวซีด ร่างกายก็ผ่ายผอมนัก
เมื่อเห็นเช่นนี้นางจึงเพิ่งคิดได้ว่านางไม่ได้พบเขามานานแสนนานแล้ว
“จ้งเยียน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” องค์หญิงตรัสถามขึ้นด้วยความใ
จ้งเยียนเมื่อได้เห็นองค์หญิงน้อยก็มีท่าทางดีใจ ดวงตาพลันทอประกายขึ้นมา
ทว่าเมื่อองค์หญิงขยับเข้าใกล้ หมายจะถามว่าเกินอันใดขึ้น
จ้งเยียนก็ทำท่าทีเศร้าโศกออกมา
เมื่อก่อนที่องค์หญิงและเขามีเื่ต้องติดต่อกัน นางก็จะให้เขามารอที่นี่
บัดนี้นางกลับถามเขาว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่
“อืม ข้าคิด…เื่บางอย่างจึงมาหาท่าน” จ้งเยียนมององค์หญิงน้อย ท่าทีงามสง่าที่แฝงด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้เขาไม่กล้ากล่าวว่าคิดถึงนาง ได้แต่เฉไฉว่าเพราะมีเื่จึงมาหานาง
องค์หญิงเองก็มิได้หลบเลี่ยงจ้งเยียน มือคู่น้อยของนางยื่นออกมากุมมือจ้งเยียนไว้
ใบหน้าซีดขาวของจ้งเยียนพลันซับสีเืขึ้นมาทันที
“องค์หญิงทำเช่นนี้คงจะไม่เหมาะกระมัง”
องค์หญิงน้อยจึงเพิ่งจะตระหนักได้เช่นกันว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามิใช่น้องชายของตน เขาคือจ้งเยียนที่ตำแหน่งสูงกว่านางเสียด้วยซ้ำ
นางจึงรีบปล่อยมือทันที “ท่านมีเื่อันใดก็พูดมาเถิด ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่ออีก”
จ้งเยียนเองก็รีบดึงมือตนกลับ ใบหน้าแดงระเรื่อพลันกลับไปซีดขาวดังเดิม
“ข้ารู้สึกถึงท่านอาจารย์ได้แล้ว ฝ่าาพระราชทานอภัยโทษให้เช่นนี้ ท่านว่าท่านอาจารย์ของข้าจะกลับมาหรือไม่”
“ท่านอาจารย์ของท่าน ราชครูคนเก่าน่ะหรือ” องค์หญิงน้อยพลันตื่นใขึ้นมา
นางไม่เคยคิดถึงเื่นี้เลย ตอนนั้นนางก็แค่เล่นพิเรนทร์ไปอย่างนั้น ไม่เคยคำนึงถึงผลของมันแม้แต่น้อยว่าจะเป็การส่งคนคนหนึ่งไปตาย ไม่คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะพิโรธถึงขนาดลดตำแหน่งของท่านราชครู ทั้งเสด็จแม่ยังคอยปลุกปั่นจนทำให้ราชครูต้องโทษปะา
นางในตอนนั้นด้วยเพราะกินปูนร้อนท้องจึงได้ปลอบใจจ้งเยียนอยู่เสียนานสองนาน ไม่คาดคิดว่าราชครูจะกลับมา
“ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้กล่าวว่าคนตระกูลจ้งมักจะอายุไม่ยืนหรอกหรือ ยามนี้ท่านอาจารย์ของท่านอาจล่วงลับไปแล้วก็ได้ ท่านตั้งใจหลอกลวงข้าหรือ”
จ้งเยียนได้แต่ก้มหน้าลงยอมรับโดยดุษณี
เขาปกปิดเื่ความเป็ความตายของท่านอาจารย์ไว้จริงๆ ทว่าเขาก็คิดว่าองค์หญิงจะทรงเข้าใจ
ทว่าบัดนี้องค์หญิงกลับเดินจากไปพร้อมโทสะ ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังจนเขารู้สึกสับสนไปหมด
ดอกของต้นยี่โถงดงามนัก สีแดงสดช่างสดใส
จ้งเยียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ก็งดงามนัก เพียงแต่ชุดสีมืดทึบของเขาทำให้เขาดูคล้ายกับใบสีเขียวครึ้มของต้นยี่โถที่ยื่นออกมา
เขารู้สึกราวกับว่าตนถูกทอดทิ้ง ครอบครัวก็ทอดทิ้ง ท่านอาจารย์ก็ทอดทิ้ง ยามนี้องค์หญิงก็ยังทอดทิ้งเขาไป…
……
ท้องฟ้ากลางทะเลทรายเปลี่ยนแปลงเพียงแค่สิ้นวัน
ท้องฟ้าสีคราม ปรากฏมีเมฆสีเทาพัดผ่าน ไม่ทันไรก็เปลี่ยนเป็มืดทะมึน
บัดนี้ท้ายขบวนของเฉินโย่วมีคนเพิ่มมานับสิบคน
เหล่าโจรผู้โชคร้าย เมื่อรู้ว่าขบวนที่พวกตนกำลังจะลงมือปล้นเป็ขบวนของนายท่านสามแห่งหมู่บ้านไป๋กู่ก็แทบจะร่ำไห้
บัดนี้ใครบ้างเล่าที่จะไม่รู้ว่าบนทุ่งหญ้ารกร้างแห่งนี้ กองโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือกองโจรของหมู่บ้านไป๋กู่
ต่างก็กล่าวกันว่าหากเป็โจรต้องเป็ให้ได้อย่างหมู่บ้านไป๋กู่
ยามที่ออกปล้นก็ทำอย่างสง่างาม เข้าออกรถคันโตเ่าั้พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะราวกับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
ยามนี้กระทั่งท่านข้าหลวงยังต้องเกรงใจคนเหล่านี้
พวกเขาทำบาปทำกรรมจุดธูปไม่ดีมาหลายภพหลายชาติหรืออย่างไร ถึงได้มาปล้นคนเหล่านี้เข้าได้
อีกทั้งชื่อเสียงของพวกเขาก็ช่างสมคำร่ำลือ เหล่าโจรของหมู่บ้านไป๋กู่ยังไม่ทันลงมือ เพียงแค่เด็กหญิงคนเดียวก็จัดการพวกเขาเสียอยู่หมัด ไม่เหลือรอดแม้สักคน
พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าข่าวลือเื่นี้มาจากที่ใด ที่ว่ามีชายชราคนหนึ่งซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้ หากพวกเขาได้มา ชาตินี้ก็มิจำเป็ต้องกังวลเื่เงินทองอีกแล้ว
ทว่าตำนานนี้กลับถูกเล่าต่อกันอย่างจริงจัง กระทั่งสมบัติล้ำค่ายังถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ว่ากันว่ามีแผนที่บอกขุมสมบัตินี้อยู่ ตามตำนานกล่าวว่าบรรพบุรุษของแคว้นซีเป็คนฝังไว้ บรรพบุรุษแคว้นซีตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางธรรม ออกเดินทางแสวงหาแก่นแท้ของเต๋า ทว่าก็ยังเป็ห่วงชนรุ่นหลัง จึงได้เหลือทรัพย์สมบัติจำนวนมากไว้ให้พร้อมกับแผนที่
เดิมทีแคว้นซีก็เป็แคว้นที่มั่งคั่งอยู่แล้ว เล่ากันว่าชนชั้นสูงในแคว้นซียามต้อนรับญาติมิตรจะใช้ผ้าไหมมาบังแดดให้ ใช้หยกขาวมาปูพื้น งานเลี้ยงต้อนรับยังต้องดังกึกก้องถึงสามวันสามคืน ไม่ว่าใครที่เดินทางมาก็ล้วนแต่นับเป็แขก สามารถมาร่วมงานได้
ขนาดชนชั้นสูงในแคว้นซียังร่ำรวยกันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นสมบัติที่บรรพบุรุษแคว้นซีทิ้งไว้ให้จะมีค่ามหาศาลเพียงใด
ไม่ต้องคิดก็ยังรู้ว่าจะต้องล้ำค่าจนไม่อาจประมาณ
อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินตำนานเื่นี้ ทว่าครานี้มันกลับสมจริงมาก กระทั่งลักษณะของชายชรา กระทั่งแผนที่ก็ยังอธิบายได้สมจริงยิ่ง
“พวกเราได้ข่าวมาว่าบนร่างของชายชรามีแผนที่อยู่ เพราะคราวก่อนที่ตลาดมีคนเผลอไปชนเข้ากับชายชรา จากนั้นจึงได้เห็นแผนที่ตกลงมาจากร่างเขา”
“มันคือแผนที่ขุมทรัพย์ที่บรรพบุรุษแคว้นซีทิ้งไว้ให้จริงๆ…”
เหล่าโจรได้แต่ชวนกันหารือพร้อมใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา
หากพวกเขารู้ั้แ่แรกว่าชายชราที่พวกตนหมายหัวเป็คนหมู่บ้านไป๋กู่ ต่อให้มีสมบัติมากเพียงใดพวกเขาก็ไม่มีทางมา
เมื่อเฉินโย่วได้ยินคำชี้แจงจากเหล่าโจรก็หันไปมองท่านอาจารย์ของตนพร้อมแววตาทอประกาย
“ท่านอาจารย์ ท่านมีแผนที่ขุมทรัพย์จริงๆ หรือ”
ราชครูรีบส่ายหน้าเป็พัลวัน แผนที่ขุมทรัพย์อันใดกันเล่า นี่ย่อมไม่มีทางเป็ไปได้
หากว่ามีแผนที่จริง จากนิสัยของคนตระกูลจ้งแล้วก็คงจะถวายให้ฮ่องเต้ไปั้แ่แรกแล้ว
เฉินโย่วมองท่านอาจารย์ที่ส่ายหน้าไปมา ทว่ามือก็ยังตบไปบนร่างตน นางก็รู้สึกว่าเื่นี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เฉินโย่วที่เมื่อครู่กล่าวว่าตนใจนแทบจะเป็ลม เพียงพริบตาก็กลับมาร่าเริงอย่างรวดเร็ว ร่างน้อยๆ ยังะโมาดักตรงหน้าท่านอาจารย์แล้วยื่นมือที่ราวกับกรงเล็บน้อยๆ ออกมา พลางทำหน้าราวกับจะลงมือสังหารชายชราก็ไม่ปาน
ราชครูถอยหลังด้วยท่าทียอมจำนน
คนอื่นๆ ไม่กล้ามองภาพตรงหน้า ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกว่าภาพตรงหน้าแปลกประหลาด ท่านอาจารย์กัวกับเฉินโย่วถึงอย่างไรก็เป็คู่รักคู่แค้น ชายชราตรงหน้าปกติก็เอาแต่ทำท่าทีเคร่งขรึม ทว่ายามอยู่กับเฉินโย่ว กระทั่งศักดิ์ศรีก็ยังไม่เหลือ ไม่ว่านางจะสั่งให้ทำอะไรก็ล้วนไม่เคยมีท่าทีอิดออด
เฉินโย่วเป็แค่เด็กคนหนึ่ง หากเข้มงวดกับนางสักหน่อยก็ย่อมได้ ทว่าเมื่อพบกับท่านอาจารย์กัวที่เอาแต่เห็นดีเห็นงามกับนางไปเสียทุกเื่เช่นนี้ นับวันนางจะยิ่งไม่เกรงฟ้ากลัวดิน
ยามนี้ราชครูก็ได้แต่น้ำตานองหน้าไม่ต่างจากเหล่าโจร
เ้าเด็กปีศาจนี่พุ่งเข้ามาจี้เขาจนรู้สึกจั๊กจี้ ราชครูอยู่มาจนอายุปูนนี้ก็เพิ่งจะรู้ว่าตนกลัวความรู้สึกจั๊กจี้ยิ่งนัก
มารดามันเถิด…เมื่อก่อนใครมันจะกล้ามาจี้เขาเช่นนี้เล่า
กระทั่งยามอยู่ต่อหน้าฝ่าา ฝ่าาก็ยังไม่เคยทำกับเขาเช่นนี้
ต่อมาจึงได้เห็นท่าทีขอความเมตตาของท่านอาจารย์กัว มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเอาตำราเล่มหนึ่งออกมา
ทุกคนในที่นั้น รวมถึงเหล่าโจรดวงตกที่นอนกองกันอยู่บนพื้นล้วนแต่เบิกตากว้าง ต่างก็สงสัยว่าหรือตำนานเื่นั้นจะเป็ความจริง
สายตาทุกคู่ล้วนแต่จับจ้องไปที่ชายชรา
เฉินโย่วรับตำราที่ท่านอาจารย์ยื่นให้มาถือไว้ จึงเพิ่งจะพบว่ามันคือตำราเล่มเดียวกันกับที่นางมอบให้ท่านอาจารย์
“ท่านอาจารย์ ท่านจะซ่อนตำราซานไห่จิงไว้เพื่ออะไรเล่า ถึงอย่างไรร้านตำราในเมืองหลวงก็มีขาย”
ราชครูตอบเด็กหญิงอย่างกระดากอาย “ก็ตำราเล่มนี้เป็ของขวัญชิ้นแรกที่เ้ามอบให้ข้า”
