รอจนซีมู่คุนหาสมุนไพรกลับมา
เซวียเสี่ยวหรั่นกับซีต้าเฉียงก็เจรจาตกลงกันเรียบร้อย
เธอยินดีแบ่งกำไรจากการขายหมีดำตัวนั้นให้ครึ่งหนึ่ง
ส่วนแบ่งอันอู้ฟู่ทำให้พรานป่าทั้งคณะถึงกับตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีต้าเฉียง เดิมทีเขานึกว่าสตรีออกเรือนแล้วส่วนใหญ่จะเื่มาก พวกตนช่วยพวกหามหมีลงเขา แค่นางแบ่งเนื้อให้สักสองสามชั่งก็ไม่เลวแล้ว
ใครจะรู้ว่านางกลับเอ่ยปากเสนอผลตอบแทนก้อนโต
"ต้าเหนียงจื่อ เ้ารู้หรือไม่ว่าหมีตัวหนึ่งราคาเท่าไร" ต้าซีเฉียงถามอย่างอดไม่ได้
"ไม่ว่าจะราคาเท่าไร ก็ไม่เท่ามูลค่าชีวิตคน" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นความตื่นเต้นของพวกเขาอยู่ในสายตา "เหลียนเซวียนาเ็สาหัส ยังต้องรบกวนพวกท่านช่วยหามลงจากเขา ยิ่งไปกว่านั้น ขาของเขาคงจะขยับไม่ได้อีกระยะหนึ่ง ท่านลุงซี ในหมู่บ้านของท่านพอจะมีที่พักชั่วคราวหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นฉวยจังหวะที่พวกเขากำลังอารมณ์ดีขอความช่วยเหลืออีกเื่
เธอกับเหลียนเซวียนไม่คุ้นเคยกับคนที่นี่ เหลียนเซวียนได้รับาเ็ ซ้ำยังไม่มีเงินในกระเป๋า
หากไหว้วานให้พวกเขาแค่ช่วยเอาหมีออกไป ตนเองยังต้องเหนื่อยหาที่ลงหลักปักฐาน
เหลียนเซวียนเจ็บหนักขนาดนั้น จะอยู่ไกลห่างจากผู้คนได้อย่างไร
มิสู้เสนอผลตอบแทนก้อนโตให้ไปเลยจะดีกว่า หลังจากนั้นก็ไหว้วานชายวัยกลางคนผู้มีปัญญาปราดเปรื่องคนนี้ให้ช่วยเหลือทุกเื่ตาม้า
"ต้าเหนียงจื่อวางใจได้ พวกเราขอรับประกันว่าจะช่วยหามน้องเหลียนลงเขาอย่างปลอดภัย ส่วนที่พักอาศัยก็หาไม่ยาก เดี๋ยวลงจากเขาก็จะถึงเรือนหลังเก่าของครอบครัวซีหย่วน แม้จะซอมซ่อไปหน่อย แต่ก็นับว่าสะอาดสะอ้าน พวกเ้าพักได้ตามสบาย" ดวงตาของซีต้าเฉียงผุดแววยินดี ตบอกรับปาก
ให้ความช่วยเหลือแค่นิดเดียวก็ได้เงินค่าตัวหมีมาถึงครึ่งตัว เป็ใครก็ยิ้มออกทั้งนั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นยังขอให้เขารับหน้าที่นำหมีตัวนั้นไปขาย แค่ขนย้ายเข้าไปในเมืองขายให้หลี่หยวนไว่ มูลค่าก็จะเพิ่มกว่าทั่วไปถึงสามส่วน
หักออกไปครึ่งหนึ่ง มูลค่าก็ยังมากอยู่ ขึ้นเขาครานี้นอกจากจะไม่เสียเที่ยว ยังแทบไม่ต้องเปลืองแรงอะไรก็ได้เงินมาไม่น้อย
สีหน้าของคณะพรานป่าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี
"ใช่แล้วๆ ต้าเหนียงจื่อ เรือนเก่าของครอบครัวข้าปล่อยว่างมานาน พวกท่านเข้าไปอยู่ตามสบายได้เลย" ซีหย่วนซึ่งหน้าตาค่อนข้างอ่อนวัยเดินเข้ามา พลางรับปากด้วยรอยยิ้ม
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบกล่าวขอบคุณ
ซีติ้งฟังแล้วก็หูผึ่งกลอกตาไปมา คำนวณราคาหมีครึ่งตัวในใจ รวมถึงส่วนแบ่งที่น่าจะมาถึงมือของตนเอง
หลังจากสองฝ่ายเจรจาการค้ากันเรียบร้อย ซีต้าเฉียงก็เริ่มออกคำสั่งให้ทุกคนเริ่มเตรียมตัว
"อาต้า เ้ากับน้องชายไปตัดไม้ไผ่มาทำแคร่หาม"
"ซีติ้ง ซีหย่วน พวกเ้ากลับไปที่ค่ายย้ายข้าวของมาให้หมด"
"มู่เซิง เดี๋ยวเ้ามาช่วยข้ามัดหมีดำ
ส่วนซีมู่คุนหลังจากทุบบดสมุนไพรบนแผ่นหินเรียบร้อยแล้ว ก็เลิกขากางเกงของเหลียนเซวียนขึ้น ขาของเขาบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด
เซวียเสี่ยวหรั่นเย็นวาบในอก บริเวณที่กระดูกกร้าวบวมกว่าปรกติเป็สองเท่า แต่ซีมู่คุนกลับไม่เห็นเป็เื่แปลก เขาพอกสมุนไพรที่ทุบละเอียดดีแล้วบนหน้าแข้งของเหลียนเซวียน
ขณะที่ความเย็นของสมุนไพรซึมเข้าสู่บริเวณที่าเ็และบวมแดง เหลียนเซวียนก็เลิกคิ้วขึ้น
"ต้องเจ็บมากแน่เลย เหลียนเซวียน ท่านทนหน่อยนะ" สีหน้าที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย กับมุมปากที่ตกลงมาของเขาไม่ได้คลาดไปจากสายตาของเซวียเสี่ยวหรั่น
ยามนี้เหลียนเซวียนยังคงหนุนอยู่บนตักของเซวียเสี่ยวหรั่น เดิมทีเขาตั้งใจจะค่อยๆ ขยับออก แต่เซวียเสี่ยวหรั่นนึกว่าเขาเจ็บก็เลยประคองศีรษะของเขาไว้ตลอดเวลา ทั้งยังซับเหงื่อที่หน้าผากให้อีกด้วย
เหลียนเซวียนจนปัญญาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
อย่างไรเสียก็เป็เช่นนี้ไปแล้ว
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านอย่าวิตกไปเลย ใช้สมุนไพรสองสามอย่างนี้พอกไว้เป็เวลาหนึ่งเดือน พักผ่อนต่ออีกประมาณหนึ่งเดือน ขาของเขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว" ซีมู่คุนยิ้มอย่างกระตือรือร้น
เมื่อครู่เขาเพิ่งทราบจากบิดาว่า ถ้าพวกเขาช่วยหามหมีดำกับบุรุษผู้นี้ลงจากเขา ก็จะได้รับค่าตอบแทนเท่ากับราคาหมีครึ่งตัว
นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมาก ควรรู้ว่าในกลุ่มพรานป่า ส่วนแบ่งเป็ของครอบครัวเขาเสียสามส่วน จำนวนเงินที่ได้รับต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน
"แฮ่ม แล้วก็... พี่ใหญ่ซี ท่านอย่าเรียกข้าว่าต้าเหนียงจื่อได้หรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ่งฟังก็ยิ่งกลัดกลุ้ม อยากให้เขาช่วยเปลี่ยนคำเรียก
"งั้นจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ พี่สะใภ้เหลียนรึ?" ซีมู่คุนกำลังง่วนอยู่กับการพอกยา เลยย้อนถามไปส่งๆ
"หา?" เซวียเสี่ยวหรั่นแทบจุกอกตาย "พะ... พะ... พี่สะใภ้เหลียน?"
เครารุงรังของเหลียนเซวียนกระตุกสั่น ได้ยินเสียงนางใจนพูดติดอ่าง ก็ไม่รู้ว่าจะขุ่นเคืองหรือขบขันดี
ซีมู่คุนยังคงก้มหน้าก้มตาพอสมุนไพรที่ขาของเหลียนเซวียนอย่างจริงจัง
"พี่เหลียนน่าจะอายุมากกว่าข้า เรียกพี่สะใภ้ก็ไม่นับว่าเกินไป"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองใบหน้าคล้ำแดดของซีมู่คุน ขนาดหางตายามไม่ยิ้มยังมีริ้วรอย ไม่รู้ว่าผีตนไหนมาเข้าสิง เธอจึงโพล่งออกไปว่า "เขายี่สิบเอ็ด"
ไอ้หยา ไอ้หยา เธอไม่ได้อยากพูดประโยคนี้เสียหน่อย แค่้าชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเหลียนเซวียนให้ชัดเจนต่างหาก
เซวียเสี่ยวหรั่นแทบจะประสาทกิน
เขายี่สิบสองแล้วต่างหาก เหลียนเซวียนเพิ่มหนึ่งประโยคในใจ
"เ้าคงเป็คนทางเหนือสินะ"
เห็นไหมๆ ใครเห็นหนวดเครารุงรังเต็มหน้าก็ต้องเข้าใจว่าเขาเป็คนทางเหนือทั้งนั้น ไม่ใช่เธอคนเดียวที่คิดแบบนี้ ความคิดเซวียเสี่ยวหรั่นถูกเบนไปอีกทาง
"คนทางใต้น้อยคนนักที่จะไว้หนวดเคราหนาแบบนี้ ฮ่าๆ" ซีมู่คุนหัวเราะเสียงดัง "งั้นข้าก็เรียกผิดแล้ว ควรเรียกว่าน้องชายกับน้องสะใภ้ถึงจะถูก พวกเ้าสองคนดูรักใคร่กันดี น้องเหลียนได้รับาเ็ น้องสะใภ้ก็เป็ห่วงขนาดนี้ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง"
เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากตาค้าง ชั่วพริบตานั้นรู้สึกเหมือนว่าเหลียนเซวียนที่นอนหนุนตักเธออยู่เป็ลูกไฟร้อนจัด ลวกจนเธออยากจะกรีดร้องเสียงดัง
เธอสะเพร่าเกินไปแล้ว ลืมไปเสียสนิทว่าคนโบราณถือเื่กฎเกณฑ์และธรรมเนียมเคร่งครัดมาก อย่างเธอให้ผู้ชายหนุนตักกลางวันแสกๆ ต่อให้เป็สามีภรรยากันก็ยังใกล้ชิดเกินไป
เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากค้าง พูดไม่ออกเป็เวลานาน
ถ้าตอนนี้ตนเองปฏิเสธไปว่าไม่ใช่สามีภรรยากับเหลียนเซวียน จะถูกจับขังกรงหมูแล้วเอาไปถ่วงน้ำหรือเปล่า? แค่ความคิดนี้ผุดขึ้นในสมอง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ตัวสั่นระริกอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
เหลียนเซวียนย่อมรับรู้ได้อย่างชัดเจน
นางกำลังหวาดกลัว หรือว่ารังเกียจเขา?
พอถูกผู้อื่นทักว่าเป็สามีภรรยากัน เหลียนเซวียนก็ลนลานขึ้นมา
ว่าแต่นางกลัวอะไร หรือว่ารังเกียจสิ่งใด?
เขาคิดเป็ร้อยตลบจนลืมความเ็ปที่ขาไปเสียสนิท
จนกระทั่งซีมู่คุนพันแผลให้เขาเสร็จเรียบร้อย ความเ็ปรุนแรงก็รั้งสติเขากลับมา
"เอาล่ะ น้องสะใภ้ น้องชายได้รับาเ็ที่กระดูก ต้องนอนพักรักษาอยู่แต่บนเตียง ลำบากเ้าสัก่หนึ่งนะ" ซีมู่คุนยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวทั้งปาก
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังคำเรียกของเขา มุมปากก็กระตุกแล้วกระตุกอีก "เอ่อ พี่ใหญ่ซี ท่านเรียกข้าว่าต้าเหนียงจื่อเหมือนเดิมดีกว่า"
แม้ว่าต้าเหนียงจื่อจะใช้เรียกสตรีที่ออกเรือนแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังฟังรื่นหูกว่า เซวียเสี่ยวหรั่นอดไม่ได้ที่จะแอบหันไปปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่ด้วยความขมขื่น
มารดาเถอะ ไม่ระวังหน่อยเดียว จากสาวน้อยวัยขบเผาะก็กลายเป็สาวใหญ่ที่แต่งงานไปเสียแล้ว
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นใจไม่กล้าพอ จำต้องกัดฟันยอมรับคำเรียกแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ
ซีมู่คุนตะลึงงัน เห็นได้ชัดว่างุนงงกับปฏิกิริยาของเธอ
เหลียนเซวียนแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แต่เขาเข้าใจอารมณ์ของเธอยามนี้ดี
