“ตูม...”
พื้นดินยุบเป็หลุม ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย
ฝ่ามือั์พุ่งลงมากะทันหันนี้ทำให้ผู้คนตะลึงงัน โดยเฉพาะจั๋วอวี้หวั่นกับลุงเยี่ยน ทั้งใทั้งโมโหและเป็กังวล หากไม่ใช่เพราะตอนนี้จั๋วอวิ๋นเซียน้าคนดูแล เกรงว่าพวกเขาคงพุ่งตัวออกไปช่วยแล้ว
“เป็ฝีมือท่านผู้เฒ่า! ท่านผู้เฒ่ามาแล้ว!”
สีเฟยเยียนเผยสีหน้ายินดี พวกซีโหลวเหวินอวี่เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชายชราคนหนึ่งยืนบนกระบี่บิน เคราที่เรียวยาวกับชุดคลุมหรูหรา ผมขาวกับใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ให้บรรยากาศราวกับเทพเซียน
ผู้มาเยือนก็คือผู้เฒ่าแห่งตระกูลสี ‘สีเทียนลู่’ เขาคือยอดฝีมือระดับเปิดชีพจร
……
ด้วยการปรากฏตัวของผู้เฒ่าตระกูลสี บรรยากาศในจวนจึงเงียบกริบ ทุกคนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
ซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลวพยักหน้าให้กัน พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้นมา แผนการของพวกเขาไม่ได้เสียเปล่าจริงๆ ตระกูลสีแห่งต้าหนิงอยู่ในแผนการแล้ว เช่นนั้นเื่นี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีก
“คารวะท่านผู้เฒ่าตระกูลสี ขอบพระคุณที่ลงมือช่วยเหลือ”
ซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลวเดินเข้าไปคารวะด้วยท่าทางนอบน้อม
จั๋วไท่หยวนพาจั๋วเหล่าเอ้อกับจั๋วเหล่าซานถอยไปด้านข้าง เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย
“ผู้นำตระกูลซีโหลววางแผนเก่งดีนี่ ถึงกับกล้าเอาตระกูลสีของเราเข้าไปในแผนด้วย!”
ผู้เฒ่าตระกูลสีมองซีโหลวเหวินอวี่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ส่วนเขากลับรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่นหลัง จึงรีบก้มศีรษะวางท่าทางให้ดูต่ำต้อย
หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าตระกูลสีก็โบกมือพลางกล่าวว่า “ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าคนที่อยู่เื้ัเ้า ข้าจะลงมือเื่นี้ให้ แต่เ้ากลับไปบอกเขาด้วยว่า ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ตระกูลสีแห่งต้าหนิงมิใช่มดที่ใครก็สามารถบีบคั้นได้”
“เหวินอวี่เข้าใจแล้ว”
ซีโหลวเหวินอวี่โค้งคำนับ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
……
“เฟยเยียนคารวะท่านผู้เฒ่า!”
สีเฟยเยียนเดินเข้าไปคารวะทันที จากนั้นคุกเข่าขอร้องอย่างโศกเศร้า “ท่านผู้เฒ่า ขอร้องท่านช่วยน้องหญิงรั่วเมิ่งด้วยเถอะ แขนของนางถูกไอ้เดรัจฉานจั๋วอวิ๋นเซียนตัดขาด นางน่าสงสารมาก”
เมื่อกล่าวจบสีเฟยเยียนลากซีโหลวรั่วเมิ่งมาคุกเข่าด้วย
“เฮ้อ! เ้าเด็กคนนี้...”
ผู้เฒ่าตระกูลสีถอนหายใจเล็กน้อย ถึงแม้จะตำหนิบ้างแต่ส่วนมากยังคงโอนอ่อน “ถึงแม้แขนขาดนั้นยากที่จะต่อใหม่ แต่ก็มิใช่ไม่มีวิธีเลย...อีกไม่กี่วันเดี๋ยวข้าจะพาแม่หนูรั่วเมิ่งไปรักษาที่หุบเขาเซียนอี พวกเ้าถอยไปก่อนเถอะ”
“ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่า!”
สีเฟยเยียนถอนหายใจโล่งอก ซีโหลวรั่วเมิ่งดีใจจนร้องไห้ กอดสีเฟยเยียนแน่น
ซีโหลวเหวินอวี่เดินเข้ามาขอบคุณ น่าเสียดายที่ผู้เฒ่าตระกูลสีไม่ได้สนใจเขา เพียงแค่มองด้วยสายตาที่เ็า
ในเวลานี้เสิ่นว่านโหลวเอ่ยปากเชื้อเชิญ “ผู้เฒ่าตระกูลสีไม่ค่อยได้มาเมืองตงหลิง หวังว่าท่านผู้เฒ่าจะให้เกียรติมาพักผ่อนที่จวนเ้าเมืองสักพักหนึ่ง”
“รอจัดการเื่ที่นี่เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
ผู้เฒ่าตระกูลสีตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากนั้นหันไปมองตรงสนามรบอีกครั้ง
……
“แคกๆ!”
ฝุ่นควันกระจายหายไป จั๋วฟู่ไห่ลุกขึ้นมาจากซากปรักหักพัง เขาเช็ดรอยเืที่มุมปากแล้วกล่าวว่า “ตระกูลสีวิถีเซียนยึดครองเส้นทางการค้าเส้นหนึ่งเพียงผู้เดียว ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเื่อื่น หรือว่าครั้งนี้ท่านจะเข้ามายุ่งการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจอื่นด้วยหรือ?”
ผู้เฒ่าตระกูลสีส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกับถูกผิด แค่พวกเรามีจุดยืนต่างกันเท่านั้น”
จั๋วฟู่ไห่ถามอย่างเ็า “ช่วยพวกชั่วช้าก็คือจุดยืนตระกูลสีของพวกท่านหรือ?”
“เื่มาถึงขั้นนี้แล้วพูดไปก็ไร้ประโยชน์”
ผู้เฒ่าตระกูลสีไม่อยากยุ่งเกี่ยวนักจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “จั๋วฟู่ไห่ เ้าเป็คนที่ยอดเยี่ยม เ้าควรจะดูสถานการณ์ ข้าขอเตือนเ้าให้ยอมถูกจับแต่โดยดีเสียเถอะ”
“ฝันไปเถอะ!”
จั๋วฟู่ไห่ยืนพิงกระบี่ เงากระเรียนเมฆาปกคลุมเขาเอาไว้ ราวกับเป็ชุดเกราะไร้ลักษณ์ชั้นหนึ่ง
“เช่นนั้นก็...คุกเข่าเสีย!”
ผู้เฒ่าตระกูลสีลงมืออีกครั้ง ฝ่ามือั์กดทับลงมาราวกับูเา!
“วี๊ด...”
กระเรียนเมฆาสยายปีก กู่ร้องก้องฟ้า แบกรับแรงกดดันจากฝ่ามือเต็มๆ
“ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ? คุกเข่าเสีย!”
ผู้เฒ่าตระกูลสีขมวดคิ้ว พลังในฝ่ามือหนักมากขึ้นอีกหลายส่วน...
“ตูม ตูม ตูม...”
ฝ่ามือยิ่งมายิ่งหนักอึ้ง เงากระเรียนเมฆาพร่ามัวปรากฏเค้าลางแตกสลาย
“พรวด!”
จั๋วฟู่ไห่กระอักเืออกมา เขาหลอมรวมกับิญญาเซียนกระเรียนเมฆา พลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโทันที!
แผ่นหลังราวกับูเา ์กดทับล้วนไม่หักงอ วีรบุรุษแห่งยุคกู่ร้องก้องฟ้า
บุรุษที่ดีควรจะใจกล้าเด็ดเดี่ยว จะก้มหัวยอมแพ้ได้อย่างไร
เสียงกู่ร้องก้องดัง จั๋วฟู่ไห่ชักกระบี่ใช้วิชาเซียนทะยานสู่์อีกครั้ง แทงกระบี่ไปทางผู้เฒ่าตระกูลสี!
“ตูม ตูม ตูม...”
คลื่นพลังพลุ่งพล่านปั่นป่วน
ผู้คนไม่น้อยเผยสีหน้าหวาดกลัว ทนไม่ไหวจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว
พวกเขาเห็นในฝุ่นควันมีเงาร่างหนึ่งกระเด็นออกมา เขาก็คือจั๋วฟู่ไห่ที่ได้รับาเ็สาหัส
บางครั้งความต่างของระดับพลัง ไม่ใช่สิ่งที่โทสะจะทดแทนได้ แต่การกระทำของจั๋วฟู่ไห่ทำให้ผู้คนมากมายเคารพนับถือ
ครอบครัวตระกูลจั๋วทุกคนล้วนเก่งกาจสามารถ...บิดาใจกล้าเด็ดเดี่ยว บุตรชายยอมหักไม่ยอมงอ บุตรสาวปกป้องน้องชาย บางทีนี่อาจจะเป็สิ่งที่เรียกว่า ‘บุคลิก’
เมื่อเทียบกันแล้วพวกจั๋วไท่หยวนที่แซ่จั๋วเหมือนกัน แต่กลับทรยศตระกูล สมคบคิดกับศัตรูเพื่อผลประโยชน์ ทุกการกระทำล้วนทำให้ผู้คนดูแคลน
เมื่อััได้ถึงสายตาแปลกประหลาดรอบด้าน จั๋วไท่หยวนโกรธจนหน้าแดง แต่สุดท้ายก็อดทนเอาไว้
……
“ท่านพ่อ...”
จั๋วอวี้หวั่นอุ้มน้องชายไปข้างกายจั๋วฟู่ไห่ นางมองบิดาที่อาบย้อมด้วยเื ในใจของนางรู้สึกโศกเศร้า
นางเกลียดสองพ่อลูกซีโหลวเหวินอวี่มาก! เกลียดพวกเสิ่นว่านโหลว! เกลียดตระกูลสีทุกคน! นางเกลียดญาติสนิทอย่างพวกจั๋วไท่หยวน! เกลียดโลกใบนี้! ในเวลาเดียวกันก็เกลียดที่ตนเองอ่อนแอ...หากนางแข็งแกร่งมากพอ ก็จะไม่มีใครกล้ารังแกพวกนางอีก
“อย่าร้องไห้...หวั่นเอ๋อร์ มารดาของเ้าเคยบอกว่า...น้ำตาของเ้าล้ำค่ายิ่งนัก...”
จั๋วฟู่ไห่ลุกขึ้นอีกครั้ง ร่างกายยังคงตั้งตรง ิญญาของเขากำลังแผดเผา เส้นผมค่อยๆ กลายเป็สีขาว พลังมหาศาลกระจายไปทั่วฟ้าดิน
กำลังจะทุ่มสุดตัวแล้วหรือ?
ผู้เฒ่าตระกูลสีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบกล่าวว่า “จั๋วฟู่ไห่ เ้ารู้ว่าเื่นี้เป็ไปไม่ได้ ไยยังดึงดันต่อต้านอีก? ต่อให้เ้าไม่คิดเพื่อตัวเอง เ้าจะไม่คิดเพื่อลูกทั้งสองคนเลยหรือ? หรือว่าเ้าคิดจะให้พวกเขาแบกรับความผิดของเ้า ให้ใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ หรือ?”
“……”
พลังของจั๋วฟู่ไห่หยุดชะงัก ดวงตาที่ดุร้ายเสียประกายเล็กน้อย
“ท่านพ่อ! อย่าไปฟังพวกมัน อย่างมากพวกเราก็ตายพร้อมกันที่นี่”
จั๋วอวี้หวั่นตัดสินใจสู้ตายแล้ว จั๋วอวิ๋นเซียนก็พร้อมจะร่วมเป็ตายพร้อมกับบิดา
ลุงเยี่ยนถือลูกปัดเพลิงอัสนีเอาไว้แน่น รอจั๋วฟู่ไห่พยักหน้า เขาก็สามารถเอาชีวิตเข้าแลกได้ทันที
ทว่าเมื่อถึงเวลาต้องเลือกจริงๆ จั๋วฟู่ไห่กลับเงียบกริบ
……
ชีวิตคนเรานั้นคือการเดินทางที่เรียบง่าย แต่ไม่ใช่ทุกเส้นทางจะมีทางให้เลือก
อย่างน้อยตอนนี้จั๋วฟู่ไห่ก็มีทางเลือกแล้ว ทางหนึ่งคือตาย อีกทางคือตายเก้ารอดหนึ่ง ความจริงในใจของเขาได้เลือกเอาไว้แล้ว
หลังผ่านไปครู่หนึ่งจั๋วฟู่ไห่ค่อยๆ วางกระบี่ในมือลง “ข้าผู้แซ่จั๋วไปกับพวกเ้าก็ได้ ยอมแบกรับความผิดทั้งหมดก็ได้ แต่พวกเ้าต้องปล่อยลูกของข้าไป และห้ามทำร้ายตระกูลจั๋วแม้แต่คนเดียว”
“ได้ ข้ารับปาก”
ผู้เฒ่าตระกูลสีไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะพยักหน้าขานรับทันที
พวกซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลวลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย
