“วางใจเถอะ เขาหนีข้าไม่พ้นหรอก” เหล่าเยียนโบกมือ
ผู้ฝึกตนหลายคนเดินตามเหล่าเยียน ค่อยๆ ตีวงล้อมรอบตัวของถังเหล่ย
“รีบหนีไป!” ผู้นำซางรู้ว่าเขาไม่มีทางรอดแล้วจึงกล่าวกับถังเหล่ยอย่างสิ้นหวัง
แผนการปล้นขบวนลำเลียงสินค้า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับถังเหล่ย
“คิดหนีหรือ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเ้าหนู ข้าไม่สนว่าเ้ามาจากตระกูลไหน อยู่ในที่รกร้างแบบนี้ผู้ที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์พูด เ้าเป็เพียงผู้ชำนาญยุทธ์แต่กลับแสดงความหยิ่งผยองเกินตัว วันนี้ข้าจะสั่งสอนเ้า จงจำไว้ว่า *เป็คนต้องรู้จักเก็บหาง!”
ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์มองถังเหล่ยก่อนจะรีบปิดล้อมเขาจากทุกทิศทาง ใบหน้าของทุกคนเริ่มเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“รู้จักเก็บหางหรือ? มีเพียงสุนัขเท่านั้นถึงจะเก็บหางได้ พวกเ้าเป็สุนัขจนชิน เื่นี้ทำให้พวกเ้าลืมไปว่ามนุษย์ไม่มีหาง” ถังเหล่ยค่อยๆ ถอดผ้าปิดหน้าออกและเก็บไว้ในแหวนมิติ เขายังคงสงบนิ่ง โดยไม่ได้เผยความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย
“ไปตายซะ!” ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่อยากโต้เถียงกับถังเหล่ย
พวกเขาสิบกว่าคนจะไม่สามารถสังหารถังเหล่ยคนเดียวได้จริงหรือ?
สามคนถือดาบฟาดฟันไปที่ถังเหล่ยด้วยความเร็วสูงสุด ด้านหลังของพวกเขามีิญญายุทธ์ปรากฏออกมา ถังเหล่ยไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียวเขายังคงรออีกฝ่ายโจมตีเข้ามา
เมื่อดาบอันแหลมคมกำลังพุ่งเข้ามาใกล้คอของถังเหล่ย เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหว เพียงเอียงหลบเล็กน้อยก็ทำให้การโจมตีครั้งแรกพลาดไป ทันใดนั้นเขาจับข้อมือของอีกฝ่าย พลังมหาศาลถูกส่งออกมา ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาทันที เขาจับชายฉกรรจ์คนหนึ่งทุ่มราวกับเป็กระสอบนุ่น อีกคนหนึ่งที่โจมตีเข้ามาพร้อมกันไม่สามารถยั้งมือได้ ดาบของเขาฟันเข้าที่หน้าอกของชายที่ถูกถังเหล่ยจับตัวไว้ทันที
หลังจากนั้นถังเหล่ยหันกลับมาโจมตีผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นห้าที่อยู่ด้านหลังกระเด็นออกไปหลายสิบวา หน้าอกของชายคนนั้นยุบลงไปส่งผลให้เขาสิ้นลมหายใจในพริบตาเดียว
จากการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของถังเหล่ยสามารถสังหารผู้คนไปสองาเ็อีกหนึ่ง
พลังของผู้ชำนาญยุทธ์เหล่านี้มีแค่สองหมื่นจินจะเป็คู่ต่อสู้ของถังเหล่ยได้อย่างไร?
ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์มองเห็นสมาชิกภายในกลุ่มตัวเองถูกถังเหล่ยสังหารในลมหายใจเดียวใบหน้าของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์แดงก่ำโดยสมบูรณ์ เขาฟันดาบยาวในมือไปทางถังเหล่ยด้วยความเร็วสูงสุด ถังเหล่ยส่ายหน้า ออกแรงที่เท้าะโหลบการโจมตีของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ จากนั้นร่างของเขาก็วกกลับมาราวกับเหยี่ยว ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ตกตะลึงรีบสะบัดดาบในมือหวังจะหั่นถังเหล่ยออกเป็ชิ้นๆ
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นก็เกิดเกิดแสงวูบวาบผ่านดาบของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ ดาบของเขาหักเป็สองท่อนโดยไม่มีใครมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนมองไปที่ถังเหล่ยซึ่งแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งราวกับเทพ์ปรากฏตัวในโลก สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เ้ามัวรออะไรอยู่รีบลงมือสักที!” ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์รู้ว่าตัวเองว่าไม่สามารถเอาชนะถังเหล่ยได้ จึงะโบอกเหล่าเยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังให้ลงมือ
“มารดามันเถอะ ไม่คิดว่าจะเตะแผ่นเหล็กจนได้!”
เมื่อครู่เหล่าเยียนเห็นถังเหล่ยลงมือจัดการผู้ชำนาญยุทธ์สามคนในลมหายใจเดียว ก็ตระหนักได้ทันทีว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนที่เขาจะจัดการได้ง่ายๆ
แม้ว่าถังเหล่ยจะเป็ผู้ชำนาญยุทธ์ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ระดับเดียวกับพวกเขาอย่างแน่นอน แต่เื่ราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้คิดจะหันหลังกลับไม่มีทางเป็ไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงกระตุ้นจิตใจของตัวเองและล้อมถังเหล่ยเข้ามาอีกครั้ง
หกคนที่เหลือพุ่งเข้าโจมตีถังเหล่ยด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ถังเหล่ยสูดลมหายใจอย่างลึกล้ำก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกการโจมตีของคนทั้งหก ภายใต้แสงจากกองไฟทุกคนมองเห็นเพียงเงาของถังเหล่ยซึ่งกำลังเคลื่อนที่ราวกับภูตผี ปรากฏแสงวูบวาบเป็จังหวะและหยุดลงหลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ
แม้กระทั่งเหล่าเยียนก็ไม่สามารถมองทันว่าถังเหล่ยลงมืออย่างไร ทันใดนั้นคนข้างกายของเขาก็ล้มลงทีละคน
เมื่อรอจนเหล่าเยียนได้สติกลับมากริชของถังเหล่ยก็พาดอยู่ที่คอของเขาแล้ว ถังเหล่ยมุ่งมั่นฝึกฝนทักษะนี้มาระยะหนึ่งแล้ว การเกิดใหม่ทำให้ความทรงจำของถังเหล่ยเสียหาย แต่ระหว่างที่เขาบ่มเพาะความทรงจำก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมา
ทักษะเมื่อครู่ก็คือทักษะที่ถังเหล่ยฝึกฝนในชาติที่แล้ว มันมีนามว่าย่างก้าวไร้เงา เป็ทักษะเคลื่อนไหวที่มีความสำคัญต่อถังเหล่ยอย่างยิ่ง เขารู้ดีว่าทักษะเคลื่อนไหวนี้เหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด
“ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้า” เหล่าเยียนคิดไม่ถึงว่าเื่จะจบลงเช่นนี้
เดิมทีเขาวางแผนกับผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ดีแล้ว สองคนร่วมมือกันสังหารถังเหล่ยจากนั้นแบ่งสินค้ากัน พวกเขาคาดว่าถังเหล่ยน่าจะยังไม่ทะลวงระดับผู้ทรงยุทธ์เพราะนี่เป็เพียงชายหนุ่มอายุสิบกว่าปีเท่านั้น ต่อให้มีความพิเศษมากเพียงใดเขาก็ไม่มีทางรับมือกับยอดฝีมือถึงสองคนได้
“คนเราต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ!” ถังเหล่ยกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็กระแทกฝ่ามือเข้าที่กลางหลังของอีกฝ่าย
ฝ่ามือนี้ไม่ได้โจมตีเร็วนักแต่สิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริงก็คือพลังที่แฝงในฝ่ามือนั้น พลังมหาศาลไหลเข้าไปในร่างของเหล่าเยียนทำลายิญญายุทธ์ที่เหล่าเยียนบ่มเพาะมาหลายสิบปีจนกลายเป็ฝุ่นผง
“อั๊ก!”
เหล่าเยียนกระอักเืออกมาและก้มลงมองฝ่ามือของตัวเอง เขาััถึงิญญายุทธ์ในร่างของตัวเองไม่ได้แล้ว หลังจากนี้เขาทำได้เพียงใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเท่านั้น
ถังเหล่ยกวาดสายตามองไปทางด้านหลังเล็กน้อย ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังมองถังเหล่ยด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองตอแยคนที่ไม่ควรตอแยเขาให้แล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่มีความกล้าที่จะหลบหนีเช่นกัน
ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์พุ่งเข้าหาผู้นำซางโดยคิดจะใช้ผู้นำซางเป็ตัวประกัน อย่างน้อยเขาก็ต้องรักษาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้
แผนการของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ถือได้ว่าไม่เลวจริงๆ หากถังเหล่ยคิดจะออกจากทะเลทรายไปอย่างปลอดภัย ก็คงต้องพึ่งผู้นำซางเท่านั้น ในขบวนลำเลียงสินค้ามีเพียงผู้นำซางที่รู้จักเส้นทาง
อาวุธของผู้ฝึกตนที่ถูกถังเหล่ยสังหารกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณั้แ่แรก ถังเหล่ยตวัดเท้าเตะหอกยาวที่อยู่บนพื้นให้พุ่งเข้าหาผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว
เพียงแค่พริบตาเดียวหอกดังกล่าวก็แทงทะลุอกของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ ร่างของเขาล้มลงบนพื้น หลังจากดิ้นอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เสียชีวิตอย่างน่าเศร้า
“ผู้นำซาง คนนี้มอบให้ท่านจัดการ” ถังเหล่ยมองเหล่าเยียนที่นั่งอยู่บนพื้นราวกับสุนัข
จากนั้นถังเหล่ยก็เดินไปทางสมาชิกที่เหลือของเหล่าเยียน สมาชิกเ่าั้ร่างกายสั่นสะท้าน อาวุธในมือของพวกเขาหลุดร่วงลงบนพื้นไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะต่อต้าน
“เื่ในวันนี้ข้าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก หวังว่าพวกเ้าคงไม่คิดน้อยเหมือนศพเ่าั้” ถังเหล่ยกล่าวอย่างโดยไม่แยแส
*เป็คนต้องรู้จักเก็บหาง หมายถึงอยู่ต่อหน้าผู้มีอำนาจต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
……….