เหนือทะเลสาบโลหิต ดอกบัวโลหิตสะพรั่งบานพร้อมแผ่กลิ่นอายน่าพิศวงฟุ้งกระจายในอากาศ
บนใบบัวมีลายเส้นหลากสีจำนวนนับไม่ถ้วน ลายเ่าั้ควบแน่นเป็ดอกไม้แปลกประหลาดที่มีทั้งภาพจริงและภาพลวงตา ทั้งยังประกอบด้วยความลึกลับอันล้ำเลิศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ลายเส้นหลากสีที่แตกต่างกันเก้าเส้นทอดออกมาจากเกสร สายยาวเรียวเล็กอ่อนนุ่มราวมือหยกพลิ้วไหวไปตามสายลม
หนิงเทียนมองดอกไม้แปลกๆ แล้วลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า สีหน้าของเขาค่อนข้างน่าเกลียด
“อย่ารอช้า รีบไปเสีย!” เก๋อคุนะโ ขณะที่หูเถี่ยซินก็กล่าวสาปแช่ง พวกเขาปฏิบัติต่อหนิงเทียนราวสุนัข
หนิงเทียนแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว ก่อนจะเคลื่อนไหวช้าๆ รอบดอกไม้ประหลาด แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกกำลังทำการสรุปขั้นสุดท้าย
ฝานชิง เหลียนจิ้น ฟางจวิ้น และฮั่วเถี่ยฮั่นคอยเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด ดอกไม้ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี้มีโอกาสและความลึกลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
ทันทีที่หนิงเทียนเคลื่อนไหว ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นก็ตาลุกโพลง
ลายเส้นทั้งเก้าในเกสรมีสีสันหลากหลาย แต่สีแดงและสีเขียวจะเป็สีที่โดดเด่นที่สุด เพราะทะเลสาบโลหิตเป็สีแดงและใบบัวเป็สีเขียว ซึ่งในทางจิตวิทยานั้น ผู้คนมักสนใจเส้นสองสีนี้โดยไม่รู้ตัว
ทว่าหนิงเทียนกลับไม่ได้เลือกทั้งสองสีนั้น แล้วเลือกลายเส้นสีม่วง สีทอง และสีฟ้า จากนั้นก็บิดปลายเส้นเหล่านี้แล้วผูกปมไว้กับมือของตนอย่างรวดเร็ว
ปมนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดอกไม้ประหลาดทั้งหมดกระจายตัวออกไป ลายเส้นหลากสีแปดสิบเอ็ดเส้นพุ่งเข้าหาหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
ยามนั้นดวงตาของเขาส่องสว่างราวคบเพลิงและมือไม้ก็รวดเร็วดุจสายฟ้า เขาจับลายเส้นทั้งเก้าสีสันแล้วบิดเป็ปมอีกครั้งหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครา คราวนี้มีเส้นหลากสีมากถึงเจ็ดร้อยยี่สิบเก้าเส้นในคลื่นลูกที่สาม
หนิงเทียนใช้ทะยานหลงเงาตัดผกาในการบิดและมัดอีกยี่สิบเจ็ดเส้นโดยเร็วที่สุด จนเกิดการเปลี่ยนแปลงรอบที่สี่
เส้นสีหกพันห้าร้อยหกสิบเอ็ดเส้นส่องแสงสว่าง ก่อนจะตกลงบนร่างของหนิงเทียนราวกับหยาดฝนโปรยปราย
ใบหน้าของหนิงเทียนดูเคร่งขรึม เขาบิดและหมุนมือของตน จากนั้นจึงรวบรวมเส้นสายแปดสิบเอ็ดเส้นเข้าด้วยกันในคราวเดียว
ดอกไม้ประหลาดะเิดัง เส้นทั้งหมดกว่าห้าหมื่นเก้าพันเส้นคลี่ออกทันที และครอบคลุมร่างของหนิงเทียน
คนทั้งเจ็ดที่เห็นการแก้กลเช่นนั้นล้วนตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจความลึกลับนี้ แต่ก็รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าหนิงเทียนค้นพบวิธีแก้ปัญหาแล้ว
ยามนี้หนิงเทียนกำลังหมุนตัวโผบินและมีดอกไม้แบ่งบานที่ปลายนิ้วมือทั้งสองข้าง เส้นพลังิญญาพันรอบ รวมเป็สองร้อยสี่สิบสามดอก ก่อนจะเริ่มผสานเข้าด้วยกัน
แสงเรืองรองส่องประกายในชั่วพริบตา ทุกเส้นสายพรั่งพรูเข้ามาในมือของหนิงเทียน ฝ่ามือของเขาสว่างไสวไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน จากนั้นก็รวมตัวกันกลายเป็พู่กันด้ามหนึ่ง
พู่กันนี้ยาวหนึ่งจั้ง ตัวด้ามเต็มไปด้วยแสงหลากสี ขนพู่กันประกอบด้วยเส้นสายละเอียดอ่อนถึงห้าหมื่นเก้าพันสี่สิบเก้าเส้น ซึ่งปล่อยคลื่นผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
หนิงเทียนถือพู่กันไว้ในมือขวาแล้วโบกผ่านฝ่ามือซ้ายอย่างรวดเร็ว แสงแห่งจิติญญาทะลุผ่านฝ่ามือ พร้อมเครื่องหมายลึกลับที่สลักไว้บนแผนที่จิติญญาของเส้นลมปราณแรก
หลังจากนั้นความแวววาวของพู่กันหลากสีก็จางหายไป ขนพู่กันยังคงมีสีสัน ทว่าตัวด้ามเปลี่ยนเป็สีน้ำตาล
“ส่งมาเร็ว!” ด้วยเสียงะโอันดัง เหลียนจิ้นและฮั่วเถี่ยฮั่นอาสาพุ่งใส่หนิงเทียนก่อนผู้อื่นเพื่อแย่งชิงพู่กัน
เพื่อไม่ให้พ่ายแพ้ ฟางจวิ้นและฝานชิงก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สวี่ชุ่นซินะโใส่หนิงเทียน “เ้าหนู มอบพู่กันนั่นให้ศิษย์พี่ฟางเร็วเข้า!”
หูเถี่ยซินถือธนูในมือซ้ายและดึงเชือกด้วยมือขวา เพื่อจับตัวหนิงเทียนไว้ “จงมอบพู่กันให้ข้าผู้เป็ศิษย์แห่งสำนักั์พฤกษา! ไม่เช่นนั้นเ้าจะต้องตาย!”
เก๋อคุนกล่าว “ข้าพบสิ่งนี้ก่อน พู่กันนี้ควรเป็ของสำนักเชียนเฉ่า!”
ทุกคนล้วนััได้ว่าพู่กันนี้เป็อาวุธิญญาจื๋อซิวที่ทรงพลัง และพวกเขาต้องให้จงได้
หนิงเทียนยิ้มเยาะ เขาจะมอบสมบัติที่ได้มาให้ผู้อื่นได้อย่างไร?
“ไปให้พ้น!” ด้วยกายาสุวรรณะนิรันดร์ ร่างของหนิงเทียนเต็มไปด้วยแสงสีทอง เส้นสายอร่ามหนาแน่นแผ่กระจายทั่วกาย ทำให้เืลมของเขาเดือดพล่าน จิติญญาแห่งการต่อสู้ลุกโชน ห้วงอากาศสั่นะเืด้วยหมัดเดียว
หนิงเทียนปล่อยพลังชกอย่างแรงจนทุกคนใและต้องถอยไปสามก้าว ยามนี้เืลมของเขาค่อนข้างผันผวน
แขนของเหลียนจิ้นชาไปหมดพร้อมแสดงเจตนาสังหารบนสีหน้า เขาคิดว่าตนสามารถฆ่าเ้าเด็กนี่ได้ด้วยการโจมตีเดียว ทว่าเขากลับทำได้เพียงถอยหลังกลับเท่านั้น
ฮั่วเถี่ยฮั่นพุ่งเข้ามา ฝ่ามือใหญ่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งที่สามารถทุบภูผาทำลายศิลาได้ ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ กระดูกทั้งร่างของหนิงเทียนก็สั่นสะท้าน
“ทะลวงพันชั้น!” หนิงเทียนะโอย่างเกรี้ยวกราด เขาพุ่งตัวพร้อมต่อยอย่างรุนแรง ก่อนจะถูกฝ่ามือเงาของฮั่วเถี่ยฮั่นปัดปลิวไปสามจั้ง
ทันใดนั้นกลิ่นอายปราณกระบี่ทลายนภาก็ปรากฏขึ้น ฝานชิงเองก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน
หนิงเทียนเบี่ยงกายไปด้านข้าง เสื้อผ้าของเขาปลิวว่อน ร่างของเขาเกือบขาดครึ่งไปแล้ว
นิ้วทั้งห้าของฟางจวิ้นกลายเป็กรงเล็บ เพลิงวาโยหมุนวนในฝ่ามือและกลืนกินพลังแห่งการทำลายล้าง จากนั้นก็เข้าจู่โจมหนิงเทียนจากด้านหลัง
เกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับความรู้สึกเ็ปอย่างรุนแรงที่ไหล่ของหนิงเทียน เืทะลักออกจากปากไม่ขาดสาย เขาาเ็สาหัสจากการโจมตีของฟางจวิ้น
หนิงเทียนคำรามด้วยความลำบากใจกับการสู้แบบหนึ่งต่อสี่ ขอบเขตของเหล่าศัตรูก็สูงเกินไป พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก แม้หนิงเทียนจะฝึกกายาสุวรรณะนิรันดร์และมีพลังหมัดหนักห้าหมื่นจิน แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานได้ทั้งหมด
“มอบพู่กันมา! แล้วข้าจะเหลือร่างสมบูรณ์ไว้ให้เ้า” เหลียนจิ้นเยาะเย้ย เงาต้นไม้ข้างกายแกว่งไปมาเพื่อขัดขวางการหลบหนีของหนิงเทียน
ฮั่วเถี่ยฮั่นกล่าวขึ้นว่า “ส่งพู่กันมาให้ข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าตายอย่างเ็ป”
ฟางจวิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม “เพื่อเห็นแก่สหายร่วมสำนัก ตราบใดที่เ้าส่งพู่กันให้ข้า ข้าจะไม่ฆ่าเ้า”
ส่วนฝานชิงไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด กระบี่ไม้ไผ่ในมือของเขาสั่นไหว ปราณกระบี่สีเขียวฉีกทะลวงห้วงอากาศ บังคับให้ฟางจวิ้นและฮั่วเถี่ยฮั่นต้องถอยออกไป
เหลียนจิ้นอาศัยความแข็งแกร่งของเกราะต้นไม้แล้วเหวี่ยงหมัดเพื่อแย่งชิง เมื่อปราณกระบี่กระทบเข้ากับเกราะก็เกิดประกายไฟพุ่งออกมาจำนวนมาก
หนิงเทียนกัดฟันและมองไปรอบๆ อย่างเ็า ในสถานการณ์เช่นนี้ หากปะทะกับศัตรูต่อไปเขามีแต่จะต้องประสบความสูญเสียหรืออาจจบชีวิตที่นี่ ดังนั้น การหลบหนีจึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่เมื่ออยู่กลางทะเลสาบซึ่งล้อมรอบด้วยบัวโลหิตแปลกประหลาดเก้าดอก ทั้งยังถูกศัตรูที่แข็งแกร่งเจ็ดคนขัดขวาง เขาไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย
ข้าควรทำอย่างไรดี?
ใบหน้าของหนิงเทียนเคร่งขรึม เขาคิดอย่างกังวลขณะหลบปราณกระบี่ของฝานชิงไปด้วย
เสียงคำรามแปลกๆ สั่นะเืห้วงมิติเวลา หนิงเทียนรู้สึกถึงภัยคุกคามต่อชีวิต เขากรีดร้องแล้วเบี่ยงร่างอย่างเต็มแรง ก่อนที่ลูกศรแหลมคมจะเฉี่ยวผ่านหูไป
นั่นคือการลงมือของหูเถี่ยซิน ลูกศรเมื่อครู่เป็สิ่งที่เหนือความคาดคิด และมันเกือบสังหารหนิงเทียนสำเร็จแล้ว
ทางด้านเก๋อคุนก็เป่าขลุ่ยไม้ไผ่ เสียงขลุ่ยหนักหน่วงราวภูผาหนักอึ้ง เสียงนั้นกดทับหัวใจหนิงเทียนจนเขาอึดอัด
ล่าช้าไม่ได้แล้ว!
หนิงเทียนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาลากพู่กันเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็แทงใบบัวใต้เท้าแล้วจมลงไปในทะเลสาบโดยพลัน
การเคลื่อนไหวนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน พวกเขารู้ดีว่าทะเลสาบโลหิตแห่งนี้ทั้งประหลาดและอันตราย แม้กระทั่งผู้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราทั้งสี่คนก็ไม่กล้าก้าวลงไปง่ายๆ
“เ้าเด็กหน้าเหม็น ขึ้นมา!” เหลียนจิ้นขู่คำราม ขณะที่ฟางจวิ้นะโตามลงไปในทะเลสาบ
รากบ่มเพาะของฟางจวิ้นคือดอกสุ่ยเซียนซึ่งเป็พืชน้ำ แม้ทะเลสาบโลหิตจะแปลกเพียงใด แต่เขาก็ตัดสินใจจะลองดู
เมื่อฮั่วเถี่ยฮั่นเห็นเช่นนี้ เขาก็ะโลงไปในทะเลสาบโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาจะไม่ยอมละทิ้งโอกาสนี้ไป
ส่วนฝานชิงกับเหลียนจิ้นก็มองหน้ากันและพูดอย่างพร้อมเพรียงว่า “เราลงน้ำกันเถอะ! เราต้องตามหาเขาให้เจอ”
บัวโลหิตเก้าดอกปล่อยความผันผวนแสนประหลาดอยู่บนทะเลสาบ พลันดอกบัวหุบลงแล้วจมลงในน้ำทันที
ครู่ต่อมา คลื่นโลหิตก็ม้วนตัวรอบใบบัวใจกลางทะเลสาบราวกับอสูรน้ำที่ผลุบโผล่ ปราณกระบี่ฉีกผ่านคลื่น เถาวัลย์นิลดำแหวกม่านน้ำ
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ คนทั้งเจ็ดที่ไล่ตามหนิงเทียนก็ต้องหนีกลับไปบนใบบัวทีละคน ใบหน้าของพวกเขาค่อนข้างน่าเกลียดและมีาแมากมายตามร่างกาย
“เ้าเด็กหน้าเหม็น! เ้าจงตายในทะเลสาบเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้ชีวิตเ้าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” ฮั่วเถี่ยฮั่นคำราม ส่วนคนอื่นๆ ก็ล้วนด่าทอ
ยามนี้ใบบัวขนาดใหญ่เริ่มเหี่ยวเฉาและทรุดตัวลง
“บ้าเอ๊ย! ไปเร็ว!”
ผู้บำเพ็ญเจ็ดคนวิ่งข้ามเกลียวคลื่น บัวโลหิตพุ่งมาจากใต้ทะเลสาบ ลูกศรน้ำแทงทะลุเืเนื้อจนพวกเขาโอดครวญอย่างเ็ป
เก๋อคุนพลัดตกลงไปในน้ำและกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
สวี่ชุ่นซินถูกบัวโลหิตพัดพาไป เืของนางพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ก่อนจะร่วงลงไปในทะเลสาบด้วยอาการาเ็สาหัส
เท้าของหูเถี่ยซินพันกันยุ่งเหยิง เขาถูกดึงลงไปสู่ก้นบึ้งของทะเลสาบโดยตรง
ทางด้านเหลียนจิ้นและฮั่วเถี่ยฮั่นก็ถูกขัดขวางโดยบัวโลหิต ทั้งคู่จึงล้มลงไปพร้อมๆ กัน ส่วนปราณกระบี่ของฝานชิงนั้นเปรียบเสมือนสายรุ้ง เขาจึงเป็คนแรกที่หลุดออกจากทะเลสาบโลหิตมาได้
สำหรับฟางจวิ้น รากบ่มเพาะของเขามีความพิเศษ ซึ่งช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของบัวโลหิตมาได้
เนื่องด้วยกระแสน้ำในทะเลสาบโลหิตค่อนข้างขุ่นมัว ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า
หลังจากหนิงเทียนดำลงไปในน้ำ บงกชสีมรกตก็ส่งคำเตือนออกมานอกร่าง บ่งบอกว่ามีิญญาชั่วร้ายเข้ามาใกล้
บัวโลหิตในทะเลสาบเป็อสูรที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ในสภาพแวดล้อมพิเศษนี้ มันสามารถห้วงมิติเวลา ทั้งยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในระดับเดียวกันที่ต่อกรกับมันได้
หนิงเทียนอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก ขอบเขตของเขาต่ำมาก หากตกลงไปในน้ำอีกครั้ง เขาต้องถึงคราวมรณะเป็แน่
ทว่าเขาย่อมมีกลยุทธ์อยู่ในใจและหยิบไข่มุกอสูรหยินออกมาทันที สิ่งนี้ช่างน่ากลัวและน่าอัศจรรย์ รัศมีที่แผ่ออกมานั้นแม้กระทั่งิญญาปีศาจก็ยังหวาดหวั่น
ด้วยความช่วยเหลือของไข่มุกอสูรหยิน หนิงเทียนจึงหลีกเลี่ยงการโจมตีของบัวโลหิตและจมใบบัวลงมาได้สำเร็จ เขาหวังเป็อย่างยิ่งว่าบรรดาศัตรูจะถูกฝังอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้
ทว่าสุดท้ายทั้งเจ็ดคนล้วนหนีออกจากทะเลสาบโลหิตได้ โดยสวี่ชุ่นซินกับหูเถี่ยซินาเ็สาหัสที่สุด และเกือบเสียชีวิตในทะเลสาบแล้ว
หนิงเทียนค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบโลหิต แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีการตรวจจับของฟางจวิ้นได้
“เ้าเด็กนั่นยังมีชีวิตอยู่!” ฟางจวิ้นคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว และทุกคนก็รีบวิ่งเข้ามาราวลมกระโชกแรง
“เ้าเด็กหน้าเหม็น คราวนี้เ้าไม่รอดแน่!” เหลียนจิ้นแผดเสียงดังสนั่น พร้อมมีฝานชิงวิ่งตามมาติดๆ
หนิงเทียนสบถสาปแช่งและวิ่งหนีไป เขามุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขาทั้งสามซึ่งมีต้นไม้แห้งเหี่ยวตั้งอยู่
ในดินแดนรกร้าง หนิงเทียนวิ่งข้ามภูผาพงไพรอยู่เบื้องหน้า โดยมีคนทั้งเจ็ดไล่ตามติดอยู่เื้ั
เสียงขลุ่ยไพเราะไหลมาตามสายลม เสียงนี้ราวกับภาระอันหนักหน่วงที่กดทับไหล่ของหนิงเทียนไว้
ระหว่างทางมีพืชพรรณและเถาวัลย์คอยเข้าขวาง ยอดฝีมือจากทั้งสี่สำนักพยายามทุกวิถีทางเพื่อปิดกั้นการหลบหนีของเขา
หนิงเทียนเต็มไปด้วยเื หมัดของเขาเดือดดาลราวกับเปลวไฟ เขารื้อถอนทุกสิ่งอย่างรุนแรงตลอดทาง และก้าวข้ามอุปสรรคมากมาย
หลังจากวิ่งหนีเป็ระยะทางหลายร้อยลี้ ยามนี้เบื้องหน้ามีเหวลึกซึ่งเต็มไปด้วยหมอกขวางกั้น ทั้งยังมีเสียงอสูรคำรามและิญญาปีศาจโบยบิน
เปลวเพลิงสีแดงลอยตัวในหุบเหว อีกทั้งวังวนสีฟ้าก็ดูเหมือนที่ซ่อนตัวของอสูรร้าย นอกจากนี้ยังมีเถาวัลย์สีม่วงแวววาวราวอัสนี ตามมาด้วยเสียงฟ้าคำรามน่าหวาดหวั่น
หุบเหวแห่งนี้ไม่มีจุดเริ่มต้นและไร้จุดสิ้นสุด ซึ่งแบ่งเขตแดนลับออกเป็สองส่วน
ูเาใหญ่สามลูกตั้งอยู่อีกฝั่งของเหวลึก หนิงเทียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกอ่อนแรงจนอยากจะโห่ร้อง ทว่าฝานชิง ฟางจวิ้น และคนอื่นๆ อยู่ห่างออกไปเพียงร้อยจั้ง เขาไม่มีเวลาคิดหาทางออกอื่นแล้ว
หนิงเทียนมองรอบๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกไป เขาเห็นเส้นทางในเหวที่อาจนำไปสู่อีกด้านหนึ่งได้ แม้ถนนสายนี้จะผ่านไม่ง่าย แต่เขาไม่มีทางเลือก ผู้ไล่ตามจากด้านหลังเป็เพียงเื่รองเท่านั้น
เพื่อกายาสุวรรณะนิรันดร์ เขาต้องรีบเร่งไปข้างหน้า!
เหวทั้งสองฝั่งห่างกันประมาณห้าร้อยจั้ง ห้วงมิติเวลา ณ ที่แห่งนี้ก็ค่อนข้างแปลก เขาจึงไม่สามารถลอยข้ามไปได้
ดอกจื่อเถิง[1]ที่พันเกลียวด้วยสายฟ้าค่อยๆ เชื่อมเหวทั้งสองราวโซ่เหล็ก และสุดท้ายก็กลายเป็สะพานแขวน
ในเหวแห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดา สะพานแขวนดอกจื่อเถิงซ่อนตัวอยู่ในสายหมอก และเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ผู้คนหวาดผวาก็ดังอย่างต่อเนื่อง
หนิงเทียนตัดสินใจทิ้งร่างลงบนดอกจื่อเถิง ทันใดนั้นก็เกิดสายฟ้าคำราม ซึ่งทำให้เขาชาไปทั้งตัวจนเกือบร่วงลงไปในหุบเหว
เขาเปิดใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์และถือหอกนาคามรกตไว้เพื่อควบคุมสมดุล แม้จะมีบงกชสีมรกตหยั่งรากบนดอกจื่อเถิงอยู่ข้างกาย แต่เขาก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
หนิงเทียนก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทว่าก้าวไปยังไม่ถึงสามจั้ง บรรดาผู้ไล่ล่าก็ตามมาทัน
“ยิงมัน!” เหลียนจิ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น พร้อมสั่งให้หูเถี่ยซินใช้ธนูไม้
“หยุดนะ! ถ้าเ้ายิงเขา พู่กันจะไม่ตกลงไปในเหวหรือ?”
คำพูดของฝานชิงได้รับความเห็นชอบจากฟางจวิ้นและฮั่วเถี่ยฮั่น
“เช่นนั้นลองจับเขาดูก่อน หากไม่สำเร็จจริงๆ ค่อยยิงก็ยังไม่สาย”
---------------------------------------
[1] ดอกจื่อเถิง (紫藤) แปลว่า ดอกวิสเทอเรีย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้