เล่มที่ 1 บทที่ 8
หลังจากเื่ตลกจบลง จางเฟิงเฉิงก็พาจื่อเอ๋อร์ออกจากจวน ทางด้านมู่หรงฉิงได้แต่กำมือแน่นและกัดฟันในปาก
ในวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ากลับเกิดเื่ตลกของจื่อเอ๋อร์ กลายเป็เื่น่าหัวเราะของผู้อื่น ั้แ่ต้นจนจบจางช่างชูก็ยืนอยู่ด้านข้างเฉยๆ โดยไม่พูดอะไร จางช่างชูเป็ขุนนางระดับหนึ่ง ในขณะที่มู่หรงอั้นเป็เพียงขุนนางระดับสาม หลังจากวันนี้เป็เพราะสาวใช้ในบ้านสร้างเื่ ย่อมไม่อาจโทษว่าจางเฟิงเฉิงตบหน้า
ดังนั้นต่อให้หรงอั้นจะโกรธอย่างไร ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หลังงานเลี้ยงเลิกรา บรรดาสตรีต่างชมการแสดงพร้อมกับฮูหยินผู้เฒ่า ฝ่ายบุรุษก็เปรียบเทียบบทกวีกันอย่างสนุกสนาน
มู่หรงฉิงนั่งอยู่ด้านข้างฮูหยินผู้เฒ่า ใบหน้าของนางขาวโพลนปราศจากสีเืซึ่งน่าเวทนาอย่างยิ่ง
ยวี้เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านหลังแม่นมจิ่น และ้าส่งชาใหม่ให้กับมู่หรงฉิงแต่เมื่อนางเห็นสีหน้าของมู่หรงฉิง นางก็มองไปที่แม่นมจิ่นด้วยความวิตกกังวล
แม่นมจิ่นคิดเพียงว่ายวี้เอ๋อร์ใกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงหยิบชาจากยวี้เอ๋อร์อย่างเงียบๆ จากนั้นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วส่งให้มู่หรงฉิง “คุณหนูใหญ่ใจเย็นๆ ดื่มชาสักถ้วยก่อน นี่คือชาดอกเบญจมาศที่ออกมาใหม่ในปีนี้ สามารถลดความร้อนได้ดี”
แม่นมจิ่นเอ่ยระหว่างเปิดถ้วยชา เห็นดอกเบญจมาศสีขาวบานสะพรั่งหนึ่งช่อในถ้วย กลิ่นหอมจางๆ ของดอกเบญจมาศเตะจมูก ทำให้คนรู้สึกสดชื่น
เด็กสาวถอนหายใจ ก่อนหยิบถ้วยน้ำชาจากมือของแม่นมจิ่น นางจิบหนึ่งอึก กลิ่นหอมหวานเล็กน้อย กอปรกับกลิ่นดอกเบญจมาศจางๆ ส่งผลให้นางอยากจะจิบอีกสองสามอึกโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่งดื่มชาครึ่งถ้วย นางถึงได้วางถ้วยชาลงบนโต๊ะและถอนหายใจเบาๆ
เฮ้อ... นางคิดผิดแล้ว ไม่ใช่แค่นางเท่านั้นที่คิดผิด แม้กระทั่งแม่นมจิ่นก็คิดผิดไปแล้วเช่นกัน
เมื่อมู่หรงฉิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ อนุหนิงที่อยู่ห่างไกลก็ยกมุมปากขึ้นอย่างเ็า มู่หรงฉิงนะ มู่หรงฉิง จื่อเอ๋อร์ซื่อสัตย์แล้วจะอย่างไร? แม้มีสาวใช้ที่ภักดีถึงสิบคน ก็ไม่อาจต่อกรกับสาวใช้ที่ทรยศเ้านายและพยายามโจมตีอย่างสุดกำลัง
สิ่งที่เกิดขึ้นคราวนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจอย่างยิ่ง แม้หลายสิ่งจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามู่หรงฉิงเป็เหยื่อ แต่คนโกรธแล้ว ท่าทีย่อมไม่ดีอีกต่อไป “แม่นมจิ่นก็เป็ผู้สูงวัยแล้ว ไม่เห็นหรือว่าคุณหนูใหญ่ดูเหนื่อยล้า? ยังไม่ส่งคุณหนูใหญ่กลับไปพักผ่อนที่ห้องอีก”
เสียงของฮูหยินผู้เฒ่านั้นเบามาก แต่ก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง
มู่หรงฉิงเข้าใจแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจนางและไม่อยากให้นางทำเสียหน้าต่อหน้าผู้อื่นอีก
“ขออภัยที่บ่าวล่าช้า บ่าวจะช่วยประคองคุณหนูใหญ่กลับไปที่เรือนเพื่อพักผ่อนเดี๋ยวนี้” แม่นมจิ่นรู้สึกขุ่นเคืองในใจ ถึงกระนั้นนางก็ทำอะไรอื่นไม่ได้ นางทำได้เพียงช่วยประคองมู่หรงฉิงให้ลุกขึ้น
“ฮูหยินผู้เฒ่าลำเอียงเกินไปแล้วจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เดิมทีก็เป็ความผิดของจื่อเอ๋อร์ แต่เหตุใดถึงพลอยโกรธคุณหนูไปด้วยล่ะ”
ทันทีที่กลับไปถึงเรือน ยวี้เอ๋อร์ก็ออกอาการโกรธขึ้งและพ่นถ้อยคำไม่รู้จักขอบเขต
หากเป็ในอดีต มู่หรงฉิงคงรู้สึกแค่ว่ายวี้เอ๋อร์เป็คนปากไว แต่ในเวลานี้มู่หรงฉิงกลับมีแต่ความรู้สึกหมางเมิน
ยวี้เอ๋อร์นะ ยวี้เอ๋อร์ ข้าทำอะไรให้เ้าไม่พอใจหรือ? นึกไม่ถึงว่าเ้าจะทรยศข้า ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า คนที่มักจะเคียดแค้น ปากไวจนคอยบ่นถึงความไม่เป็ธรรมแทนข้าเสมอคนนั้น จะเป็คนที่หักหลังข้า
เมื่อนึกถึงความแน่วแน่ในสายตาของจื่อเอ๋อร์ มู่หรงฉิงทำได้เพียงปิดเปลือกตาลงแสร้งทำเป็งีบหลับ นางกลัวว่าความเกลียดชังในดวงตาจะทำให้ยวี้เอ๋อร์รู้ตัว นางไม่รู้จริงๆ ว่าถัดจากนี้ อนุหนิงจะทำอะไรต่อไปอีก?
“ระวังตัวจากยวี้เอ๋อร์ด้วย”
ขณะจับฝ่ามือเข้าหากัน นางรู้สึกราวกำลังััอุณหภูมิเย็นะเืของจื่อเอ๋อร์ หัวใจของมู่หรงฉิงค่อยๆ สงบลงเล็กน้อย แต่นางยังคงวิงเวียนศีรษะอยู่ แม้กระทั่งมือและเท้าก็เริ่มรู้สึกอ่อนแรง...
มู่หรงฉิงประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จากนั้นก็เห็นยวี้เอ๋อร์มองไปทางแม่นมทั้งสองด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวลพร้อมเอ่ยขึ้น “ในเวลานี้คุณหนูหายใจไม่สะดวกนัก ข้าจะไปที่ห้องครัวเพื่อนำน้ำแกงสาลี่หิมะมาบำรุงกระเพาะอาหารของคุณหนู”
“ไปเถอะ และช่วยเอาขนมของว่างมาด้วย ในตอนบ่าย คุณหนูยังไม่ได้กินอะไรเลย ก็เกิด…” แม่นมฟางส่ายศีรษะเบาๆ หลังจากเห็นยวี้เอ๋อร์ออกจากห้อง นางก็เดินไปยังด้านข้างของมู่หรงฉิง “คุณหนูใหญ่ ข้ามักจะรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันแปลกพิกลมากจริงๆ”
“แม่นมฟางรินน้ำเปล่าสักแก้วให้ข้าที” หลังจากยวี้เอ๋อร์เดินออกไป มู่หรงฉิงก็รีบคลี่ของในมือออกมา “รีบเอาสิ่งนี้เทลงไปในน้ำเร็วเข้า”
“นี่คือ?” แม่นมฟางมองไปที่ถุงใบเล็กๆ ในมือของมู่หรงฉิง โดยไม่รู้ถึงความเป็มา “สิ่งนี้เอามาจากไหนหรือ?”
“นี่คือสิ่งที่จื่อเอ๋อร์เพิ่งยัดเข้าในมือของข้า” เสียงของมู่หรงฉิงอ่อนลง และยิ่งไร้เรี่ยวแรง กระดูกสันหลังของนางซึ่งเคยนั่งตัวตรง แต่เวลานี้กลับต้องพิงเก้าอี้โดยปราศจากเรี่ยวแรง
“จื่อเอ๋อร์?” แม่นมฟางยิ่งรู้สึกประหลาดใจเพิ่มมากขึ้น “เ้าเด็กจื่อเอ๋อร์เป็คนมอบให้ คุณหนูจะกินมันได้อย่างไร?”
“แม่นมจิ่น ชาที่แม่นมให้ข้าเมื่อหลายอึดใจก่อน ไม่ได้เป็ชาที่แม่นมชงเองใช่หรือไม่?” มู่หรงฉิงถามอย่างไร้เรี่ยวแรงโดยไม่ได้ตอบแม่นมฟางแต่อย่างใด
“นั่นเป็ชาที่ยวี้เอ๋อร์มอบให้ข้า ข้า…” แม่นมจิ่นเป็ต้องหยุดพูด เมื่อเห็นแก้มสีแดงก่ำของมู่หรงฉิง ฝั่งแม่นมฟางที่อยากจะพูดมากกว่านี้ ทว่าแค่เหลือบมองไปทางแม่นมจิ่นปราดหนึ่ง ทั้งคู่ก็เห็นความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน
ผู้ที่ทรยศต่อคุณหนูใหญ่คนนั้นคือยวี้เอ๋อร์
ครั้นมองไปที่แก้มสีแดงก่ำของมู่หรงฉิง แม่นมฟางก็เข้าใจในทันที นางจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากอีกต่อไป แต่รีบรินน้ำเปล่า เทซองยาผงลงไปในน้ำจากนั้นให้มู่หรงฉิงดื่ม
ร่างกายของมู่หรงฉิงร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกราวกับถูกโยนเข้าไปเผาในกองไฟ และเวลาต่อมานางก็ได้ยินเสียงของสาวใช้ดังแว่วมาจากด้านนอกประตู
“คุณชายเดินผิดทางแล้ว นี่คือเรือนด้านหลัง ถ้าคุณชาย้าพักผ่อน ก็ควรไปที่ห้องรับรองแขกด้านโน้น”
“อ้อ? ดูเหมือนข้าจะดื่มมากไปแล้ว เดินผิดทางแล้ว”
ชายผู้นั้นยังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงฮึเบาๆ ด้วยความไม่พอใจ
แสงเย็นปรากฏวาบในดวงตาของมู่หรงฉิง จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายสาวใช้ในลานบ้านถูกคนชกให้ล้มลง
สรุปว่าแผนการของอนุหนิงในคราวนี้ช่างโเี้เสียจริง
ในตอนแรกวางแผนจัดการจื่อเอ๋อร์ ถ้าเกิดจื่อเอ๋อร์ตายหรือจื่อเอ๋อร์ไม่ซื่อสัตย์ มู่หรงฉิงก็จะถูกเกี่ยวโยงเข้ากับข้อหาทำความผิดโดยตรง แต่อย่างไรก็ตามจื่อเอ๋อร์ได้ฝึกทักษะการต่อสู้กับนางมาั้แ่วัยเยาว์ แม้จื่อเอ๋อร์จะมีทักษะการต่อสู้ในระดับปานกลาง แต่ก็ดีกว่าเมื่อเทียบกับระดับทักษะการต่อสู้ของเหล่าสาวใช้หรือยามรักษาความปลอดภัยในเรือน ด้วยสาเหตุนั้นแผนการแรกของอนุหนิงจึงล้มเหลว
แผนหนึ่งล้มเหลวก็ยังมีแผนต่อไป มู่หรงฉิงไม่รู้ว่าหนอนบ่อนไส้คือยวี้เอ๋อร์ ดังนั้นนางจึงดื่มชานั้นเข้าไป ทว่ายวี้เอ๋อร์ฉลาดกว่าที่คิด ยวี้เอ๋อร์ไม่ส่งชาให้นางโดยตรงแต่ส่งชาผ่านมือของแม่นมจิ่น ด้วยวิธีดังกล่าวยวี้เอ๋อร์จึงไม่แตะต้องข้อหาใดๆ แม้แต่ครึ่งหนึ่ง
น้ำชาถ้วยนั้น ยวี้เอ๋อร์จะต้องวางยาอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจื่อเอ๋อร์ได้ยาถอนพิษมาได้อย่างไร ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน จื่อเอ๋อร์เขียนไว้ในฝ่ามือของนางว่า ‘ระวังตัวจากยวี้เอ๋อร์’ ในเวลาเดียวกันก็วางยาถอนพิษไว้ในฝ่ามือของนาง
สิ่งที่จื่อเอ๋อร์สามารถทำเพื่อนางได้ก็มีเพียงเท่านี้ บางทีจื่อเอ๋อร์อาจจะคิดว่า ตราบใดที่นางได้รับการเตือน ตราบใดที่ยังมียาถอนพิษก็จะสามารถจัดการยวี้เอ๋อร์ได้ และจะไม่มีแผนการอื่นอีกต่อไป
แต่จื่อเอ๋อร์นะ จื่อเอ๋อร์ เป็เพราะพวกเราคิดเองเออเองว่าตัวเองฉลาดมากไป พวกเราถึงได้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของยวี้เอ๋อร์
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตู ใบหน้าของแม่นมจิ่นคล้ำเครียดขึ้นทันควัน จากนั้นจึงรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อปิดประตู แต่เมื่อเดินไปที่ประตู นางก็ถูกคนผลักให้ออกห่าง
อาจจะด้วยเรี่ยวแรงที่ใช้นั้นมากเกินไป แม่นมจิ่นถึงเซถอยไปถึงผนังบ้านและก็ล้มลงอย่างอ่อนแรง
“คุณ... คุณชายเปี่ยว?”
ั์ตาของแม่นมฟางเบิกกว้างคล้ายไม่อยากเชื่อกับภาพที่ซูมู่หานกำลังเดินเข้ามา
นางหมายจะไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองแม่นมจิ่นที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น แต่เนื่องจากกลัวว่าซูมู่หานจะทำไม่ดีต่อมู่หรงฉิง หญิงสูงวัยจึงทำได้เพียงยืนด้านข้างมู่หรงฉิง พลางเอ่ยถามอย่างลนลาน
“เป็เ้าไปได้อย่างไร?” เมื่อเห็นซูมู่หาน ใบหน้าแดงก่ำของมู่หรงฉิง07’ประดับด้วยความเ็า “ปี้เอ๋อร์เป็คนของเ้าหรือ?”
คำพูดของมู่หรงฉิงแม้จะเ็าถึงกระนั้นด้วยสาเหตุที่นางดื่มชาเ้าปัญหา และชานั้นก็วางยากระตุ้นอารมณ์ ความเ็าของนางจึงเจือท่าทียั่วยวนอยู่หลายส่วน ทำให้ดวงตาของซูมู่หานถึงกับเบิกกว้าง
“ปรากฏว่าน้องฉิงเลอโฉมเตะตาต้องใจจริงๆ ด้วย ไม่น่าแปลกที่น้องฉิงถูกจัดให้อยู่อันดับสามในจำนวนสิบสาวงาม” ดวงตาของซูมู่หานเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมโดยไม่ปิดบังแม้แต่เศษเสี้ยว
ด้วยจังหวะการก้าวเท้าเข้ามา บ่งชี้ให้เห็นว่ารีบร้อนมาก
“คุณชายเปี่ยว นี่คือห้องส่วนตัวของคุณหนูใหญ่ ขอคุณชายเปี่ยวโปรดออกไปโดยเร็ว อย่าทำให้คนอื่นเอาไปนินทาถึงจะถูก” แม่นมฟางเห็นสายตาของซูมู่หาน นางรับรู้ทันทีว่าซูมู่หานมีจิตมุ่งร้าย นางจึงรีบลุกขึ้นยืนขวางด้านหน้ามู่หรงฉิง
“ยายเฒ่าออกไปเสีย ไม่เช่นนั้นอย่าโทษข้าที่ทำตัวไม่สุภาพ” ดวงตาของซูมู่หานดุดันขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นแม่นมฟางเข้ามาขวาง ชายหนุ่มจึงข่มขู่ว่า “ถ้าเ้าเฝ้าประตูอย่างซื่อสัตย์ ข้าจะไม่ทำลายชื่อเสียงของน้องหญิง หลังจากนั้นข้าจะขอให้น้องหญิงเป็ภรรยาเอก ถ้าเ้าไม่รู้จักทำตัวดี วันนี้ข้าจะทำลายชื่อเสียงของน้องหญิง จะทำให้นางอยู่โดดเดี่ยวในโลกนี้ไปชั่วชีวิต”
คำพูดของซูมู่หานเป็พิษอย่างมิอาจปฏิเสธได้ แม่นมฟางหน้าแดงก่ำด้วยความเกลียดชัง นางหยิบถ้วยบนโต๊ะ ขว้างไปทางซูมู่หาน “วันนี้ข้าจะจัดการสิ่งที่ไร้ยางอายแทนแม่ของเ้า”
เนื่องจากแม่นมฟางโกรธเคืองเป็อย่างมาก จึงพูดจาด้วยถ้อยคำไม่สุภาพและหมายจะทุบซูมู่หานโดยใช้สิ่งที่อยู่ในมือ
ซูมู่หานไม่นึกเลยว่าแม่นมฟางจะฉุนเฉียวได้ถึงเพียงนี้ เมื่อเห็นแม่นมฟางยกเก้าอี้ขึ้น ชายหนุ่มก็สะบัดเสื้อคลุมจากนั้นยกเท้าขึ้นมาขวาง
เก้าอี้ถูกเตะจนกลิ้งไปอีกทางก่อนหยุดลงในที่สุด ฝ่ายแม่นมฟาง้าเข้ามาขวางอีกครั้ง ซูมู่หานจึงใช้เท้าเตะหน้าอกของแม่นมฟางอีกหน
“แม่นมฟางระวัง”
มู่หรงฉิงร้องอุทาน นางเห็นแม่นมฟางกระเด็นไปที่ด้านข้างของเตียง อีกฝ่ายกระแทกกับเสาเตียงแล้วล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ซูมู่หาน” ดวงตาทั้งสองข้างของมู่หรงฉิงลุกเป็ไฟ นางจ้องซูมู่หานเขม็งด้วยความขุ่นเคือง “เ้ากล้าดีอย่างไร?”
“คนงามก็คือคนงามวันยังค่ำ แม้จะโกรธเคืองแต่ก็ยังมีเสน่ห์ในตัวเองเช่นเดิม” ซูมู่หานไม่สนใจความโกรธเคืองของมู่หรงฉิงแม้แต่น้อย ทว่ากลับรู้สึกลุ่มหลงกับความโกรธเคืองของมู่หรงฉิงถึงกับเสียสติ เขารีบเดินไปข้างหน้า หมายจะเอื้อมมือออกไปกอดมู่หรงฉิง
“เ้าเลว”
มู่หรงฉิงเปล่งเสียงด้วยความโกรธ ยกเท้าขึ้นถีบอีกฝ่ายอย่างไม่ออมแรง
“อั๊ก! ไหนบอกว่าดื่มยากระตุ้นอารมณ์แล้วไม่ใช่หรือ? แต่เหตุใดถึงได้ฉุนเฉียวเช่นนี้?” ซูมู่หานหลีกเลี่ยงอันตรายอย่างหวุดหวิด หลังเห็นผิวหน้าแดงก่ำของมู่หรงฉิงเริ่มกลับมาเป็ปกติมากขึ้น เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็เพราะยากระตุ้นนั้นมีปัญหาหรือไม่?
“เคารพเ้าในฐานะที่เป็ลูกชายของท่านอารอง เรียกขานเ้าว่า ‘พี่ชาย‘ ถ้าเ้ายังไม่ออกไปอีก อย่าโทษข้าถ้าไม่สุภาพ” ด้วยท่าทีสงบสุขุม ไม่ร้อนรนของมู่หรงฉิงเป็สาเหตุให้ซูมู่หานรู้สึกไม่ปลอดภัย จนอดไม่ได้ที่จะลูบฝ่ามือพลางชายตามองมู่หรงฉิงจากด้านข้าง
“มู่หรงฉิงคนนั้นก็เป็เพียงเสือกระดาษ ด้วยทักษะการต่อสู้อันอ่อนแอปวกเปียก มีหรือจะสามารถเทียบเทียมคุณชายซูได้? และยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากมู่หรงฉิงดื่มยากระตุ้นอารมณ์ไปแล้ว ถึงมู่หรงฉิงจะไม่ยอม แต่แค่คุณชายโเี้และพิชิตนางให้ได้ หลังจากนั้นก็โปรยผงกระดูกอ่อนนี้กับนาง ยังจะกลัวว่านางจะไม่เชื่อฟังอีกหรือ?”
ครั้นหวนนึกถึงคำพูดของอนุหนิง ซูมู่หานซึ่งแต่เดิมไม่มีความมั่นใจถึงกลับมามีตัณหาอีกหน เขารีบโผเข้าหามู่หรงฉิงด้วยแสงสว่างในดวงตา
ความน่าเกรงขามเมื่อหลายอึดใจก่อนของมู่หรงฉิง เพียงเพื่อข่มขู่ซูมู่หานก็เท่านั้น ถึงแม้ว่ายาถอนพิษของจื่อเอ๋อร์จะมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากเพิ่งทานในระยะเวลาสั้นมาก มันจะถอนพิษได้อย่างไร?
แสงสว่างในดวงตาของซูมู่หานเป็สาเหตุให้มู่หรงฉิงรีบยกมือและเท้าปราศจากเรี่ยวแรงขึ้นต่อสู้กับซูมู่หานด้วยมือเปล่า
ทักษะการต่อสู้ของเด็กสาวย่อมไม่อาจเทียบเท่าผู้ฝึกทักษะการต่อสู้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงยากระตุ้นอารมณ์ของมู่หรงฉิงที่ยังไม่ได้ถอนเต็มที่ในขณะนี้ หลังจากเคลื่อนไหวสองสามกระบวนท่า ซูมู่หานก็จี้จุดเซวีย*ของมู่หรงฉิง “แต่เดิมอยากจะมอบความอบอุ่นให้กับเ้า แต่เ้ากลับไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี”
ระหว่างพูด ชายหนุ่มได้หยิบห่อยาผงออกจากแขนเสื้อ จากนั้นเปิดปากของมู่หรงฉิง และบังคับป้อนเข้าไปในปาก ก่อนมองสภาพแวดล้อมรอบๆ และหยิบกาน้ำชาที่ยังหลงเหลือจากพื้น หลังจากเขย่าๆ ก็พบว่ายังมีน้ำอยู่บ้างเล็กน้อย จึงรินน้ำที่เหลือเข้าไปในปากของมู่หรงฉิง
น้ำชานำผงกระดูกอ่อนไหลผ่านคอ ตลอดจนถึงส่วนกระเพาะ
จบแล้ว วันนี้เกรงว่าจะไม่สามารถรอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้ คราวนี้ชื่อเสียงของนางจะต้องพังทลาย...
ในขณะที่มู่หรงฉิงกำลังคร่ำครวญถึงชะตากรรมอันโหดร้าย ก็ได้ยินเสียงโง่งมดังแทรกมาจากด้านนอกประตู “เอ๋! สาวใช้พวกนี้ผล็อยหลับไปในลานสนามหญ้า ฮิๆ ...จ้าวจื่อซิน เ้าดูสิ สาวใช้พวกนี้โง่งมจริงๆ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้