เย่เฟิงและซูเมิ่งหานกลับมายังเขตเซี่ยงซาน ซ่อนตัวอยู่ในที่พลุกพล่านกลางเมือง ส่วนหลิงเฉินบินวนอยู่รอบๆ เพื่อมองหาเฉินเจี้ยนสยงและพรรคพวกของเขา เขาเป็หนึ่งในศิษย์ตำหนักไท่จี๋ ผู้าุโหลายคนและเฉินเจี้ยนสยงเป็คนที่เขารู้จัก การใช้เขาดูลาดเลาถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว หลิงเฉินเป็ผู้ฝึกิญญาสามารถล่องหนตลอดเวลา การสืบดูลาดเลาจึงเป็หน้าที่เขา อีกทั้งสามารถทะลุอาคารสิ่งก่อสร้างได้ เก่งกาจกว่าให้เย่เฟิงล่องหนเองเสียอีก
ไม่นานหลิงเฉินก็ส่งข่าวจากทางไกลมา บอกว่าพบร่องรอยของเฉินเจี้ยนสยงและพรรคพวกแล้ว
เย่เฟิงและซูเมิ่งหานเคลื่อนไหวในทันที มองไปยังถนนตรอกซอยเล็กๆ เห็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมหนังสีดำ สูงเกือบสองเมตร สวมแว่นกันแดด รองเท้าหนัง ท่าทางตึงเครียด
หลิงเฉินบอกใบ้ว่า ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมคือ เฉินเจี้ยนสยง เนื่องจากต้องออกมาข้างนอกบ่อย เฉินเจี้ยนสยงจึงคุ้นเคยกับการแต่งตัวทันสมัย แม้เดินท่ามกลางผู้คนก็ไม่รู้สึกแปลกแยก เพียงแต่ภาพลักษณ์หรูหราเกินไปเท่านั้น
ด้านหลังเฉินเจี้ยนสยง เป็ศิษย์ตำหนักไท่จี๋มือดีใส่ชุดสูทสองคน ศิษย์หญิงสวมเสื้อคลุมหนังสีดำและสวมแว่นกันแดดเช่นกัน ทำให้คนทั้งกลุ่มดูเหมือนมาเฟีย คนรอบๆ ต่างหลีกทางให้ผ่านทันที
ตอนนี้เฉินเจี้ยนสยงเพียง้าบรรลุเป้าหมายเท่านั้นจึงหลีกเลี่ยงสายตาผู้คนที่มองมาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ไม่มีใครรู้เลยว่าเวลาของเขามีค่าเพียงใด?
“กระจกครอบสุริยะจะต้องอยู่ในห่อผ้าของผู้หญิงคนนั้น!”
หลิงเฉินที่บินอยู่บนท้องฟ้าหรี่ตามองผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมหนังสีดำก่อนชี้
“เข้าใจแล้ว เตรียมตัวไว้ให้พร้อม”
เย่เฟิงพยักหน้า พลางหรี่ตามองผู้หญิงคนนั้น แม้จะใส่แว่นกันแดด แต่จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงรู้ได้เลยว่าเธอเป็ผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ดูเหมือนอายุไม่มาก แต่ได้ยินหลิงเฉินบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็อาจารย์อาของหลิงเฉิน ซึ่งก็คือศิษย์น้องของชายชราร่างเล็กหลี่เสวียน ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณห้าสิบปี เื่นี้ทำให้ดวงตาเย่เฟิงสว่างวาบ จากที่มองเพียงผิวเผิน เขาคิดว่าอายุประมาณสี่สิบปีเท่านั้น!
ดูเหมือนการเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์จะทำให้ร่ำรวยมาก ไม่เช่นนั้นเป็ไปไม่ได้เลยที่จะมีของใช้บำรุงผิวมากมาย ทำให้ตัวเองยังดูสวยเช่นนี้ เย่เฟิงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่สำรวจมองพร้อมขบคิดแผนการทันที
เฉินเจี้ยนสยงมีวรยุทธ์ระดับหนึ่งร้อยปี ผู้หญิงที่ถือกระจกครอบสุริยะมีชื่อว่าอู๋จินเฟิง มีวรยุทธ์ระดับหกสิบปี ความแข็งแกร่งถือว่าดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปราดเปรียวของเธอยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นเฉินเจี้ยนสยงจึงให้เธอถือกระจกครอบสุริยะ ส่วนผู้ชายอีกสองคนที่เหลือมีวรยุทธ์ระดับหกสิบปีหรืออาจจะเหนือกว่า แต่สำหรับเย่เฟิงไม่นับว่าแตกต่างอะไร
้าชิงกระจกครอบสุริยะ แน่นอนว่าต้องเป็เื่ยากยิ่ง!
แต่มันเป็เพียงสำหรับคนธรรมดาเท่านั้น ถ้าเปลี่ยนเป็เย่เฟิง เมื่อ้าแล้ว เื่นี้ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ เขาเป็สุดยอดเื่ทักษะล่องหน
“เสี่ยวเฉิน เมิ่งหาน เตรียมลงมือ!”
เย่เฟิงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาต้องชิงลงมือก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว เพื่อแย่งกระจกครอบสุริยะมาให้ได้
ตราบเท่าที่เื่นี้เสร็จสิ้น เื่ที่ทะเลตะวันออกก็ไม่จำเป็ต้องกังวลอีก เขาจะเดินทางไปทะเลทรายทันที! แน่นอนว่าก่อนจะไปต้องโทรหาหลินซือฉิงก่อน และจัดการเื่อุปกรณ์ของหน่วย NSA
รายละเอียดแผนการ เย่เฟิงอธิบายแก่หลิงเฉินและซูเมิ่งหานด้วยวิชาเซียนสื่อจิตแล้ว ชายหนุ่มเชื่อมั่นความสามารถของพวกเขา มันควรดึงความสนใจของเฉินเจี้ยนสยงได้
ขณะนั้นเอง เฉินเจี้ยนสยงผู้ใส่เสื้อคลุมสีดำก็โบกมือ เหลือบมองผ่านแว่นกันแดดไปยังสี่แยก ส่งสัญญาณให้สองคนเดินนำหน้าไปตรวจสอบทางข้างหน้า
คนของตำหนักไท่จี๋สี่คนนี้สีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับว่าหากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่นับเป็อะไร ราวกับไม่เห็นเย่เฟิงและหลี่เสวียนอยู่ในสายตา อันที่จริง เนื่องจากระดับวรยุทธ์หนึ่งร้อยปีกับวรยุทธ์หกสิบปีอีกสามคนรวมกัน ในสถานที่ชานเมืองเช่นนี้ยังสามารถทำอะไรพวกเขาได้อีกหรือ? เย่เฟิงเป็เพียงมดปลวก เมื่อพบกับพวกเขา ย่อมต้องถูกโยนทิ้งไปเหมือนนักเลงข้างถนน!
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงกำลังแอบซ่อนอยู่รอบตัว วางแผนอย่างระวังที่จะปล้นชิงกระจกครอบสุริยะของพวกเขา
ทั้งสี่คนตรงไปยังสี่แยก เตรียมพร้อมข้ามถนน เพียงสัญญาณจราจรขึ้นสีแดง พวกเขาก็เดินข้ามทางม้าลายไป แม้แต่บนทางม้าลาย ทั้งสี่คนก็ยังสะดุดตา แค่ส่วนสูงสองเมตรของเฉินเจี้ยนสยง ในความเป็จริงก็ยากที่จะพบเห็น ไม่จำเป็ต้องพูดถึงการแต่งกายที่ทันสมัยแต่หลงยุคเช่นนี้เลย
บนทางม้าลายผู้คนมากมายที่ข้ามมาด้วยต่างมองทั้งสี่คนอย่างระวัง ตีตัวออกหาก พวกเขากลัวจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น อาจจะโดนปล้นก็ได้
เฉินเจี้ยนสยงยิ้มมุมปาก นี่เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ? คนธรรมดาพวกนี้ช่างอ่อนแอ แค่เหยียบนิดหน่อยก็บี้แบน เปรียบเหมือน ‘มดปลวก’ ในใจเฉินเจี้ยนสยงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที แต่จู่ๆ เขาก็ชะลอฝีเท้า
เฉินเจี้ยนสยงเงยหน้ามอง ใบหน้าเผยอาการตื่นเต้น มองไปยังดาดฟ้าของตึกข้างทาง
ตึกนี้เป็ห้างสรรพสินค้า สูงประมาณยี่สิบเมตร ทันใดนั้นมันก็เกิดเสียงประหลาดราวกับเสียงโหยหวนของภูตผี ก่อนจะสว่างวาบก่อตัวเป็รูปร่างคน
เฉินเจี้ยนสยง ถึงเวลาตายของแกแล้ว!
แสงสว่างนี้ไม่ใช่แสงสว่างธรรมดา แต่เป็แสงสีเหลืองซีด ปรากฏเลือนรางภายใต้แสงยามเที่ยงวัน
มันคืออะไรกัน?
สีหน้าเฉินเจี้ยนสยงเคร่งขรึมลงทันที เขาเพิ่งจะมาถึงเขตเซี่ยงซาน แต่กลับมีใครบางคนจุดดอกไม้ไฟขึ้น หรือว่ามีใครเล่นตลก? หากเขารู้ว่าใครทำ แน่นอนว่าจะต้องตบสารเลวตัวนั้นแน่!
คนจากตำหนักไท่จี๋ไม่รู้เลยจริงๆ ว่า แสงนั้นเป็แสงที่หลิงเฉินก่อตัวสร้างร่างกายขึ้นมา รูปร่างของผู้ฝึกิญญาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีร่างกายเป็ตัวเป็ตน เมื่อพลังิญญาแกร่งขึ้นจนรวมตัวกันได้ มันจะเปลี่ยนเป็รูปร่างใดก็ได้อย่างง่ายดาย แต่การก่อร่างจำเป็ต้องรวบรวมพลังิญญาจำนวนมาก และเมื่อสร้างร่างกายแล้วก็ยิ่งกินพลังิญญามากยิ่งขึ้น ปัจจุบันหลิงเฉินเพียงสามารถสร้างร่างกายได้แค่ห้านาทีต่อวันเท่านั้น ถ้าก่อตัวเป็แสงสว่างวาบเช่นนี้ มันสามารถคงอยู่ได้หนึ่งนาทีเท่านั้น แน่นอนว่าการดึงความสนใจของเฉินเจี้ยนสยง แค่หนึ่งนาทีก็เพียงพอแล้ว
ซึ่งนี่คือหนึ่งในความสามารถของผู้ฝึกิญญา
เฉินฮุยกลายเป็หมู!
หลิงเฉินที่อยู่บนด้านฟ้ายังคงเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเรื่อยพลางะโด่าทอเฉินเจี้ยนสยงและพวกที่เหลืออย่างต่อเนื่อง เวลานี้มันดูเป็ฉากที่เหลือเชื่อ ดึงดูดสายตาผู้คนที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า พวกเฉินเจี้ยนสยงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนกลายเป็โมโหโกรธเกรี้ยว
นั่นมันปาหี่อะไรกัน? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าดอกไม้ไฟเปลี่ยนรูปร่างได้ด้วย
“หลานชาย!”
ขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังออกจากตรอกด้านข้าง เฉินเจี้ยนสยงหันไปมองในทันที แต่เห็นเพียงเด็กหนุ่มเสื้อดำยืนอยู่ที่ตรอกเล็กๆ นั้น นั่นมันเย่เฟิงที่เคยเห็นในรูปมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ? เมื่อเห็นว่าเป็เย่เฟิง เฉินเจี้ยนสยงก็ตระหนักได้ทันทีว่าปาหี่บนดาดฟ้าจะต้องเป็ฝีมือชายหนุ่มแน่นอน ทันใดนั้นความโกรธก็ฉาบบนใบหน้า
นี่มันเื่ตลกอะไรกัน!
ผู้าุโคนหนึ่งของตำหนักไท่จี๋กลับถูกเด็กหนุ่มไร้ชื่อเสียงสบประมาท!