พลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกจากร่างฟู่หยาง พลังนั้นช่างไร้เทียมทานราวกับกลายเป็ภูผาเข้ากดทับเย่เฟิง
“กร๊อบ!” เสียงกระดูกดังลั่นมาจากร่างเย่เฟิง ทั้งสองมีช่องว่างที่แตกต่างกันมากเกินไป เย่เฟิงจึงไม่อาจต่อต้านแรงกดดันของฟู่หยางได้ ตัวของเขาจึงโค้งงอเล็กน้อย
“ให้ข้ายอมแพ้เหรอ ตาแก่งี่เง่า ฝันไปเถอะ!” เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาอดทนไม่ย่อท้อและค่อย ๆ ยืดตัวตรง
ฟู่หยางเป็ผู้าุโใหญ่ที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้แห่งวังเทพโอสถ แต่เพราะเย่เฟิงเอาชนะฟู่เจินผู้เป็บุตรชายของฟู่หยางในแดนลับ และสอนบทเรียนให้อีกฝ่าย ฟู่หยางจึง้าฆ่าเย่เฟิง แล้วมีหรือเย่เฟิงที่เพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่จะรับมือได้?
ในโลกแห่งการบ่มเพาะ หากผู้แข็งแกร่ง้าฆ่าเ้า แต่เ้าไร้พลังและความสามารถ เ้าก็จะถูกฆ่าตาย
แม้จะรู้ว่าตนมิอาจพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้ แต่เย่เฟิงก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “เมื่อคนของวังเทพโอสถอยากฆ่าข้า ข้าก็ต้องยอมให้ถูกจับแต่โดยดีเหมือนลูกชายท่านหรือ ส่วนคนพวกนั้นที่ถูกข้าฆ่า นั่นเป็เพราะพวกเขาไร้ความสามารถเอง แล้วจะเกี่ยวกับข้าได้อย่างไร!”
เสียงของเย่เฟิงดังกังวานเข้าไปในหูของเหล่าผู้คน มีคนไม่น้อยลอบพยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่พวกเขามองเงาร่างนั้นที่ยังคงไม่ยอมแพ้แม้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ ในใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
คนเรานั้นมักจะมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี เช่นเดียวกับเย่เฟิง รู้ทั้งรู้ว่าต่อต้านไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เขายังคงมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างลูกผู้ชาย ไม่ยอมแพ้ศัตรูง่าย ๆ แม้ว่าความตายจะรอเขาอยู่ก็ตาม
“ปากดีนักนะ วันนี้ข้าฟู่หยางจะทำให้เ้าได้เห็นจุดจบของคนปากดีว่าเป็เช่นไร” ฟู่หยางแสยะยิ้ม จากนั้นเห็นร่างเขาเปล่งแสงจ้า ทันใดนั้นพลังมหาศาลปะทุออกจากร่างฟู่หยาง ก่อนจะไปเยือนเย่เฟิงในพริบตา ทำให้เย่เฟิงที่ถูกพลังกดทับอยู่แล้วถึงกับเข่าทรุดลงพื้น นั่นก็คือพลังแห่งยุทธ์แท้ มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้จึงจะสำแดงพลังเช่นนี้ได้ แล้วผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่จะต่อต้านได้อย่างไร?
“ต่อหน้าข้าฟู่หยาง เ้าจะทำอะไรได้? แต่ในเมื่อกล้าที่จะไม่เชื่อฟังข้า ก็จงตายซะเถอะ!” ฟู่หยางกล่าวเสียงเย็นก่อนจะเดินออกมาอีกก้าว พลังนั้นประหนึ่งฝูงสัตว์อสูรที่หมายเขมือบร่างเย่เฟิง
“สุนัขเฒ่าอย่างท่านช่างไร้ยางอายจริง ๆ เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ แต่กลับรังแกข้าที่อยู่เพียงขั้นรวมชี่ ช่างเลวทรามยิ่งนัก!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมกับมีเปลวไฟปะทุออกจากดวงตา เขายังคงยืนหยัดแม้จะถูกพลังมหาศาลนั่นกดทับก็ตาม
“จะตายอยู่รอมร่อ ยังจะปากดีอยู่อีก ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งเ้าไปลงนรกซะ!” ฟู่หยางเห็นเย่เฟิงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ก็หมดความอดทนทันที เขาอัดพลังใส่ฝ่ามือก่อนซัดฝ่ามือโจมตีร่างเย่เฟิง ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยไอมรณะที่น่าทึ่ง ซึ่งการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้นั้นทรงอานุภาพเป็อย่างมาก หากฝ่ามือนี้โจมตีเย่เฟิง คาดว่าเย่เฟิงคงถูกบดขยี้เป็ผุยผง
“เลวทรามมาก!” มีคนที่ชื่นชมเย่เฟิงแอบสบถในใจ เพราะคิดว่าการกระทำของฟู่หยางนั้นโหดร้ายเกินไป
เซี่ยจวิ้นหลง เซี่ยชิงซาน และนักดาบแขนเดียวต่างตาแดงก่ำ ขณะมองฟู่หยางด้วยความโกรธแค้น แต่เมื่อรู้ว่าพลังฝ่ามือของฟู่หยางนั้นแกร่งกล้าเพียงใด พวกเขากลับทำได้เพียงมองดูและไร้กำลังที่จะช่วยเหลือ
“ตาย!” ฟู่หยางกล่าว ฝ่ามือทะลวงอากาศ ทุกที่และทุกสิ่งที่มันผ่านจะต้องถูกทำลาย แม้จะอยู่ห่างไกลแค่ไหน แต่ผู้คนยังรับรู้ได้ถึงพลังสังหารที่รุนแรง ราวกับว่าพวกเขาถูกดูดเข้าสู่เหวลึกแห่งการทำลายล้าง
“จบแล้ว เย่เฟิงผู้นี้จบเห่แล้ว ล่วงเกินฟู่หยางผู้าุโใหญ่แห่งวังเทพโอสถ วันนี้เขาคงต้องตายอยู่ที่นี่!” ผู้คนต่างใจเต้นระรัวขณะมองฉากน่าทึ่งตรงหน้า ขณะเดียวกันยังแอบรู้สึกสงสารเย่เฟิง อัจฉริยะผู้โดดเด่นต้องมาตายเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
ฝ่ามือทำลายล้างบดบังดวงอาทิตย์ เต็มเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่เฟิงจะรอดไปได้หรือ? แต่ขณะที่ผู้คนคิดว่าเย่เฟิงจะต้องตายเพราะการโจมตีของฟู่หยาง จู่ ๆ มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ใจกลางระหว่างเย่เฟิงกับฟู่หยาง เงาร่างนี้ปรากฏตัวไร้เสียงใด ๆ เหมือนโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ร่างเขาเรืองรองแสงจาง ๆ ทำให้เขาแฝงกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์
ฟู่หยางรู้สึกใจนชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้ใช้ท่าร่างอะไร และก่อนหน้านี้เขายังไม่รับรู้ถึงกลิ่นอายของอีกฝ่ายแม้แต่นิด
“ปัง!” นาทีต่อมาฝ่ามือของฟู่หยางปะทะเข้ากับคนผู้นั้น พลันพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วร่างของอีกฝ่าย แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด หรือแม้แต่ทำลายแสงที่เรืองรองบนร่างเขาก็ทำไม่ได้
“เป็ไปได้ยังไง?” ฟู่หยางเห็นฉากนี้ก็ต้องตื่นใ สีหน้าเลิ่กลั่ก สายตาที่มองเงาร่างตรงหน้าก็แฝงด้วยความหวาดกลัว นาทีต่อมาเห็นฝ่ามือใหญ่คว้าร่างฟู่หยาง ฝ่ามือนั่นทรงพลังมากเกินไป แม้จะอยากต่อต้าน แต่กลับมีพลังไม่เพียงพอ เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือใหญ่ฟู่หยางที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้เองก็ยังดูตัวเล็กลงถนัดตา ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ยกร่างฟู่หยางจนลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับมีพลังมหาศาลจู่โจม ทำให้เขาหายใจไม่ออก สีหน้าก็ขาวซีดลงราวกับกระดาษ
“แกร่งมาก!” ผู้คนมองฉากตรงหน้าด้วยความใ
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ ขณะตกตะลึงกับฉากตรงหน้า พลังของฟู่หยางถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ผู้ที่ปรากฏตัวกะทันหันไม่เพียงแต่เมินการโจมตีของฟู่หยาง แต่ยังใช้มือเดียวควบคุมฟู่หยางได้อย่างง่ายดาย ? เย่เฟิงยากที่จะจินตนาการได้ว่าพลังของคนผู้นี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด
“เป็ถึงผู้าุโใหญ่ของวังเทพโอสถ และผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ แต่กลับรังแกคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ขั้นรวมชี่ ช่างงามหน้าเหลือเกินนะ!” เสียงชราดังออกจากปากของเงาร่างนั้น แม้เสียงจะไม่ดังมากนัก แต่กลับน่าเกรงขาม พลอยทำให้ผู้คนยอมศิโรราบไปด้วย
“เ้าเป็ใคร?” ฟู่หยางเอ่ยถามด้วยสีหน้าย่ำแย่ ในฐานะผู้าุโใหญ่ของวังเทพโอสถ เขาฟู่หยางเคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ั้แ่เมื่อไร?
“ข้าเป็ใครไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือในวังเทพโอสถเ้าต้องวางตำแหน่งของตัวเองให้เหมาะสม ผู้สืบทอดนวมรดกไม่ใช่คนที่เ้าจะล่วงเกินได้ หากเ้าสร้างกองกำลังในวังเพื่อทำเื่ส่วนตัว ข้าจะฆ่าเ้าซะ!” เงาร่างนั้นกล่าว เขามาตามคำสั่งของเฒ่าประมุขที่ให้คุ้มครองผู้สืบทอดนวมรดก หากใครกล้าทำร้ายผู้สืบทอดนวมรดก เขาก็จะฆ่าคนผู้นั้นซะ!
นาทีนี้ทุกคนต่างมองฟู่หยาง และเงาร่างลึกลับนั้นด้วยใจสั่นระทึก
“กำเริบเสิบสาน กล้าดียังไงมาทำเช่นนี้กับผู้าุโใหญ่ จัดการมันซะ!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังขึ้นจากทางกลุ่มของฟู่หยาง จากนั้นเห็นหลายเงาร่างเข้าปิดล้อมเงาร่างลึกลับนั้น
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” เงาร่างลึกลับนั้นไม่สนใจผู้ฝึกยุทธ์วังเทพโอสถที่เข้าปิดล้อมเลยสักนิด เมื่อสิ้นเสียงก็เห็นเขาโบกสะบัดมือ พลันมีพลังมารวมตัวที่กลางอากาศ ก่อนจะก่อเป็ฝ่ามือมหึมาแล้วซัดร่างคนเ่าั้
“แย่แล้ว!” เมื่อพลังที่แข็งแกร่งนั่นมาเยือน คนเ่าั้ถึงกับหน้าถอดสีและถอยหนีอย่างรวดเร็ว แต่กลับช้าไป ฝ่ามือมหึมาของอีกฝ่ายซัดร่างพวกเขา จนต่างก็ส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป ก่อนร่างทุกคนจะกระเด็นปลิวออกไป
บรรยากาศพลันเงียบกริบ ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตกตะลึง และไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็เื่จริง
“เป็แบบนี้ไปได้ยังไง ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางกลุ่มของฟู่หยาง ส่วนผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ที่คิดจะลงมือจัดการเงาร่างลึกลับนั้นต่างตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว
“ในฐานะผู้าุโใหญ่ของวังเทพโอสถ กลับเห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง ส่วนลูกน้องพวกนั้นที่เ้าฝึกมาก็ช่างดีเสียจริง ๆ ทำวังเทพโอสถเสื่อมเสียชื่อเสียง เ้าจงรับฝ่ามือนี้ไปซะ!” เงาร่างลึกลับนั้นกล่าวขณะมองฟู่หยางที่อยู่ในกำมือเขาอย่างไม่วางตา เมื่อสิ้นเสียงก็เห็นเงาร่างนั้นซัดฝ่ามือโจมตีร่างฟู่หยางอีกครั้ง ทำให้ฟู่หยางส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป พร้อมร่างกระเด็นปลิวออกไป
“โหดมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องนิ่งอึ้ง ฟู่หยางผู้ซึ่งเป็ผู้าุโใหญ่แห่งวังเทพโอสถ บัดนี้เขากลับกลายเป็ของเล่นของผู้ลึกลับที่ปรากฏตัวกะทันหัน
ทุกคนทำได้เพียงมองดูเท่านั้น รวมทั้งพรรคพวกของฟู่หยางเองก็ไม่กล้าเข้าไปร่วมด้วย พวกเขาต่างถูกความแข็งแกร่งของเงาร่างนั้นสยบอย่างราบคาบ
นี่ก็คือความแข็งแกร่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่ง ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็กองกำลังที่มีอิทธิพล หรืออำนาจของราชวงศ์ก็ตาม จะนับเป็สิ่งใดกัน?
“เ้าไม่คู่ควรที่จะเป็ผู้าุโใหญ่ของวังเทพโอสถ อีกเดี๋ยวจะเลือกผู้สมัครคนอื่นมาแทน” เงาร่างนั้นกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว นี่ทำให้ทุกคนต้องใอีกครั้ง แต่ขณะนั้นเห็นบุคคลระดับสูงคนหนึ่งของวังเทพโอสถเดินออกมา คนนี้มีเส้นผมสีขาว มีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปี เป็ผู้าุโคนหนึ่งที่อยู่มานาน และเป็ที่เคารพนับถือ
“ใต้เท้า ข้าขอพูดสักประโยค” ผู้าุโคนนั้นโค้งคำนับและกล่าวเช่นนั้นด้วยความเกรงใจให้กับเงาร่างนั้น