หลันเยว่หรูไม่ยินยอม ใบหน้าที่งดงามเป็หนึ่งไม่มีสองในยามปกตินั้นสูญเสียความงดงามที่เคยเห็นจนชินตา ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวก่อนจะขบฟันเอ่ยว่า “เ้าต้องโกงแน่นอน! ไม่แน่ว่าเ้าได้ท่องเล่มนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้วก็เป็ได้ เมื่อท่องออกมาได้ต่อหน้าคนมากมายก็ไม่ใช่เื่แปลกอันใด! ถูกต้อง เ้าจะต้องท่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้วแน่นอน!”
คนที่อยู่ที่นั่นมีความคิดแตกแยกกันออกไป
“หากท่องมาก่อนล่วงหน้า แล้วค่อยมาท่องให้ทุกคนฟัง ก็ไม่มีอะไรน่าแปลก!”
“มีปัญญาก็ท่องอีกเล่มสิ หากยังท่องออกมาได้ พวกเราจึงจะเชื่อเ้า!
“ถูกต้อง ท่องอีกเล่มหนึ่ง!”
“ท่องอีกเล่มหนึ่ง!”
เฟิ่งเฉี่ยนพลันหัวเราะออกมา “พวกเ้าช่างน่าสนใจนัก ไม่ว่าอันใดก็แล้วแต่หลันเยว่หรูจะพูด นางบอกว่านางทำใบไม้ทองคำหายไป พวกเ้าก็เชื่อว่านางทำใบไม้ทองคำหาย นางบอกว่าข้าโกง พวกเ้าก็เชื่อว่าข้าโกง ที่แท้สำนักเทียนหงล้วนมีแต่คนไร้ความคิดเป็ของตนเอง ไม่มีกระทั่งการตัดสินที่เป็ของตนเอง มิน่าเล่าสำนักศึกษาแห่งนี้จึงได้เสื่อมถอยลงทุกวัน ถูกทิ้งไปอยู่อันดับสิบรั้งท้ายของแคว้นเป่ยเยียน อยู่ท้ายขบวน ขืนปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าปีนี้จะไม่ติดอันดับกระทั่งท้ายขบวน”
คำพูดของนางเสียดแทงจิตใจของทุกคน รวมไปถึงท่านผู้าุโด้วย
เกียรติและศักดิ์ศรีของสำนักศึกษา สำคัญกว่าทุกสิ่ง!
“เ้าพูดจาเลอะเลือนอันใด”
“เ้ากล้าดูแคลนสำนักศึกษาเทียนหงของพวกเราหรือ”
“เกินไปแล้ว!”
“ขับไล่นางออกไปจากสำนักศึกษา!”
“สำนึกศึกษาเทียนหงไม่ต้อนรับเ้า!”
ความรู้สึกของทุกคนถูกกระตุ้นให้ออกมาต่อต้านในชั่วพริบตา
หลังจากมีโทสะแล้ว ท่านผู้าุโกลับรู้สึกเหมือนเช่นถูกกระชากจิติญญาจนได้สติขึ้นมา ความจริงเป็เื่ไม่น่าฟัง นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ยินเสียงที่แตกต่างออกไปเช่นนี้
สำนักศึกษาเทียนหงเสื่อมถอยลงทุกวัน พวกเขาซึ่งเป็รุ่นาุโได้แต่คิดว่าสาเหตุมาจากศิษย์ที่รับสมัครเข้ามีคุณสมบัติค่อนข้างต่ำ ทว่าไม่เคยใคร่ครวญถึงปัญหาของตนเอง
ทุกครั้งที่พบเจอเื่ที่สมเหตุสมผล พวกเขาก็จะตัดสินใจทันที หรือเมื่อพบเื่ที่ไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ก็จะปล่อยมือทันทีเช่นกัน
และตอนนี้ เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
บนโลกนี้ไม่มีเื่ใดที่ทำไม่ได้ มีเพียงเื่ที่เ้าได้ลงมือทำหรือลองทำหรือไม่เท่านั้น! หากเ้าลองทำดูแล้วทว่ายังคงทำไม่ได้ ถึงเวลานั้นจึงจะมีสิทธิ์พูดว่า นั่นเป็เื่ที่ทำไม่ได้! หากเ้ายังไม่เคยกระทั่งจะลองทำดูก็ปล่อยมือแล้ว เช่นนั้นเ้าจะมีสิทธิ์พูดว่าเื่นั้นทำไม่ได้หรือ
เขาพลันรู้สึกกระจ่างแจ้ง หลายปีมานี้เขาเหมือนติดอยู่บริเวณคอขวดตลอดเวลา ทุกอย่างพลันถูกคลายออกในพริบตา เขาดูเหมือนจะเห็นความหวังรางๆ
เขากระแอมกระไอให้คอโล่ง สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเข้มงวดที่ก่อนหน้าหามีไม่ เขาพูดว่า “ทุกคนเงียบ!”
สถานการณ์วุ่นวายตรงหน้าจึงสงบลง
ท่านผู้าุโพูดต่ออีกว่า “แม้คำพูดของแม่นางเฟิงเมื่อสักครู่จะฟังแล้วบาดหู แต่มิใช่ว่าไม่มีเหตุผล!
ทุกคนตกตะลึง ท่านผู้าุโกำลังพูดอะไร
“สำนักศึกษาเทียนหงเสื่อมถอยลงทุกวันเป็เื่จริง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เอ่ยถึงก็จะทำราวกับว่าไม่มีเื่เช่นนี้อยู่”
ทุกคนเงียบงันและเริ่มครุ่นคิด
“เมื่อสักครู่ ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้ซึ่งหลักฐานใดๆ พวกเราตัดสินว่าแม่นางเฟิงขโมยใบไม้ทองคำไปซ่อนเอาไว้ ที่จริงเป็เื่ที่ไม่ถูกต้อง!”
คนทั้งหมดจับต้นชนปลายไม่ถูก ท่านผู้าุโ้าพูดอะไรกันแน่
“เหตุผลเดียวกัน ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน พวกเราก็ตัดสินว่าเื่ที่แม่นางเฟิงท่องตำราแพทย์เป็เื่ที่ได้ท่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเป็เื่ไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน!”
ทุกคนงงงันต่อไป...
เฟิ่งเฉี่ยนกลับเลิกคิ้ว อดมองท่านผู้าุโใหม่อีกครั้งไม่ได้ คนผู้นี้มีการพัฒนา
ท่านผู้าุโพูดต่ออีกว่า “ดังนั้น ตอนนี้ให้พวกเราเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองเื่นี้เสียใหม่...ข้าผู้าุโเสนอว่าให้เลือกตำราแพทย์ออกมาใหม่หนึ่งเล่ม ให้แม่นางเฟิงท่องตอนนี้ หากครั้งนี้นางยังคงท่องได้โดยไม่ตกหล่นสักตัว พวกเราต้องยอมรับว่านางมีความสามารถ! พวกเ้าคิดเห็นอย่างไร”
คนทั้งหมดเ้ามองข้า ข้ามองเ้า
“อืม เช่นนี้ยุติธรรม!”
“ข้าว่าได้!”
“เลือกเล่มยากๆ สักหนึ่งเล่ม หากนางยังคงท่องออกมาได้ ข้าจะยอมแพ้นางเอง!
“ถูกต้อง ความจริงย่อมชนะการคุยโวโอ้อวด!”
“...”
คิ้วคมของมู่ชิงเซียวย่นยู่เป็ตัวอักษรแม่น้ำ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกลับกลอกของคนทั้งหมด โทสะนั้นท่วมท้นจิตใจจนเขาะโออกมาอย่างทนไม่ได้ “พอแล้ว! พวกเ้าเกินไปแล้วนะ! แม่นางเฟิงทำอะไรผิดกันแน่ เหตุใดพวกเ้าจึงต้องบีบบังคับกันเช่นนี้ด้วย ต่อให้นางท่องไม่ได้แล้วอย่างไรเล่า ข้าบอกพวกเ้าไว้ก่อน วันนี้หากข้า มู่ชิงเซียวอยู่ที่นี่ ข้าไม่มีทางให้พวกเ้าชี้นิ้วสั่งพวกเราได้!.”
พูดแล้วเขาก็คว้าแขนของเฟิ่งเฉี่ยนและพูดเสียงหนัก “แม่นางเฟิง พวกเราไปเถิด! ข้าจะดูว่าผู้ใดจะกล้าขวางข้า”
เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปต่อหน้าผู้คนมากมาย
เขาทนมาพอแล้ว!
แม่นางเฟิงทำทุกอย่างด้วยความปรารถนาดี มาอ่านตำราแพทย์ในหอตำราเพื่อช่วยรักษาอาการป่วยให้ท่านปู่ของเขา แต่คนเหล่านี้กลับมีจิตใจคับแคบ เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแทนแม่นางเฟิงจริงๆ!
ดังนั้นเขาไม่สนใจแล้ว วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะพาคนออกไปให้ได้!
ปฏิกิริยาของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกตะลึงงัน ศิษย์พี่ชิงเซียวผู้สุขุมเยือกเย็นในยามปกติ ถึงกับมีโทสะเสียแล้ว เอ่ยวาจาเพียงประโยคหนึ่งแล้วจะพาคนไป พวกเขาแต่ละคนได้แต่ปากอ้าตาค้าง
ท่านผู้าุโเลิกคิ้วด้วยโทสะ “มู่ชิงเซียว นี่เ้าจะขัดสั่งของข้าผู้าุโใช่หรือไม่”
ท่าทีของมู่ชิงเซียวไม่ได้แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ได้ถ่อมตนจนดูต่ำต้อย เขาพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่ “ท่านผู้าุโ วิญญูชนย่อมต้องรักษาสัจจะ หากกระทั่งสหายข้าก็ยังปกป้องไม่ได้ ข้ายังจะมีหน้าอันใดอยู่บนโลกนี้อีก”
ท่านผู้าุโโกรธจนหน้าแดงก่ำ “เ้า...”
หลันเยว่หรูหัวใจหล่นวูบ นางแค้นใจจนแทบหายใจไม่ออก
เพื่อสตรีนางนี้ศิษย์พี่ชิงเซียวถึงกับยอมแตกหักกับท่านผู้าุโต่อหน้าทุกคน!
ไฉนจึงเป็เช่นนี้? เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?
เฟิ่งเฉี่ยนคิดไม่ถึงว่าเพื่อนางและเพื่อมิตรภาพระหว่างสหายมู่ชิงเซียวถึงกับเด็ดขาดเช่นนี้! ทำให้นางซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง นางจดจำเอาไว้ในใจแล้ว!
นางปลดมือมู่ชิงเซียวออก แล้วหันไปยิ้มให้กับเขา “ช้าก่อน ข้ายังไปไหนไม่ได้!”
มู่ชิงเซียวมองนางอย่างไม่เข้าใจ เฟิ่งเฉี่ยนพูดอีกว่า “หากข้าจากไปตอนนี้ มิเท่ากับข้าต้องถูกตราหน้าว่าเป็คนขโมยใบไม้ทองคำหรอกหรือ”
“แต่พวกเขาไม่ฟังคำอธิบายของท่าน...” มู่ชิงเซียวพูด
“ข้าไม่จำเป็ต้องอธิบาย ข้าให้ความจริงพูดแทน!” แววตาของเฟิ่งเฉี่ยนเป็ประกายด้วยความมาดมั่น นางหันไปพูดกับผู้าุโ ด้วยดวงตาทอประกายกล้า “ข้ารับคำท้าของพวกเ้า! ครั้งนี้...ข้าจะท่องกลับหลังด้วย!”
คนทั้งหมดถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
“ท่องกลับหลังหรือ”
“บ้าเกินไปแล้ว!”
“ไม่รู้จักประมาณตน!”
“รอดูว่านางจะเป็ที่น่าหัวเราะเยาะอย่างไร!”
“...”
ท่านผู้าุโตะลึงงัน คิดจะหาวี่แววโอ้อวดและร้อนตัวบนใบหน้าของนาง ทว่ากลับไม่พบอะไร
ความอาฆาตมาดร้ายพาดผ่านดวงตาของหลันเยว่หรู นางเป็ฝ่ายส่งเสียงก่อน “ท่านผู้าุโ ครั้งนี้ให้ผู้น้อยเป็ผู้เลือกตำราได้หรือไม่เ้าคะ”
นางไม่เชื่อหรอกว่า บนโลกนี้จะมีคนที่มีพร์เช่นนี้ แค่เปิดอ่านตำราแพทย์ก็สามารถท่องจำออกมาได้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
นางแน่ใจเหลือเกินว่าเมื่อสักครู่จะต้องเป็เื่บังเอิญอย่างแน่นอน ประจวบเหมาะกับท่านผู้าุโเลือกตำราที่เฟิ่งเฉี่ยนเคยท่องจำมาก่อน ดังนั้นนางจึงท่องจำได้อย่างรวดเร็วเยี่ยงนี้
ครั้งนี้นางจะต้องเลือกตำราที่นางไม่เคยอ่านมาก่อน! “ได้ เ้าไปเลือกเถิด”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากท่านผู้าุโ หลันเยว่หรูเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ คัดเลือกตำราอย่างช้าๆ...
ตำราแพทย์ธรรมดานั้นไม่ได้ ด้วยตำราแพทย์ธรรมดาย่อมเล็ดรอดไปข้างนอก ตำราแพทย์ที่ยุ่งยากเกินไปก็ไม่ได้ หากเฟิ่งเฉี่ยนท่องไม่ได้ นางกล่าวโทษว่าเป็เพราะตำราซับซ้อนเกินไป มิใช่ปล่อยโอกาสให้เฟิงเฉี่ยนหาข้ออ้างหรือ
จะเลือกตำราแบบใดดีนะ
ดูตำราหมดไปหนึ่งชั้น นางก็ยังเลือกตำราที่เหมาะสมไม่ได้แม้แต่เล่มเดียว!
นางไม่รีบร้อน เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งไม่รีบร้อน สำหรับนางแล้ว เลือกตำราอะไรก็มีค่าเท่ากัน
เมื่อไล่เรียงชั้นวางหนังสือตัวที่สองเกือบจะหมดทั้งชั้น หลันเยว่หรูพลันชะงักงัน มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยอย่างได้ใจ “ข้าเลือกได้แล้ว เล่มนี้แหละ!”
นางยื่นมือขึ้นไปหยิบตำราเล่มหนึ่งลงมาจากชั้นวางหนังสือ
นางยื่นมือออกไปหยิบตำราจากชั้นวางหนังสือมาเล่มหนึ่ง เห็นเพียงหน้าปกของตำราเขียนว่า 《ซาง หาน ลุ่น[1]》
คนทั้งหมดได้แต่พากันตกตะลึง
“《ซาง หาน ลุ่น》นี่มิใช่ตำราที่อาจารย์ใหญ่ท่านแรกของสำนักศึกษาเทียนหงเป็ผู้รวบรวมจากบันทึกในอดีตและเขียนจากประสบการณ์ทางการแพทย์ของตนเองหรอกหรือ”
“ศิษย์พี่หญิงหลันฉลาดเฉลียวจริงๆ 《ซาง หาน ลุ่น》 เป็ตำราแพทย์ที่สำนักศึกษาเทียนหงของเขาเป็เ้าของเพียงแห่งเดียว สำนักศึกษาอื่นๆ ไม่มีทางหาได้”
“《ซาง หาน ลุ่น》เป็หนึ่งในวิชาบังคับที่ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงทุกคนต้องร่ำเรียน ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงทุกคนล้วนท่องได้!”
“นางมิใช่ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง ดังนั้นนางย่อมไม่เคยอ่านผ่านตามาก่อน”
“หากนางสามารถท่องจำ 《ซาง หาน ลุ่น》ได้จริงๆ ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเมื่อสักครู่นางกำลังตั้งใจอ่านตำราจริงๆ ไม่ได้ขโมยใบไม้ทองคำ”
[1] 《ซาง หาน ลุ่น》คือ ตำราว่าด้วยอาการของโรคที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือไข้ไทฟอยด์