บทนำ - วันฟ้าถล่ม
หิมะตกหนักั้แ่ยามอู่จนถึงยามเหม่งเฉิน เม็ดขาวละเอียดลอยร่วงราวผงเถ้าของ์ ระฆังหลวงดังขึ้นช้า ๆ จากตำหนักจิ่วหยาง — หนึ่งครั้ง สองครั้ง...จนถึงห้าครั้ง แต่ครั้งที่หกกลับไม่ดังอีกเลยเพราะมือของขันทีผู้ตีระฆังสั่นเกินไปน้ำตาของเขาไหลรดหิมะที่พื้นจนแข็งตัวเป็น้ำแข็ง
“องค์รัชทายาท...สิ้นแล้ว”
เสียงนั้นเบา...แต่เหมือนแผ่นดินทั้งผืนหยุดหายใจ
ในวังหลวง กลิ่นธูปสีขาวลอยคลุ้งจนแทบหายใจไม่ออก สายลมหนาวพัดผ่านลานศิลาที่ปกคลุมด้วยหิมะหนากว่าเจ็ดนิ้ว ขันทีและนางกำนัลนับพันก้มหน้าอยู่บนพื้นไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้ามองแท่นบัลลังก์สูงสุด
เบื้องบน ฮ่องเต้จ้าวอี้หานประทับนิ่งอยู่ในชุดไว้ทุกข์สีเทาเข้ม พระพักตร์เรียบสงบราวกลับิญญาของพระองค์ไม่ได้สถิตอยู่ในพระวรกาย ดวงตาที่เคยอบอุ่นบัดนี้ว่างเปล่าราวบ่อน้ำที่ถูกแช่แข็งไปตลอดกาล
เขาไม่หลั่งน้ำตาเพราะในใจลึกๆ รู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมาถึงอดีตซื่อจื่อรักษาตัวจากโรคร้ายมาหลายปีแต่ทว่าสุดท้ายแล้วก็จากไปอยากสงบ ในใจของเขาแม้จะรู้ว่าการเสียบุตรชายเพียงคนเดียวไปจะนำปัญหามากมายตามมาแต่ก็ยังรู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด เพราะอดีตซื่อจื่อที่เขาเฝ้ารักจะไม่ต้องเ็ปอีก
องค์ชายจ้าวเหวินหยาง บุตรเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นสิ้นลมหายใจเมื่ออายุเพียง 22 ปี บนเตียงที่ล้อมด้วยดอกเหมยขาว ข้างกายมีเพียงพระมารดาผู้ร้องไห้จนน้ำตาแทบกลายเป็สายน้ำและฮ่องเต้ที่เฝ้ากุมมือร่างเย็นเยียบบุตรชายของตนเองไม่ห่างกาย
คืนสุดท้ายนั้น เขายังพยายามฝืนลุกขึ้นเขียนจดหมายถึงพระบิดา ด้วยมือที่สั่นจนจับพู่กันแทบไม่อยู่เพียงสี่คำสั้น ๆ
「愿父安康」“ขอให้ท่านพ่ออยู่ดี”
หมึกบนกระดาษยังไม่ทันแห้งดีหัวใจของเขาก็หยุดเต้น นอนฟุบลงบนแผ่นกระดาษนั้น
หลังพิธีปลงพระศพ
ขบวนไว้ทุกข์ยาวจากวังหลวงไปยังสุสานตะวันตกหิมะตกไม่ขาดระยะจนมองไม่เห็นฟ้าทุกก้าวของขบวนเสียงโซ่ตรวนจากเกราะทหารดังแ่ ๆ
ชาวบ้านในนครหลวงออกมาคุกเข่าตลอดทางชายชราโยนผ้าขาวให้ปกโลงหญิงสาวเผากระดาษรูปัลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีเสียงพิณ มีเพียงเสียงหิมะที่ตกไม่สิ้นสุด
เมื่อเวลาผ่านไปเจ็ดวัน
เสียงกระเซ็งแซ่ขุนนางฝ่ายในเริ่มเปิดการประชุมลับในท้องพระโรงเสียงถกเถียงแหลมและเย็นดังขึ้นท่ามกลางความเศร้าของราชวงศ์และประสกนิกร
“ตำแหน่งรัชทายาทไม่อาจว่างเปล่า!”
“องค์ฮ่องเต้ไม่อาจสิ้นสายเืได้!”
“หรือควรแต่งตั้งโอรสจากสกุลรองขึ้นแทน...”
ทุกคำถกเถียงเหมือนดาบนับพันปักลงในหัวใจของจักรพรรดิ ฮ่องเต้จ้าวอี้หานหลับตาฟังอยู่เนิ่นนานไม่มีเสียงตอบ ไม่มีพระสุรเสียงใดออกจากริมพระโอษฐ์
จนกระทั่งขันทีคนหนึ่งเผลอไอเบา ๆ เสียงนั้นสะท้อนก้องไปทั่วห้องเหมือนเสียงระฆังแตก
จักรพรรดิเปิดพระเนตรช้า ๆ
“ตำแหน่งราชทายาทจะถูกแต่งตั้งหลังพิธีไว้อาลัยของอดีตซื่อจื่อ...”
“ส่วนจะเป็ใครนั้น หลังจากนี้ 3 ปีข้าจะเป็คนแต่งตั้งเอง…เลิกประชุม!”
.
.
.
สามปีผ่านไป
วังยังคงไม่เปิดงานรื่นเริงต้นเหมยในสวนยังคงบานก่อนฤดูทุกปี เหมือนรำลึกถึงอดีตซื่อจื่อ ฮ่องเต้ไม่เคยแย้มพระโอสอีกเลยเลย ขุนนางทั้งหลายพูดคุยกันเบา ๆ ด้วยความยำเกรง
ในห้องทรงพระอักษร จดหมายหลายร้อยฉบับจากชายแดนถูกวางเรียงทุกฉบับมีลายเซ็นชื่อเดียวกัน — หลี่เจี๋ยอวิ๋น
ชายหนุ่มที่เติบโตจากค่ายทหารกลางพายุหิมะแม้จะผ่านการห้ำหั่นสตรูมามากมายแต่สายตากลับไม่เคยสั่น ข่าวการรบของเขาเดินทางมาทุกปีชัยชนะทุกครั้ง
จนกระทั่งปีที่สาม วันที่หิมะตกหนักที่สุดในรอบสิบปี
เสียงเกราะม้าดังขึ้นจากประตูทิศเหนือของวังหลวงหิมะกระเด็นขึ้นเป็ฝุ่นขาว ม้าเผือกตัวหนึ่งหยุดลงหน้าประตูวัง ชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำก้าวลงจากหลังม้าเกราะของเขามีรอยบาดจากดาบนับสิบเป็เครื่องประดับยศยืนยังถึงความเกรียงไกรของเขา
ขุนนางทั้งหลายในท้องพระโรงต่างเงยหน้ามองเมื่อประตูทองเปิดออก ลมหิมะพัดทะลักเข้ามาพร้อมกับร่างของเขาก็ก้าวเข้ามาพร้อมลมหนาวนั้น
ชายหนุ่มคุกเข่าลงกลางห้องเส้นผมสีดำเปียกจากหิมะหยาดย้อยลงข้างแก้ม ดวงตาคมกริบเหมือนคมมีดในคืนไร้แสงน่าเกรงขามหลี่ลงเพื่อแสดงความเคารพต่อคนตรงหน้า ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองหลานชายอยู่นานราวกาลหยุดหมุน…เขาช่างเหมือนกับ จ้าวอี้หลง น้องชายของข้าไม่มีผิด
“หลานรักของข้าในที่สุดเ้าก็มา...” พระหัตถ์ยกขึ้นช้า ๆ ประกาศผ่านเสียงกลองและระฆังทั่วแผ่นดิน
“ั้แ่วันนี้ไป บุตรของอ๋องอี้หลงแม่ทัพหลี่เจี๋ยอวิ๋น แต่งตั้งเป็หวงซื่อจื่อแห่งแผ่นดินเทียนอวี้!”