ต้วนชางไห่คิดไปครู่หนึ่ง แล้วหันหลังไป นั่งยองๆ ข้างๆ หยางหนิง ยิ้มแล้วถามว่า “ซื่อจื่อ รสชาติถูกปากหรือไม่?”
หยางหนิงพยักหน้าแบบมึนๆ คิดในใจว่าหากเ้านี่ไล่จี้ไม่หยุดตัวเขาจะเอาตัวรอดอย่างไรดี ก็ไม่ผิดต้วนชางไห่ถามจริงๆ “ท่านซื่อจื่อ โจรที่ลักพาตัวท่านมา ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“โจรลักพาตัว?” หยางหนิงกินไก่เสร็จแล้ว เขากินเร็วมาก ตอนนี้ก็อิ่มจนจุก เรอออกมาด้วย ต้วนชางไห่รีบพูดว่า “ฉีเฟิง เอาผ้ามาเร็ว”
ฉีเฟิงรีบเอาผ้าเช็ดมือออกมา หยางหนิงรับมันไป แล้วก็เช็ดคราบไขมันออก แล้วพูดว่า “เ้าถามว่าพวกโจรลักพาตัวอยู่ไหนใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” ต้วนชางไห่พูดว่า “ซื่อจื่อหนีออกมาได้อย่างไร? ตอนเรากลับไป เราต้องมีเหตุผลกลับไปรายงาน”
หยางหนิงกล่าวว่า “ตายแล้ว ตายหมดแล้ว”
“ตายแล้ว?” ต้วนชางไห่ตะลึงไป “ท่านซื่อจื่อ ท่าน...ท่านหมายความว่า พวกที่จับท่านมาตายหมดแล้วหรือ?”
หยางหนิงพยักหน้า ฉีเฟิงทนไม่ไหวถามขึ้นมาว่า “ท่านซื่อจื่อ พวกเขาตายอย่างไร? คงไม่ใช่ว่า...คงไม่ใช่ว่าท่านซื่อจื่อสังหารพวกเขาใช่ไหม”
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเขามีตั้งหลายคน ข้าจะไปสังหารพวกเขาได้อย่างไร? พวกเขาโดนคนอื่นฆ่า”
ต้วนชางไห่กับฉีเฟิงมองตากัน รู้สึกสงสัย แล้วถามอย่างระวังว่า “ซื่อจื่อ ท่านบอกว่าคนอื่น พวกมันเป็ใครหรือ? หรือว่า...หรือว่ามีคนมาช่วยท่าน?”
หยางหนิงรู้ดีว่าคนพวกนี้นั้นออกมมาช่วยตัวเขา หลังจากกลับไปก็ต้องมีอะไรกลับไปรายงาน เพื่อให้ตัวเองไม่เสี่ยง ช่วยอย่างไรก็ต้องมีที่มาที่ไป
“ตอนข้าฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็ตายหมดแล้ว” หยางหนิงเตรียมคำตอบไว้พร้อมแล้ว “พวกเ้าจะไปดูศพคนพวกนั้นไหมล่ะ?”
ต้วนชางไห่ตะลึง ลังเลครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าแล้วพูดว่า “ซื่อจื่อ ท่านจำได้ใช่ไหมว่าคนพวกนั้นตายที่ไหน? เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครจับตัวท่านมา เพื่อที่ต่อไปเราจะได้ป้องกันให้มากขึ้น”
หยางหนิงรู้ดีว่าหากไม่พาพวกเขาไปดูศพ พวกเขาคงไม่ยอมเลิกราแน่ๆ ส่วนตัวเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธพวกเขา แล้วก็คิดว่าเขานำศพของซื่อจื่อตัวจริงฝังอยู่ที่ป่าไม่ไผ่ หากพาเขาไปแล้ว เกิดพวกเขาพบเข้าจะทำอย่างไร ขณะที่กำลังลังเล ก็ได้ยินเสียฝีเท้าม้า คนที่ส่งไปสำรวจรอบๆ กลับมาแล้ว
“ซื่อจื่อ หากท่านทานเรียบร้อยแล้ว เราไปดูกันสักหน่อย” ต้วนชางไห่พูดอย่างระมัดระวัง
หยางหนิงลังเล แต่สุดท้ายก็พยักหน้า คนที่เหลือก็ไม่รอช้าให้เสียเวลา รีบเก็บข้าวของ ต้วนชางไห่ให้คนส่งม้ามาให้หยางหนิงหนึ่งตัว
หยางหนิงรู้ดีว่าคนพวกนี้ไม่น่าจะสงสัยในสถานะของเขา ขอแค่สามารถหาที่มาการเอาตัวรอดมาได้ก็พอ ต้วนชางไห่ยังให้คนส่งม้ามาให้เขาตัวหนึ่ง งั้นแสดงว่าซื่อจื่อขี่ม้าเป็ เขาเองก็ไม่ได้เกรงใจ ะโขึ้นม้าไป แล้วนำทาง
ในใจเขาคำนวณเอาไว้หมดแล้ว ตัวเขาสามารถทำให้พวกเขาเลี่ยงทางป่าไผ่ได้ แต่หากถูกคนพวกนี้พบหลุมศพจริง พวกเขาจะต้องเจอศพหลังจากเจอหลุม ตอนนั้นเขาเองก็จะมีโอกาสเอาตัวรอดก่อน
ม้าพวกนี้ล้วนแต่เป็ม้าเกรดดี หยางหนิงจำเส้นทางได้ จึงใช้เวลาไม่นานเท่าไร เมื่อกลับมาถึงยังศาลเ้า เห็นศพนอนเกลื่อนกราดอยู่บนพื้นไม่ไกล
ต้วนชางไห่เห็นดังนั้น ก็เตรียมชักดาบบนตัวออกมา เมื่อใกล้เข้าไป ต้วนชางไห่ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุ้มครองซื่อจื่อ!” สายตาดูเย็นะเื ไม่เหมือนที่ปฏิบัติต่อหยางหนิงเมื่อกี้เลย
ทุกคนลงจากม้า ฉีเฟิงกับชายรูปร่างใหญ่คุ้มกันอยู่ข้างต้วนชางไห่ ส่วนคนที่เหลือก็เดินตาม
ต้วนชางไห่
ต้วนชางไห่นั่งยองๆ ลง แล้วพลิกดูศพหลายต่อหลายศพ แล้วหันไปถามหยางหนิงว่า “ซื่อจื่อ คนพวกนี้เป็โจรลักพาตัวท่านมาหรือ?”
หยางหนิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้ ตอนข้าฟื้นขึ้นมา เ้าพวกนี้ก็ตายหมดแล้ว” แล้วชี้ไปทางนอกศาลเ้า “ตรงนั้นยังมีอีกหลายศพเลย”
ต้วนชางไห่ยื่นหน้าไปดูเล็กน้อยคนที่ชื่จ้าวอู๋ชางก็ถามขึ้นมาว่า “พี่รองต้วน ดูออกหรือเปล่าว่าพวกเขาเป็ใคร?”
ต้วนชางไห่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คนพวกนี้มาจากไหนไม่รู้ แต่ว่าตายเพราะใคร ก็พอมีเบาะแสบ้าง”
ตอนนี้หยางหนิงเดินขึ้นหน้ามา ฟังจากที่ต้วนชางไห่พูด เขากำลังอยากจะถามอยู่พอดี แต่สุดท้ายก็เก็บเอาไว้ ยังดีที่จ้าวอู๋ชางถามขึ้นมาพอดี: “พวกมันเป็ใคร?”
ต้วนชางไห่ชี้ไปที่าแที่อยู่ที่คอ แล้วพูดเสียงจริงจังว่า “เ้าดูแผลของพวกเขาสิ คนพวกนี้ส่วนใหญ่ตายในดาบเดียว แถมาแส่วนใหญ่จะอยู่ที่คอทั้งหมด แล้วดูที่รอยดาบ...!”
จ้าวอู๋ชางยื่นมือไปจับที่แผล พูดพรางขมวดคิ้ว “รอยดาบบางมาก เทียบกับของเราบางกว่าเยอะมาก”
“ถูกต้อง” ต้วยนชางไห่พูดต่อไปว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ค่ายดาบดำน่าจะเป็คนสังหารพวกเขา”
“ค่ายดาบดำ?” ตอนนี้ไม่เพียงแต่จ้าวอู๋ชางเท่านั้น แม้แต่คนอื่นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ฉีเฟิงพูดว่า “พี่รองต้วน นี่ท่านกำลังจะบอกว่าคนของค่ายดาบดำมาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของจ้าวอู๋ชางเองก็ใ “พี่รอง ท่านดูผิดหรือเปล่า? ค่ายดาบดำจะมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
หยางหนิงเห็นสีหน้าของพวกเขา ในใจก็สงสัยมาก เหมือนทุกคนจะหวาดกลัวค่ายดาบดำ ในหัวพลันคิดถึงคนของเซียวกวงขึ้นมา จำได้ว่าพวกเขาเหมือนจะพกแส้ดาบดำไว้ตรงเอวนะ ดูเหมือนต้วนชางไห่จะเดาไม่ผิดจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาเห็นต้วนชางไห่ค่อนข้างจะเคารพนอบน้อมต่อตัวเขามาก กลุ่มคนพวกนี้ก็เหมือนนุ่มนิ่มไปหมด ในใจยังนึกดูถูกอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้เห็นเขามองแผลเพียงครั้งเดียวก็ดูออกอะไรหลายอย่าง ถึงได้รู้ว่าเขาก็เหมือนเสือซ่อนเล็บ จะประมาทไม่ได้เลย
“ค่ายดาบดำถึงขั้นส่งคนออกมาแบบนี้ เื่นี้คงไม่ใช่เื่เล็ก” ต้วนชางไห่คิดแล้วพูดว่า “ส่งมาเพื่อช่วยซื่อจื่อของเราหรือ?” แล้วก็รีบส่ายหัว “คงไม่ง่ายแบบนั้น ค่ายดาบดำไม่มีทางลงมือเพราะท่านซื่อจื่อแน่ๆ ดูจากรอยแผล ดาบเดียวถึงที่ตาย ลงมือเด็ดขาดแม่นยำ ทั้งหมดพุ่งตรงคอหอย รอยดาบบาง ทั้งหมดนี้มันคือค่ายดาบดำแน่นอน...!”
ทั้งหมดเอาแต่มองหน้ากัน แต่ไม่พูดอะไรเลย
ต้วนชางไห่ลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปในทางศาลเ้า มีคนตามเขาไปสองสามคน ฉีเฟิงกับอีกสองคนอยู่คุ้มครองหยางหนิง ทั้งหมดถืออาวุธพร้อมมือ
เมื่อเข้ามาในศาลเ้า ก็เห็นคนศพเกลื่อนเต็มพื้น ทุกคนสีหน้าก็เปลี่ยนไป ต้วนชางไห่กับอีกสองคนเดินสำรวจไปทั่ว แล้วหันไปพูดว่า “พวกนี้ไม่ใช่พวกเดียวกัน น่าจะมีคนลักพาตัวซื่อจื่อมาถึงที่นี่ แล้วถูกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งลอบโจมตี หลังจากนั้นคนของค่ายดาบดำก็ปรากฏตัวแถวนี้พอดี”
“พี่รองต้วน คนพวกนี้ก็ตายเพราะคนของค่ายดาบดำหรือ?” ฉีเฟิงถาม
ต้วนชางไห่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ สองคนนี้อยู่หน้ากองไฟ คนของค่ายดาบดำไม่น่าจะเข้ามาในศาลเ้า” เขามองไปที่หยางหนิง แล้วถามว่า “ซื่อจื่อ ท่านจำเื่ที่นี่ได้บ้างไหม?”
หยางหนิงมองไปรอบๆ แล้วชี้ไปที่ถุงกระสอบที่ถูกตัดแล้วพูดว่า “พวกเขาเอาข้าใส่ไว้ในนั้น พอข้าฟื้นขึ้นมา ก็คลานออกมาจากถุงนั่น ก็เห็นศพเต็มไปหมดแล้ว ข้าก็เลยหนี แล้วก็ไปเจอพวกเ้ากลางทาง”
ต้วนชางไห่หยิบถุงกระสอบขึ้นมาดู เห็นรอยมีด แล้วพูดว่า “มีคนกรีดถุงกระสอบจนขาด คิดจะปล่อยซื่อจื่อให้หนีไป” หลังจากนั้นก็ไปพลิกศพดู แต่ก็ไม่พบสิ่งของใดๆ หลังจากนั้นก็ไปค้นศพของชายอ้วนชุดเทา แล้วก็เจอป้ายทรงหลมชิ้นหนึ่ง หยางหนิงมองอยู่ ในใจก็คิด ป้ายชิ้นนั้นเขารู้จัก
หลังจากมู่เซิ๋นจวินตายไป หยางหนิงไม่เพียงเจอถุงเงินในตัวเขา แล้วยังเจอแผ่นป้ายทรงกลมแบบเดียวกันนี้ด้วย
“หอเก้านภา?” ต้วนชางไห่ดูแผ่นป้าย ยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “ที่แท้คนที่จับตัวซื่อจื่อมาเป็คนของหอเก้านภานี่เอง มิน่าพวกเขาถึงได้หนีขึ้นเหนือมาตลอดทาง คิดจะพาซื่อจื่อไปเป่ยฮั่นนี่เอง”
“สารเลว ที่แท้เป็คนของหอเก้านภา” ฉีเฟิงสบถ แล้วด่าว่า “เ้าพวกหมาจรจัด คิดว่าน่าจะส่งสายลับเข้ามา แล้วรอโอกาสลงมือกับซื่อจื่อ ์คุ้มครอง ยังดีที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมา ไม่งั้นหากซื่อจื่อถูกพวกเขาพาไปเป่ยฮั่น ผลที่ตามมานี่ไม่อยากจะคิดเลย”
“ทำไมถึงมีคนอีกกลุ่มโผล่มาได้ล่ะ?” คนหน้ายาวๆ คนหนึ่งจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาทำให้จ้าวอู๋ชางขมวดคิ้ว “แล้วทำไมคนกลุ่มนี้ถึงได้ปะทะกับสายลับของหอเก้านภาได้ล่ะ?”
สีหน้าของต้วนชางไห่จริงจังมาก แล้วพูดว่า “ในเมื่อมีคนของค่ายดาบดำมาร่วมวงด้วย เื่นี้คงไม่ใช่เื่เล็ก ตอนนี้เรารู้แล้วว่าคนที่จับซื่อจื่อมาเป็คนของหอเก้านภาก็พอแล้ว เื่อื่น เราไม่ต้องรู้มากเกินไป เราจะได้ไม่เข้าไปเอี่ยวด้วย” เมื่อมองไปที่หยางหนิง สีหน้าก็ผ่อนคลายลง “อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ซื่อจื่อปลอดภัย สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เราเองก็มีคำตอบไปรายงานที่จวนได้”
ฉีเฟิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่รองต้วนพูดถูก เื่นี้เราไม่ควรสืบลงลึกไปกว่านี้ เรามีหน้าที่ช่วยซื่อจื่อ ตอนนี้ซื่อจื่อปลอดภัยแล้ว เื่อื่นเราไม่ควรยุ่ง”
จ้าวอู๋ชางลังเล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
“ที่นี่ห่างไกลลึกลับซับซ้อน ไม่ค่อยมีคนมา ศพก็ไม่น่าจะมีใครมาเจอง่ายๆ” ต้วนชางไห่พูดว่า “ในเมื่อค่ายดาบดำไม่ได้สนใจเื่นี้ทิ้งศพไว้ด้านนอก ไม่ได้ปกปิดอะไร เราก็ไม่ต้องยุ่งให้มากความ หากมีใครมาพบจริงๆ ก็ให้พวกเขาไปตรวจกันเอง แต่คิดว่าก็ไม่น่าจะเจออะไร หากไม่มีใครเจอ ก็ปล่อยไปแบบนี้” ก่อนจะลุกขึ้นมา แล้วพูดต่อไปว่า “ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
หยางหนิงตอนแรกยังกังวลว่าคนพวกนี้จะไปค้นหารอบๆ กลัวว่าจะไปเจอป่าไผ่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้เห็นต้วนชางไห่จะรีบไป ก็เบาใจ
คนพวกนี้พูดว่าจะทำก็ไม่รอช้า บอกว่าไปก็ไปเลย ไม่รอให้เสียเวลา เมื่อออกจากศาลเ้า ก็รีบไป
หยางหนิงถามว่า “ต้วน...ต้วนชางไห่ เราจะไปไหนกัน?”
“ซื่อจื่อยังมีที่ไหนอยากไปก่อนหรือ?” ต้วนชางไห่สีหน้าสงสัย ตอนนี้เขายิ้ม “หากซื่อจื่ออยากจะไปเที่ยวเล่นที่ไหน ต่อไปยังมีโอกาสอีก แต่ว่าครั้งนี้ท่านถูกลักพาตัวกว่าสิบวันแล้ว คนในจวนร้อนใจมาก ไท่ฟูเหรินกับฮูหยินสามเป็กังวลมาก เรากลับเมืองหลวงกันก่อนเถอะนะ อย่างน้อยให้พวกนางได้สบายใจก่อน ซื่อจื่อท่านเห็นว่าไง?”
หยางหนิงคิดในใจว่าการตามหาขบวนสำนักคุ้มกันเพื่อหาเสี่ยวเตี๋ยน่าจะยากแล้ว ในเมื่อเป็อย่างนั้น ไปเมืองหลวงก็ดีเหมือนกัน
ซื่อจื่อที่หยางหนิงสวมรอยอยู่นั้น พ่อเป็แม่ทัพเหว่ยขุนนางขั้นสอง ฐานะก็ไม่ใช่เล็กๆ คิดว่าน่าจะพอมีอิทธิพลมาก เมื่อเป็แบบนี้ ก็สามารถยืมฐานะใหม่นี้ค้นหาเสี่ยวเตี๋ยไปทั่วเมืองหลวงได้ ดีกว่าตัวคนเดียวนั่งงมเข็มในมหาสมุทร