เถียนสวี่หลันไม่ได้กลับไปที่เรือนตระกูลเถียน นางนั่งรออาเล็กและอาสะใภ้รองที่เส้นทางลงเขา สตรีทั้งสองที่พึ่งรู้ว่าเถียนสวี่หลันหายตัวไปพวกนางก็ออกตามหาอยู่นาน ผ่านไปราวสองชั่วยามทั้งสองจึงกลับลงเขามาเพื่อที่จะไปตามชาวบ้านให้ช่วยออกตามหาหลานสาวของตน
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงเส้นทางลงเขา พวกนางก็เห็นร่างบางนั่งหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งอาเล็กและอาสะใภ้รองต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ครั้งหน้าพวกนางคงไม่กล้าพาเถียนสวี่หลันขึ้นเขาอีกแล้ว
เมื่อพวกนางกลับมาที่ตระกูลเถียน เถียนสวี่หลันก็ขอร้องสตรีทั้งสองว่าอย่าเล่าเื่ที่ตนหลงอยู่ในป่าให้ท่านปู่ท่านย่าฟัง เพราะนางกลัวว่าตนเองจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกนอกเรือนอีก อาเล็กและอาสะใภ้รองได้แต่พยักหน้ารับปากนางด้วยความจนใจ เพราะทนลูกอ้อนของนางไม่ไหว
หลังจากวันนั้นเถียนสวี่หลันก็ได้ตามขึ้นเขาไปเก็บของป่าอีกหลายครั้ง จนนางสามารถจำเส้นทางบนเขาได้บางส่วน อีกทั้งนางยังสามารถแยกแยะเห็ดพิษและเห็ดที่ไม่มีพิษได้แล้ว ความรู้สึกที่น่าภาคภูมิใจนี้นางมักจะแบ่งปันกับน้องชายที่ไปเรียนที่สำนักศึกษาในหมู่บ้านข้างๆ เสมอ
วันนี้เป็วันหยุดปิดร้านขายของประจำเดือนของบิดามารดา เถียนสวี่หลันพาน้องชายออกมารอทั้งสองที่ศาลาหน้าหมู่บ้าน
สองพี่น้องมองเห็นรถม้าขนาดกลางสองคันกำลังวิ่งตรงมาที่พวกตน คราแรกเถียนสวี่หลันไม่ได้คิดว่าบนรถม้าจะเป็บิดาและมารดาของตน แต่เมื่อเห็นบิดาโผล่หน้าออกมาทักทายตนเองก็ทำให้นางรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย เหตุใดวันนี้ทั้งสองถึงได้นั่งรถม้ากลับมา ทำไมไม่นั่งเกวียนวัวเหมือนเช่นทุกที
“ท่านพ่อท่านแม่”
เถียนห่าวซวนเรียกทั้งสองด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ขึ้นรถม้ามาก่อน พ่อกับแม่มีเื่สำคัญจะคุยด้วย”
สองพี่น้องก้าวขึ้นไปบนรถม้าตามที่บิดาบอก ่เวลานั้นเป็เวลาใกล้ค่ำ ชาวบ้านหนานซานที่พึ่งกลับมาจากไร่นาต่างก็เห็นรถม้าสองคันวิ่งตรงไปยังตระกูลเถียน
กลุ่มคนที่ชอบพูดคุยซุบซิบอยากรู้อยากเห็นเื่ของผู้อื่นต่างก็มารวมตัวกันเพื่อรอดูว่าพวกเขาเป็ใครกันแน่ หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งอาสาเดินไปถามคนขับรถม้าที่รออยู่ด้านนอก และได้ความกลับมาว่า คนที่นั่งรถม้ามาที่หมู่บ้านหนานซานคือญาติฝังมารดาของเถียนสวี่หลัน คนตระกูลหลี่
ที่พวกเขามาวันนี้ก็เพราะ้าหมั้นหมายหญิงสาวจากตระกูลเถียนเอาไว้ ในตระกูลเถียนหญิงสาวที่สามารถออกเรือนได้ในตอนนี้ก็มีแค่เพียงสองคนคือเถียนสวี่หลันและเถียนซู่เจิง
หากเป็คนตระกูลหลี่ที่เป็คหบดี นั่นก็หมายความว่าจะต้องมาสู่ขอเถียนสวี่หลันแน่นอน ใครจะมาอยากได้เถียนซู่เจิงที่มีใบหน้าธรรมดาไปเป็ฮูหยินกันเล่า
เว่ยเจ๋อิที่พึ่งกลับมาจากสำนักศึกษาเดินผ่านคนกลุ่มนั้นที่กำลังยืนมุงอยู่ด้านนอกเรือตระกูลเถียน เื่ที่พวกเขากำลังพูดคุยกันเขาเองก็ได้ยินแล้วทั้งหมด
แต่เื่ของคนตระกูลเถียนหาใช่เื่ที่เขาควรใส่ใจ ใครจะแต่งงานใครจะหมั้นหมายมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา เว่ยเจ๋อิเดินกลับไปที่เรือนของตนด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”
เสียงเ็าเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์ ร่างสูงกลับเข้าห้องไปปิดประตูเก็บตัวเงียบอยู่ข้างใน ตำราในมือที่กำลังเปิดอ่านก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด เว่ยเจ๋อิเดินไปเดินมาภายในห้องด้วยอารมณ์ว้าวุ่น หัวใจของเขารู้สึกร้อนรุ่มเหมือนกับมีกองไฟสุมอยู่ข้างใน
“บ้าจริง นางจะหมั้นหมายกับใครมันก็ไม่ใช่เื่ของเราสักหน่อย”
เว่ยเจ๋อิเปิดประตูเดินออกไปนอกเรือน เขาเดินขึ้นเขาไปเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเอง ภาพเหตุการณ์วันนั้นที่นางหลงป่าผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ความจริงหลังจากที่เว่ยเจ๋อิพาเถียนสวี่หลันกลับออกมาจากูเา เขาก็ไม่ได้เดินจากไปไหนไกล
เมื่อเห็นว่านางนั่งหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาก็นั่งเฝ้านางอยู่ห่างๆ เว่ยเจ๋อิไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังเป็บ้าอันใดอยู่ ถึงได้เป็ห่วงสตรีที่เขาเคยรู้สึกรังเกียจผู้นั้น
ยิ่งได้ยินจากชาวบ้านพูดว่านางกำลังจะหมั้นหมายกับบุรุษอื่น ในใจเขายิ่งรู้สึกร้อนรน คงไม่ใช่ว่า.....ไม่มีทางเป็ไปได้ เว่ยเจ๋อิไม่อยากจะยอมรับว่าตนเองได้ตกหลุมรักสตรีร้ายกาจอย่างเถียนสวี่หลันเข้าแล้ว
เขาพยายามหาเหตุผลมาหักล้างความรู้สึกของตนเอง สุดท้ายคำตอบมันก็ยังวนกลับมาที่เดิม เขาคงชอบนางเข้าแล้วจริงๆ เว่ยเจ๋อิได้แต่หงุดหงิดตนเอง เหตุใดเขาถึงได้ทึ่มเพียงนี้ถึงพึ่งมารู้ตัวเอาตอนที่กำลังจะสายไป แล้วเขาไปมีความรู้สึกเช่นนั้นกับนางั้แ่เมื่อใดกันนะ
เว่ยเจ๋อินึกย้อนกลับไปในวันที่เขาช่วยเถียนสวี่หลันที่ร้านขายตำรา ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นเพราะใกับความรู้สึกที่ตนพึ่งได้ค้นพบ
เพราะอย่างนี้เองสินะเขาถึงได้พุ่งเขาไปหานางอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง หลังจากที่ได้เห็นบุรุษอื่นเข้าใกล้นาง ในตอนนั้นที่เขาไม่พอใจที่ซ่งหยางเฉิงเอ่ยถามถึงนาง เพราะเขากำลังหึงหวงอยู่อย่างนั้นหรือ
ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักของเว่ยเจ๋อิแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะมาตกหลุมรักสตรีที่เขาเคยลั่นวาจาว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับนางเด็ดขาด
มารู้ตัวเอาตอนนี้แล้วอย่างไร นางกำลังจะกลายเป็ภรรยาของผู้อื่น เขาจะมีปัญญาขัดขวางได้หรือ ร่างสูงชกไปที่ต้นไม่ที่เถียนสวี่หลันเคยนอนอยู่ตรงนั้นอย่างแรงจะมือของเขาแตก เขาจินตนาการว่าต้นไม้ต้นนั้นเป็บุรุษที่กำลังมาสู่ขอนาง จากนั้นจึงชกไปอีกหลายครั้งเพื่อระบายอารมณ์
เว่ยเจ๋อิกลับมาที่เรือนหลังจากที่ท้องฟ้ามืดไปนานแล้ว แม่นางเซี่ยที่นั่งคอยบุตรชายที่ห้องโถงก็รีบลุกขึ้นด้วยท่าทางเป็ห่วง หลังจากที่เห็นบุตรชายของตนเดินเข้ามา
“ิเอ๋อ ลูกไปไหนมา”
เว่ยเจ๋อิเดินเข้าไปในเรือนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ร่างสูงเดินเข้าไปกอดมารดาทั้งที่เขาเลิกทำเช่นนั้นไปนานแล้วหลังจากที่เขาอายุสิบขวบ แม่นางเซี่ยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีท่าทางอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน ั้แ่เล็กจนโตเขามักจะเข้มแข็งและไม่เคยแสดงอารมณ์อ่อนไหวออกมาให้เห็นเหมือนอย่างเช่นวันนี้
“เกิดสิ่งใดขึ้นหรือ”
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามบุตรชายเบาๆ เว่ยเจ๋อิผละออกจากมารดา ดวงตาของเขาแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แม่นางเซี่ยเห็นดังนั้นก็ใเป็อย่างมาก หรือว่าเขากำลังประสบเื่ที่ร้ายแรงมากจนเขาไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางหลังน้ำตาออกมาเป็แน่
“ท่านแม่ เราย้ายไปอยู่ที่อื่นกันดีหรือไม่”
แม่นางเซี่ยที่ยังไม่ทันหายใที่เห็นบุตรชายของตนร้องไห้ ตอนนี้เขายังมาพูดเช่นนี้กับนางอีก มันเป็เื่อันใดกันแน่ที่ทำให้เขาไม่้าอยู่ที่นี่อีกแล้ว ทั้งที่หมู่บ้านหนานซานเป็สถานที่ที่เขาอยู่มาั้แ่ยังเล็ก
“เล่าให้แม่ฟังก่อนดีหรือไม่ว่ามันเกิดเื่อันใดขึ้นกับลูกบางทีแม่คนนี้อาจจะหาทางช่วยเ้าได้”
แม่นางเซี่ยที่เป็คนใจเย็นมาตลอด เอ่ยปลอบบุตรชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เว่ยเจ๋อิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เื่นี้ท่านช่วยข้าไม่ได้หรอก ท่านแม่เราออกไปจากที่นี่กันเถิด”
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินกลับเข้าห้องไป ทิ้งให้แม่นางเซี่ยที่ยืนอยู่ในห้องโถงมองตามหลังบุตรชายไปด้วยความเป็ห่วง
กลางดึกเว่ยเจ๋อิที่กำลังคัดตัวอักษรเพื่อสงบสติอารมณ์ได้เผลอหลับไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ พอถึงรุ่งสางเขาก็สะดุ้งตื่นด้วยความใ ก่อนหน้านั้นเว่ยเจ๋อิได้ฝันไปว่าตนเองได้แต่งงานกับเถียนสวี่หลันอย่างไม่เต็มใจ
ทุกภาพเหตุการณ์ทุกถ้อยคำที่เขาดุด่านางทั้งที่นางพยายามทำดีกับเขา มันยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจ นางทำดีกับเขาเพียงนั้นเหตุใดเขาถึงเอาแต่ถือทิฐิคอยเอ่ยคำพูดประชดประชันต่อนางด้วยนะ เว่ยเจ๋อิไม่เข้าใจ
ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือเดินไปที่หลังเรือน เขาใช้น้ำเย็นราดลงไปบนตัวหลายครั้ง เพื่อหวังว่าตนเองจะสงบลง ถึงจะถูกน้ำที่แสนเย็นเยียบัักายแต่ภายในใจกลับยังคงรู้สึกร้อนรุ่ม ในหัวของเขาตอนนี้เอาแต่นึกถึงความฝันเ่าั้ไม่หยุดหย่อน
ทุกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันดูชัดเจนจนเขาแทบจะหลงเชื่อว่าทั้งหมดคือความจริง เว่ยเจ๋อิคิดว่าตนเองคงจะคิดถึงเื่ที่เถียนสวี่หลันกำลังจะหมั้นหมายมากเกินไป จึงทำให้ตนฝันไร้สาระพรรคนั้นออกมา
เว่ยเจ๋อิออกจากเรือนไปั้แ่ฟ้ายังไม่สาง เขาไม่้าได้ยินเื่ซุบซิบเกี่ยวกับการหมั้นหมายของนาง แต่์มักจะไม่สนใจต่อคำภาวนาของคนที่ไม่สำคัญเช่นเขา เมื่อเดินมาถึงต้นไม้ร้อยปีกลางหมู่บ้าน ร่างของใครบางคนก็ออกมาขวางหน้าเขาเอาไว้
“พี่เจ๋อิ”
เสียงที่คุ้นเคยทำให้เว่ยเจ๋อิชะงักไป
“เ้ามาทำอันใดที่นี่”
สวีม่านนีรู้เวลาที่เว่ยเจ๋อิจะออกจากเรือนไปยังสำนักศึกษา นางจึงมาดักรอเพื่อพบเขา
“พี่เจ๋อิท่านรู้เื่ของเถียนสวี่หลันหรือไม่ นางกำลังจะแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของนางเดือนหน้า ข้าได้ยินมาว่าเขาร่ำรวยมาก ถึงแม้จะเป็คุณชายรองของตระกูลหลี่ก็ตาม หญิงสาวในหมู่บ้านต่างก็อิจฉาที่นางได้สามีหล่อเหลาแถมยังร่ำรวยอีกต่างหาก”
นั่นเป็คำพูดที่แสลงหูของเว่ยเจ๋อิที่สุดั้แ่เกิดมา เขาไม่รู้ว่านาง้าสิ่งใดถึงได้มาเล่าเื่ของเถียนสวี่หลันที่นางไม่ชอบหน้าให้เขาฟัง ร่างสูงถอยห่างจากนางเล็กน้อยและยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยหลังจากฟังเื่เล่าของสวีม่านนีแล้ว
“ท่านไม่รู้สึกโกรธบ้างเลยหรือ นางเคยวิ่งไล่ตามท่านถึงสองปี อยู่ๆ กลับไปหมั้นหมายกับบุรุษอื่น ท่านไม่รู้สึกว่าตนเองถูกหักหลังและถูกหยามเกียรติบ้างหรือ พี่เจ๋อิต่อให้สตรีร้ายกาจอย่างเถียนสวี่หลันจะเปลี่ยนใจจากท่านไปแล้ว แต่ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอนะ”
สวีม่านนีเอ่ยเสียงอ่อนหวาน ทั้งยังก้าวเข้าไปใกล้เว่ยเจ๋อิช้าๆ ร่างสูงในชุดขาวของสำนักศึกษาจื้อกั๋วถอยออกห่างจากนางในทันทีที่สวีม่านนีโถมตัวเข้าหาเขา สวีม่านนีไม่คิดว่าเว่ยเจ๋อิจะะโหลบตน ทำให้นางล้มหน้าคะมำลงบนพื้นดินอย่างแรง
ใบหน้ากลมที่พยายามแต่งแต้มมาเป็อย่างดีถูไปกับพื้นดินที่เปียกแฉะ นางกรีดร้องออกมาเสียงดังอย่างรู้สึกไม่ยินยอม
“เหตุใดท่านถึงได้เ็ากับข้าเช่นนี้ ที่ผ่านมามิใช่แค่เถียนสวี่หลันเท่านั้นที่เคยทุ่มเทความรักให้กับท่าน ข้าเองก็ทำเช่นกัน เหตุใดท่านไม่เคยเห็นใจข้าบ้าง พี่เจ๋อิท่านรู้หรือไม่ว่าข้ารักท่านมานานเพียงใดแล้ว”
ร่างสูงยังคงยืนนิ่งด้วยใบหน้าเฉยชา สายตาเขาเหลือบมองไปยังสตรีที่นั่งอยู่บนพื้นผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคราบโคลน สภาพของสวีม่านนีในตอนนี้มองดูแล้วช่างน่าสมเพชนัก
เขาคิดถูกแล้วที่ก่อนหน้านี้ไม่ห้ามให้เถียนสวี่หลันเล่นงานสตรีผู้นี้ นางถึงกับกล้าใส่ร้ายผู้อื่นต่อหน้าเขานางคิดว่าเขาจะซาบซึ้งในความเห็นอกเห็นใจที่นางกำลังมอบให้อย่านั้นสินะ สตรีน่ารังเกียจ
“เ้าพูดจบแล้วใช่หรือไม่”
เว่ยเจ๋อิคร้านที่จะเสวนากับนาง มาคิดดูอีกทีวันนั้นนางน่าจะโดนเถียนสวี่หลันเล่นงานให้หนักมากกว่านี้
“เดี๋ยวก่อนพี่เจ๋อิ ท่านจะไม่พูดอะไรกับข้าสักหน่อยหรือ”
เว่ยเจ๋อิหันไปมองใบหน้ากลมที่เปื้อนโคลนด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง
“ไสหัวไปให้ไกลจากข้าซะ”
ร่างสูงเดินสะบัดขนเสื้อจากไปอย่างไม่ไยดี เสียงกรีดร้องของสวีม่านนีดังแหลมเสียดแก้วหูคนทั้งหมู่บ้าน แต่เถียนสวี่หลันที่เป็ตัวต้นเื่ มิได้รับรู้เื่ที่เกิดขึ้นในตอนเช้า เพราะนางกำลังหลับฝันดีในผ้าห่มที่แสนอบอุ่นของตน