เมื่อหลี่เฉวียนที่กำลังวิ่งหนีหันกลับมามองข้างหลังก็ต้องใจนแทบจะตกจากหลังม้า รีบก้มตัวลงให้ทั้งตัวแนบไปกับหลังม้าทันที “ฟิ่ว” ลูกศรบินเฉียดศีรษะของเขาไปอย่างฉิวเฉียด!
“ป๊าบ!” เขาตบลงไปอย่างแรงที่ก้นม้าอีกครั้ง ม้าเกล็ดดำก็พุ่งทะยานเร็วขึ้นไปอีก ตรงไปข้างหน้าอย่างเร็ว!
แต่แล้วลูกศรเหล็กอีกลูกก็พุ่งเข้ามาพร้อมด้วยเสียงแหวกผ่านอากาศ!
“ฉึก!” คราวนี้ลูกศรเหล็กได้พุ่งปักเข้าไปที่ก้นม้าลึกมาก ทำให้ม้าเกล็ดดำได้รับาเ็จากการยิงธนูรอบนี้ แต่ม้ากลับยิ่งวิ่งเร็วขึ้น!
“ฉึก!” ลูกศรอีกดอกพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้า ปักที่ขาหลังอีกข้างของม้าเกล็ดดำ! “ฮี้!” ม้าเกล็ดดำส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป พุ่งตัวไปข้างหน้าอีกสิบกว่าเมตรก่อนจะล้มลงอย่างแรง หลังจากล้มลงไปแล้ว ลำตัวม้าที่ใหญ่โตของมันก็ยังไถลไปข้างหน้าเพราะแรงเฉื่อยจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงไปเป็ระยะทางถึงสามสิบกว่าหมี่ ก่อนจะมาหยุดอยู่ห่างจากทางขึ้นูเาประมาณสามสิบหมี่ ลำตัวครึ่งหนึ่งของม้าก็เป็รอยถลอกจนเห็นเนื้อสีแดง ถนนตรงหน้าทางขึ้นูเามีรอยเืสีแดงเข้มลากเป็ทางยาวเกือบสามสิบหมี่!
ในขณะที่ม้าเกล็ดดำกำลังจะล้มลง หลี่เฉวียนก็กดฝ่ามือขวาลงทั้งตัวในขณะที่กำลังพุ่งลงไปบนพื้น กลิ้งตัวไปตามพื้นอย่างต่อเนื่อง “ปึก!” ลูกศรเหล็กดอกหนึ่งพุ่งปักเข้าพื้นอย่างแรง จนเหลือแค่เพียงหางลูกศรยาวไม่ถึงห้าชุ่น ส่งเสียงดังก้องไปทั้งยอดเขา หลี่เฉวียนที่หลบได้อย่างหวุดหวิดก็รีบกระโจนขึ้น วิ่งไปยังทางขึ้นูเาที่อยู่ห่างออกไปอีกสามสิบหมี่อย่างสุดแรงเกิดพร้อมกับะโ “ท่านผู้าุโ ช่วยข้าด้วย!”
หลิ่วถังที่ขี่ม้าไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด เมื่อได้ยินเสียงะโของอีกฝ่ายก็ส่งเสียงะโออกไปอย่างโเี้ “ร้องเรียกให้ผู้าุโช่วยงั้นหรือ? ต่อให้เ้าบ้านของเ้ามาก็ช่วยเ้าไม่ได้หรอก ตายเสียเถอะ!”
“ผึง!” ลูกศรเหล็กอีกดอกพุ่งเข้ามาหาราวกับสายรุ้งสีขาวที่พาดผ่านดวงอาทิตย์!
“ท่านผู้าุโ!” หลี่เฉวียนรู้สึกเย็นะเืไปถึงขั้วหัวใจ รู้สึกได้ถึงเสียงลูกศรอันแหลมคมซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง ชีวิตของข้าจบสิ้นแน่แล้ว!
ในขณะที่ลูกศรกำลังจะพุ่งเข้าที่แผ่นหลังของหลี่เฉวียน แสงสีเขียวพุ่งแทรกออกมาอย่างรวดเร็ว ผ่านเอวของหลี่เฉวียนไป ‘ซู่’ ทันใดนั้นลูกศรเหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าก็สลายหายไปราวกับขี้เถ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าแสงสีเขียวดังกล่าว!
แล้วร่างอ้วนท้วนก็เดินออกมาจากศาลาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาตรงหน้าทางขึ้นเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “กล้าไล่ฆ่าคนของข้าอย่างนั้นหรือ? คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
จากนั้นสะบัดมืออีกข้างหนึ่ง แล้วแสงสีเขียวก็พุ่งออกไปราวกับดาวตกนอกโลกที่พุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศลงมา
ทันทีที่แสงสีเขียวนี้ปรากฏขึ้น ท้องฟ้าก็แปรปรวนราวกับจะเปลี่ยนสีได้ พลังอันน่าเกรงขามที่แฝงอยู่ในแสงสีเขียวนี้มีปริมาณมหาศาลราวกับพุ่งทะยานขึ้นฟ้าได้! เหล่านักยุทธ์สิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังต่างก็พากันเปลี่ยนสีหน้า “หยุดก่อน!” พร้อมด้วยเสียงะโดังลั่น หลิ่วอิงสะบัดมือฟาดฟันดาบสีแดงเพลิงออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่งเพื่อสกัดกั้นแสงสีเขียวนั้น
แต่แสงสีเขียวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วกว่าแสงดาบสีแดงอย่างเห็นได้ชัด พุ่งผ่านไปภายในชั่วพริบตาเดียว ก่อนที่แสงดาบสีแดงจะมาสกัดกั้นได้ทันเวลาในเสี้ยววินาที และหลังจากผ่านไป มันก็พุ่งมาถึงตรงหน้านักยุทธ์ที่ไล่ตามฆ่าหลี่เฉวียนแล้ว!
หลิ่วถังซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าเกล็ดดำ ทำตัวโอหังอยู่ข้างหน้า ในเวลานี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก คันธนูยาวในมือถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ต้านรับแสงสีเขียวนั้น!
“แกร๊ก!” ธนูยาวไม่ต่างอะไรจากเต้าหู้เมื่อปะทะกับแสงสีเขียวนั้น ขาดเป็สองท่อนทันทีเมื่อัักับมัน!
“ฉัวะ ฉัวะ!” เสียงเบาๆ ดังขึ้นสองครั้งติด!
ฝ่ามือครึ่งหนึ่งขาดออกจากกัน ม้าเกล็ดดำวิ่งไปข้างหน้าได้อีกแปดหมี่ ก่อนที่ครึ่งหนึ่งของก้นม้ากับขาขวาจะขาดออกจากกันอย่างเงียบเชียบในชั่วขณะต่อมา! ม้าเกล็ดดำก็ล้มลงไปอย่างแรงนอนกองตามรอยเท้าม้าตัวก่อนหน้า!
หลิ่วถังกลิ้งไปตามพื้นสองตลบก่อนจะลุกขึ้นมา ประคองมือขวาที่ขาดไปครึ่งหนึ่งด้วยมือซ้าย ใบหน้าแสดงออกถึงความแข็งกร้าวและโเี้ ดวงตาเย็นะเืก็จับจ้องไปยังร่างอ้วนท้วนที่อยู่ตรงหน้าห่างออกไปหลายร้อยหมี่ ราวกับ้าจดจำรูปร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ให้ขึ้นใจ!
หลังจากจ้าวเหวินจัวปล่อยแสงสีเขียวออกมา ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจผลลัพธ์อีกต่อไป ขมวดคิ้วมองหลี่เฉวียนที่วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความตื่นกลัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “เป็ถึงนักยุทธ์ก็ควรจะมีศักดิ์ศรีบ้าง ไม่ใช่ะโขอความช่วยเหลือเสียงดังเช่นนี้ สมควรแล้วหรือ?”
หลี่เฉวียนเองก็รู้สึกละอายใจที่ตนเองแสดงความขี้ขลาดออกมาเมื่อสักครู่ จึงกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เหล่าผู้าุโจากจวนเจิ้งอ๋องกับจวนหลิ่วโหวทั้งหกตระกูลมากันแล้ว ขะ... ข้ารีบร้อนมาแจ้งท่านขอรับ”
“เฮ้อ การแจ้งข่าวของเ้าค่อนข้างไม่เหมือนใครจริงๆ!” จ้าวเหวินจัวไม่อยากพูดอะไรมาก จึงโบกมือ “เอาเถอะ หลังจากนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง หึ เ้าพวกนี้มากันเร็วเสียจริง!”
มาเร็วงั้นหรือ? หลี่เฉวียนที่เดินไปหลบอยู่ด้านหลังจ้าวเหวินจัวพลันใขึ้นมาทันที
“ท่านผู้าุโ ทะ... ท่านรู้อยู่ก่อนแล้วหรือว่าพวกเขาจะมาที่นี่?”
“ข้าเพิ่งได้รับการติดต่อจากผู้าุโชิวและนายน้อยของเ้า ว่าเ้าพวกนี้กำลังเดินทางมากันแล้ว เพียงแต่ค่อนข้างไวกว่าที่คาดนิดหน่อย!” ใบหน้าอ้วนของจ้าวเหวินจัวเผยรอยยิ้มที่ล้ำลึกยากจะคาดเดาได้ออกมา “เ้าหนุ่มหลิงอวิ๋นคงจัดการกับทั้งหกตระกูลใหญ่ที่อยู่บนเขาเรียบร้อยแล้ว คนพวกนี้จึงรีบพากันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และรีบลงนามตกลงชดใช้ค่าเสียหาย เจรจาสงบศึก”
ลงนามข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหาย เจรจาสงบศึกงั้นหรือ? หลี่เฉวียนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ!
แม้แต่คุณชายรอง คุณชายสาม คุณหนูห้า และท่านเ้าบ้านต่างก็อับจนหนทาง แต่พอเป็นายน้อยลงมือเองแล้ว ไม่เพียงแต่จะจัดการได้เท่านั้น ยังทำให้ตระกูลเจิ้งอ๋องและหกตระกูลใหญ่ต้องก้มหัวขอเจรจาเพื่อสันติภาพอีกด้วย? นี่ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่!
คุณชาย คุณชายเก่งเกินไปแล้ว!
…
“กุบกับ กุบกับ...” ม้าเกล็ดดำสามสิบถึงสี่สิบตัววิ่งมาถึงพร้อมๆ กันแล้วหยุดลงที่หน้าทางขึ้นเขา ห่างจากทางขึ้นประมาณห้าสิบเมตร!
ในระหว่างนั้นก็มีคนมารับตัวหลิ่วถังไป พร้อมกับพันผ้าที่ฝ่ามือให้!
เจิ้งอวิ๋นหลงจากจวนเจิ้งอ๋อง กับหลิ่วอิงจากจวนหลิ่วก็ขี่ม้าขึ้นมาด้านหน้า!
สีหน้าของหลิ่วอิงซีดเผือด! นอกจากหลิ่วถังจะถูกอีกฝ่ายตัดฝ่ามือไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทางด้านซ้ายก็ยังมีศพคนที่เป็คนของตระกูลหลิ่วอยู่เกลื่อนกลาด เมื่อเจิ้งอวิ๋นหลงเห็นว่าหลิ่วอิงไม่พูดอะไร จึงทำมือคารวะจ้าวเหวินจัวด้วยมือทั้งสองข้างจากบนหลังม้า แล้วก็ถามด้วยเสียงอันดังว่า “ขอถามหน่อยว่าท่านมาจากสำนักใด?”
จ้าวเหวินจัวยิ้มเยาะ “เดี๋ยวนี้เหล่าคนจากตระกูลทางโลกต่างก็เย่อหยิ่งอวดดีกันทั้งนั้นเลยหรืออย่างไร? เมื่อครั้งผู้าุโคนนี้ไปที่พระราชวังจักรพรรดิมู่อวิ๋นของพวกเ้า ตาเฒ่ามู่อวิ๋นฉียังต้องลงจากบัลลังก์มาคารวะข้า แล้วเรียกข้าว่าท่านผู้าุโจ้าวเลยนะ จุ๊ๆๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดตระกูลเจิ้งอ๋องและตระกูลหลิ่วโหวของพวกเ้า ถึงได้ใจกล้าหน้าด้านมาแย่งูเาของคนอื่นไปเช่นนี้”
หลังจากที่จ้าวเหวินจัวพูดจบ ทั้งสองคนยังคงนั่งอยู่บนหลังม้าไม่ไหวติง!
จักรพรรดิมู่อวิ๋นฉี คือจักรพรรดิแห่งแคว้นมู่อวิ๋นคนปัจจุบัน!
หากจักรพรรดิพบกับชายอ้วนคนนี้ ยังต้องลงจากบัลลังก์ัมาคารวะแล้วเรียกอีกฝ่ายว่าผู้าุโ แต่ทั้งคู่ไม่ได้มีสถานะยิ่งใหญ่ถึงระดับนั้น! ที่สำคัญที่สุดคือชายอ้วนคนนี้ยังได้พูดคำหนึ่งออกมาก่อนหน้า นั่นก็คือคำว่า ‘ทางโลก’ ซึ่งเป็คำที่เหล่าคนในสำนักต่างๆ ใช้เรียกแคว้นทั้งเล็กใหญ่ในอาณาจักรซินโยว! ชายอ้วนคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจักรพรรดิ แต่ยังเป็คนของสำนักยุทธ์ใดสักแห่งอีกด้วย!
เจิ้งอวิ๋นหลงจึงรีบลงมาจากม้า ในขณะที่สีหน้าของหลิ่วอิงที่อยู่ข้างๆ มืดดำลงเล็กน้อย แล้วก็ลงจากม้าตาม!
ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรซินโยวก็คือสำนัก ผู้บำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งที่สุดก็ล้วนแล้วแต่เป็คนในสำนักทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เหล่านักยุทธ์หรือแม้แต่ผู้ใช้พลังิญญาทางโลก เมื่อได้พบกับคนในสำนักก็จะรู้สึกถึงความต่ำต้อยกว่าในเื่ของสถานะ จึงมักใช้คำที่สุภาพ หรืออาจกล่าวได้ว่าคนในสำนักล้วนเป็ที่เคารพนับถือของผู้คนภายนอก แต่แน่นอนว่าเมื่อได้รับความนับถือก็ต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วย เหล่าสัตว์อสูรและปีศาจต่างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งในอาณาจักรซินโยว ล้วนเป็หน้าที่ของเหล่าคนในสำนักเหล่านี้ในการกำจัดปีศาจและขับไล่พวกต่างแดนออกไป!
่หลายหมื่นปีที่ผ่านมา เกิดาครั้งใหญ่กับปีศาจและพวกต่างแดนถึงสิบกว่าครั้ง ส่วนายิบย่อยนั้นเรียกได้ว่านับไม่ถ้วน
หลายหมื่นปีที่ผ่านมานี้ มีคนในสำนักที่เสียชีวิตในาน้อยใหญ่เพราะน้ำมือของปีศาจและพวกต่างแดนเหล่านี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านคน อาจกล่าวได้ว่าสถานะของคนในสำนักที่ได้รับการเคารพนับถือจากคนทางโลกนั้น เกิดจากการสละเืและเนื้อของเหล่าผู้าุโในรุ่นก่อนๆ สหายร่วมสำนัก และเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายของพวกเขานั่นเอง!
หลังลงมาจากหลังม้าแล้ว เจิ้งอวิ๋นหลงก็ทำมือคารวะแล้วถามด้วยความเคารพว่า “ขอล่วงเกินถามท่านหน่อย ท่านปรมาจารย์มาจากสำนักใดหรือ?”
จ้าวเหวินจัวตอบอย่างทระนง “สำนักิญญาเมฆา!”
ซื้ด!
เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนต่างก็พากันสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง! ในอาณาจักรซินโยวอันแสนกว้างใหญ่นี้ แคว้นมู่อวิ๋นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรซินโยวนี้ก็มีสำนักใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ ซึ่งเป็หนึ่งในห้าสำนักใหญ่ของอาณาจักรซินโยว นั่นก็คือสำนักิญญาเมฆา ที่ก่อตั้งขึ้นบนูเาเจี้ยนหลิงมาเป็เวลาเกือบหมื่นปีแล้ว!
“ถึงแม้ท่านปรมาจารย์จะเป็คนจากสำนักิญญาเมฆา แต่ท่านก็น่าจะรู้ว่าคนในสำนักไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงเื่ทางโลกได้ ท่านปรมาจารย์กลับออกมาปกป้องตระกูลเซียวโหว และฆ่าคนของตระกูลหลิ่วโหวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ จะไม่เป็การล่วงละเมิดข้อห้ามของสำนักหรอกหรือ? เื่นี้ท่านปรมาจารย์ควรให้เหตุผลที่สมเหตุสมผลแก่พวกเราใช่หรือไม่?” ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากรู้ว่าชายอ้วนตรงหน้าเป็คนจากสำนักิญญาเมฆา ซึ่งเป็หนึ่งในห้าสำนักอันดับต้นๆ แล้ว หลิ่วอิงยังกล้าซักถามต่อหน้าธารกำนัลอีก!
“เหตุผล? เ้าถามหาเหตุผลจากข้า? คนจากตระกูลหลิ่วโหวช่างบังอาจมากจริงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ข้าจะขอพูดอะไรสักเล็กน้อย เื่การห้ามแทรกแซงเื่ทางโลกที่เป็ข้อห้ามของสำนักนั้น ข้าย่อมรู้เื่นี้ดีกว่าเ้า และไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนกฎด้วย ที่ข้าทำก็แค่คอยคุ้มกันคนเท่านั้น ส่วนเื่ที่เ้าบอกว่าข้าปกป้องคนของตระกูลเซียว นั่นต้องขอโทษด้วย น้องชายคนนี้เป็เพื่อนร่วมเดินทางของข้าที่ได้รับคำสั่งจากสองผู้าุโสูงสุดแห่งสำนักหลักิญญาเมฆาให้มาที่นี่ เป็พวกเ้าเองต่างหากที่ไม่แยกแยะดีชั่ว ลงมืออย่างโเี้กับสหายร่วมทางของข้า ในเมื่อมีคน้าเอาชีวิตเขา ข้าจะปล่อยให้เพื่อนร่วมเดินทางของข้าถูกธนูยิงตายโดยไม่สนใจไยดีอย่างนั้นหรือ? ส่วนเื่ที่ข้าฆ่าคนของตระกูลหลิ่วโหวอย่างเปิดเผยนั้น เ้าเหยี่ยวหัวโล้นอย่างเ้า เอาตาข้างไหนมอง ถึงมากล่าวหาว่าข้าเป็คนสังหารคนของตระกูลหลิ่วโหวของพวกเ้ากัน?” ปากของผู้าุโเ้าเล่ห์คนนี้ทั้งฉะฉานและร้ายกาจยิ่งนัก
“ท่าน! เมื่อครู่นี้ทุกคนก็สามารถเป็พยานได้ ท่านเกือบฆ่าหลิ่วถังไปแล้ว คนจำนวนมากต่างก็เห็นด้วยตาตัวเอง ยังจะกล้าปฏิเสธออีกอย่างนั้นหรือ?” หลิ่วอิงหันไปชี้หลิ่วถังที่อยู่ด้านหลัง พันผ้าสีขาวที่มือขวาเอาไว้ แล้วตวาดด้วยเสียงอันดัง
“อ้อ พูดถึงเ้าหนูนั่นน่ะหรือ เ้าหนูนั่นวิ่งขึ้นหน้ามาเฉยๆ โดยไม่ปองร้ายใครอย่างนั้นรึ? การที่ข้าตัดฝ่ามือเขาไปครึ่งเดียว ถือเป็การเตือนและลงโทษที่เขาไล่ตามสหายร่วมทางของข้า เ้าเหยี่ยวหัวโล้น การลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ใช่การฆ่าหรือ? หากข้า้าฆ่าเ้าหนูนั่นจริงๆ ข้าจะตัดแค่ฝ่ามือของเขาไปครึ่งเดียวเพื่ออะไร? หรือเ้าคิดว่าเ้าหนูนั่นสามารถหลบหลีกการโจมตีด้วย ‘ขลุ่ยหยกเขียว’ ของข้าได้จริงๆ? ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาพนันกันดีหรือไม่ หากข้าฆ่าเ้าหนูนั่นไม่ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ข้าจะให้เ้าตัดหัวเอาไปนั่งแทนเก้าอี้เลย ว่าอย่างไรล่ะ?”
“ท่าน...” หลิ่วอิงโกรธจนพูดไม่ออก
“ท่านปรมาจารย์โปรดระงับโทสะ พี่หลิ่วเองก็ใจเย็นลงก่อนเถอะ คำอธิบายของท่านปรมาจารย์ พวกเราทุกคนรับทราบหมดแล้ว นี่น่าจะเป็แค่ความเข้าใจผิดกันเท่านั้น!”
เมื่อเจิ้งอวิ๋นหลงเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบออกมาเป็คนกลางไกล่เกลี่ยทันที!
“ใช่แล้วๆ คำอธิบายของท่านปรมาจารย์สมเหตุสมผลยิ่งนัก ท่านปรมาจารย์เป็คนของสำนักใหญ่เช่นนี้ จะกล้าละเมิดกฎของสำนักได้อย่างไร ย่อมไม่แทรกแซงเื่ทางโลกแน่นอน และยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่จะลงมือฆ่าคนเช่นนี้!” เมื่อเจิ้งอวิ๋นหลงพูดจบ ผู้นำตระกูลหลิว ตระกูลหวัง ตระกูลเจียง และตระกูลอื่นๆ ต่างก็พูดเออออห่อหมกทันที ทำเหมือนเชื่อในที่จ้าวเหวินจัวกล่าว!
คนที่สามารถขึ้นมาเป็ผู้นำตระกูลของหลายๆ ตระกูลได้นั้น จะไม่ใช่คนฉลาดหลักแหลมอย่างไรได้? หากไม่รู้ว่าเมื่อใดควรจะหันหลังกลับหรือควรจะลู่ตามลม หรือไม่รู้ว่าจะทำตามความ้าของผู้แข็งแกร่งดีหรือไม่ นั่นก็หมายความว่าหัวหน้าตระกูลนั้นช่างโง่เขลาและไร้ความสามารถอย่างยิ่ง ไม่รู้จักดีชั่ว ยังจะเอาคนไร้ความสามารถเช่นนี้มาเป็ผู้นำตระกูลได้อย่างไร!
เมื่อหลิ่วอิงได้ยินว่าทุกคนต่างก็สนับสนุนชายอ้วนตรงหน้า เขาก็โกรธจนแทบจะกระอักเืออกมา
