เล่มที่ 9 บทที่ 258 ได้เหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่มาครอง
“แต่ก็ยังดี…” หลินเฟยเห็นดังนั้น ก็ดีใจขึ้นทันที สงสัยหากช้าไปสามวัน เกรงว่าเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่คงได้ชนกำแพงพิภพจนแตก จากนั้นก็หลบหนีเข้าไปในพิภพเหยียนหยางแล้วแน่ๆ…
‘ยังดีที่มาทันเวลา’
หลินเฟยรีบโคจรเจดีย์โครงกระดูกเก้าชั้นเพื่อต้านแรงกดดันของสองพิภพเอาไว้ จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในทะเลเพลิง…
และตอนนี้ก็เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว…
ดูเหมือนเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่เองก็รู้ตัวว่าไม่ใช่เื่ง่ายที่จะหนีรอดออกไปได้ บัดนี้มันจึงพุ่งชนกำแพงพิภพอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงดังสนั่นดังไม่หยุด รอยปริแตกที่ราวกับใยแมงมุมก็พลันลุกลามไปทั่วด้วยความเร็วน่าสะพรึงกลัว เพราะรอยปริแตกที่มากขึ้น จึงทำให้เปลวไฟพวยพุ่งออกมารุนแรงกว่าเดิม เหมือนกับพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในห้วงทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่เลยทีเดียว…
“เ้าหนีไม่รอดแล้วล่ะ…” หลินเฟยแค่นหัวเราะเ็าออกมา ก่อนจะโคจรเจดีย์โครงกระดูกเก้าชั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นตามมา จากนั้นห้วงมิติอันกว้างใหญ่ก็ถูกเจดีย์โครงกระดูกปกคลุมจนได้…
ในที่สุดเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่ก็จนตรอก
ถัดมาก็ถูกดูดเข้าไปในเจดีย์พร้อมกับเปลวไฟมากมายที่ลุกโชนอยู่…
“สำเร็จ!”
หลินเฟยเอื้อมมือออกไปคว้าเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่มา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายฟ้าจำนวนมากที่สถิตเป็ระยะ ก่อนจะรวมตัวเป็สายฟ้าขนาดใหญ่ หลินเฟยเห็นดังนั้นก็ใขึ้นทันที จนเกือบจะทำเหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่หลุดมือเลยทีเดียว แต่ยังดีที่เ้าตัวตั้งสติทัน เสี้ยววินาทีที่ลำแสงสายฟ้ากำลังจะะเิออก หลินเฟยจึงโคจรเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูและสัจจะเก้าอักขระเข้าใส่เหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่ทันที…
จากนั้น ลำแสงสายฟ้าก็พลันสลายไป เพียงครู่เดียวก็มีลำแสงสีฟ้ายาวประมาณหนึ่งฉื่อปรากฎขึ้นมาบนมือของหลินเฟย ลำแสงนี้ดูโปร่งใสสุกสกาวเป็อย่างมาก และบัดนี้กำลังล่องลอยไปมาบนมือหลินเฟยราวกับมีชีวิต…
“สมกับเป็แร่โฮ่วเทียนขั้นหกจริงๆ…”
ในที่สุดก็จบเื่นี้ได้เสียที ในตอนนั้นเอง หลินเฟยก็อารมณ์ดีเป็อย่างมาก หลังจากจดจ้องอยู่นาน ในที่สุดเขาก็บินออกจากช่องว่างระหว่างมิติไปพร้อมคัมภีร์โครงกระดูก…
สามวันผ่านไป บริเวณจุดห่างไกลออกไปสามร้อยลี้ มีผู้เฒ่าผมขาวโพลน ใบหน้ามีเมตตาคนหนึ่ง กำลังกุมไม้เท้าที่ทำจากไม้ไผ่ มุ่งหน้ามา…
ทว่าหลังจากข้ามผ่านซากปรักหักพังจุดหนึ่ง ผู้เฒ่าคนนี้ก็หยุดชะงักลง ก่อนจะพบว่ามีปีศาจขั้นเยาเจี้ยงซึ่งมีหัวเป็พยัคฆ์ ทว่าตัวเป็คน แถมยังมีปีกงอกที่หลังกำลังเดินออกมา ทั่วทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยไอปีศาจที่มีกลิ่นคาวเืคละคลุ้ง เพียงมองแวบเดียวก็รู้ทันที ว่ามันได้กลืนกินสิ่งมีชีวิตไปไม่น้อย กระทั่งมีตบะพลังสูงถึงเยาเจี้ยงขั้นหกเช่นนี้
“ทำไมถึงกลายเป็ตาแก่ไปได้ล่ะ ทั้งผอมทั้งเตี้ยเช่นนี้ ไม่พอให้อ๋องอย่างข้ายาไส้แม้แต่น้อย…” เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็ผู้เฒ่าชรา เ้าปีศาจก็เอ่ยด้วยน้ำเสียดูแคลน
“นี่ตาแก่ เ้าจะมาเองดีๆ หรือให้อ๋องอย่างข้าเข้าไปกิน!”
“หืม?” ผู้เฒ่าได้ยินดังนั้น ก็ยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นเดิม ราวกับผู้ที่เอ่ยถามไม่ใช่ปีศาจเยาเจี้ยงขั้นหก แต่เป็ผู้น้อยดื้อดึงคนหนึ่งเท่านั้น
“เช่นนั้น ข้าขอบังอาจถามท่านอ๋องหน่อยแล้วกัน ว่าจะกินอย่างไรงั้นหรือ?”
“ตาแก่นี่ช่างกล้าไม่เบา…” ปีศาจเยาเจี้ยงได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงทันที ค่อนข้างประหลาดใจกับท่าทีของผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องหน้าเป็อย่างมาก จากนั้นก็ลูบคางครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ
“เ้าผอมขนาดนี้หากนำมาทอดคงจะกรอบดี ทว่าอ๋องอย่างข้าจะไปหาน้ำมันมาจากไหนดี…”
“ที่จริงตุ๋นน้ำแกงก็ไม่เลวเลยนะ เพราะผู้เฒ่าเช่นข้าอายุมากแล้ว หากตุ๋นด้วยไฟอ่อนเนื้อก็คงจะอ่อนนุ่มน่าดู…”
“ก็จริง…” ปีศาจเยาเจี้ยงยังคงลูบคางครุ่นคิดตามไปเรื่อยๆ ก่อนจะคล้อยตามไปกับข้อเสนอของผู้เฒ่า…
“แต่หากท่านอ๋องอยากกินข้าผู้เฒ่าละก็ เกรงว่าจะมีคนไม่ยินดี…”
“ใครมันจะกล้า?” ปีศาจเยาเจี้ยงตวาดเสียงดังออกมา ทันใดนั้นรอบด้านก็พลันสั่นะเื แม้แต่มารปีศาจที่เพิ่งจะเดิมเข้ามาใกล้ ก็ยังถูกกระแสพลังนี้ทำเอาใ…
“หึหึ…”
ผู้เฒ่าคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ จากนั้นก็เคาะไม้เท้าไผ่เข้ากับพื้น จากนนั้นด้านหลังก็มีเงาสีแดงปรากฏขึ้นเลือนราง เมื่อพินิจดูดีๆ จะเห็นว่าสิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือร่างจริงของอสุรกายที่มีใบหน้าสุดแสนอัปลักษณ์ มันกำลังกางกรงเล็บแหลมคมอย่างโเี้ ไม่นานก็คำรามใส่ปีศาจเยาเจี้ยงขั้นหกอย่างเกรี้ยวกราด ลิ้นแดงคล้ายกับลิ้นงูแลบออกมาเป็ระยะ จนเกิดเป็เสียงชวนขนหัวลุก…
“ดูเอาแล้วกัน มันคงไม่ยินดีเท่าไรนัก…”
“เ้ากล้าปั่นหัวอ๋องอย่างข้างั้นหรือ!”
ปีศาจเยาเจี้ยงขั้นหกโกรธเป็ฟืนเป็ไฟทันที ขณะที่กำลังจะสำแดงร่างจริง และพุ่งเข้าไปกลืนกินผู้เฒ่าชรา ก็พบว่ามีลำแสงสีแดงพาดผ่านมาเสียก่อน จากนั้นเ้าปีศาจก็รู้สึกเจ็บบริเวณคอของมันทันที เ้าปีศาจตื่นตระหนกเป็อย่างมาก จึงรีบโคจรไอปีศาจเข้าคุ้มกันทั่วทั้งร่าง ขณะเดียวกันก็ก้าวถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทว่าเพิ่งจะถอยได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ก็รู้สึกได้ว่าโลหิตในร่างกำลังพุ่งทะลักออกไปราวกับเขื่อนแตก…
อสุรกายสีแดงที่ผู้เฒ่าชราปลดปล่อยออกมานั้น บัดนี้มันกำลังดื่มกินเืของปีศาจเยาเจี้ยงบริเวณคออย่างหิวกระหาย…
ปีศาจเยาเจี้ยงขั้นหกเห็นดังนั้น ก็ใจนแทบจะสิ้นสติ…
ระหว่างที่ตื่นตระหนกอยู่นั้น มันก็จ้วงกรงเล็บอันแหลมคมออกไป หลังจากคว้าอสุรกายสีแดงเอาไว้ได้ มันก็หมายจะฉีกกระชากร่างออกเป็สองส่วน…
ทว่าหลังจากพยายามฉีกกระชากแล้ว เื่ราวกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะบัดนี้เ้าอสุรกายสีแดงกำลังโอบเลื้อยไปตามกรงเล็บราวกับอสรพิษร้าย เขี้ยวอันแหลมคมก็แทงทะลุร่าง ก่อนจะดูดกลืนเืของปีศาจเยาเจี้ยงอย่างหิวกระหายยิ่งกว่าเดิม…
“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยข้านะ!” ปีศาจเยาเจี้ยงแตกตื่นอย่างหนัก มันเอาแต่ดิ้นทุรนทุรายหมายจะสลัดเ้าอสุรกายสีแดงให้หลุดจงได้ ทว่าเ้าอสุรกายสีแดงก็ยังคงเกาะแน่นราวกับปลิง มันกำลังดื่มเืเ้าปีศาจอย่างบ้าคลั่ง
เพียงครู่เดียว เ้าปีศาจก็รู้สึกวิงเวียนตาลาย ไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้านแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้เ้าอสุรกายสีแดงเกาะติดอยู่บนร่างไปเรื่อยๆ…
“ขอร้องล่ะ ไว้ชีวิตข้าด้วย…”
เพียงเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น เปีศาจเยาเจี้ยงก็ถูกสูบเืไปจนหมดตัว จากเดิมที่มีลำตัวสูงใหญ่นับสิบจ้างก็พลันหดเหลือแค่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น ร่างกายของมันอ่อนระทวยกองลงกับพื้นและหายใจรวยรินเหมือนกำลังจะขาดใจ…
หลังจากเ้าอสุรกายสีแดงสูบกินเืทุกหยดจนหมด มันก็เหล่มองปีศาจเยาเจี้ยงที่เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกด้วยสายตาดูแคลน สุดท้ายก็ยังมิวายแลบลิ้นส่งเสียงอันน่าขนลุกขนพองออกมาอีก…
“ใครใช้ให้เ้าโผล่มาเองเล่า…” ผู้เฒ่าส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะมองไปยังปีศาจเยาเจี้ยงที่กำลังจะขาดใจตาย สุดท้ายก็มุ่งหน้าต่อไปพร้อมกับไม้เท้าไผ่ในมือ…
“โฮก!”
ขณะนั้นเอง ที่ส่วนลึกของหุบเขาที่ห่างออกไปร้อยลี้ อยู่ดีๆไอปีศาจก็ปั่นป่วนขึ้นมา เพียงครู่เดียวก็รวมตัวกันเป็เมฆหมอกดำหนาทึบ อีกทั้งยังมีสายฟ้าผ่าลงมาจนเกิดเสียงดังเป็ระยะอีกด้วย โดยทุกครั้งที่ฟ้าผ่าลงมา แม้แต่พื้นดินก็ยังสั่นะเืไปด้วย
และนี่ก็เป็ปรากฏการณ์ที่บ่งบอกว่ามีปีศาจขั้นเยาหวังถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
ทันใดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันเงียบสงบลง
ทั่วทั้งรัศมีพันลี้ไม่มีสิ่งใดกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย
และนี้ก็คือความน่าเกรงขามของจอมปีศาจขั้นเยาหวัง…
“อยู่ไม่สุขแล้วสิ…” ผู้เฒ่าชราเงยหน้ามองท้องฟ้า ขณะที่มองไปยังไอปีศาจซึ่งกำลังพวยพุ่ง แววตาของเขาก็ฉายแววเคร่งเครียดขึ้น…
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------