กลิ่นของไม้กฤษณาลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ เย่เช่อคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ดี
จำได้ว่าตอนเด็กๆ ธูปหอมที่มารดาเคยใช้ไม่ใช่กลิ่นไม้กฤษณา
เย่เช่อขมวดคิ้วและถามว่า “เสด็จแม่ใช้ไม้กฤษณาั้แ่เมื่อใด?”
ฮองเฮายิ้มอย่างอ่อนโยน แต่มีร่องรอยของความเหงาที่มองเห็นได้เลือนรางในดวงตาของนาง
“เ้าไม่ชอบหรือ?”
เย่เช่อมองไปที่มารดา ครู่หนึ่งอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายเป็คำพูดได้ก็ผุดขึ้นในใจของเขา บางทีมารดาอาจรู้ความเคลื่อนไหวของเขาที่ชายแดนตลอดเวลา เย่เช่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนรอบตัวของเขาเป็คนของมารดาหรือไม่
เขารู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเป็ความภาคภูมิใจของมารดาเสมอ
มีร่องรอยความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาเย่เช่อ หากมารดา้าทราบเื่ของเขาก็แค่ส่งคนมาสอบถามเท่านั้น เหตุใดต้องแอบสอดแนมให้ยุ่งยาก?
สิ่งที่เย่เช่อเกลียดที่สุดคือการกระทำลับๆ ล่อๆ
แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็มารดาของเขาก็ตาม
ความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
เย่เช่อกล่าวว่า “ตอนที่ลูกออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่ง ลูกจำได้ว่าเครื่องหอมที่เสด็จแม่ใช้ดูเหมือนจะเป็ไม้จันทน์แดง”
ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย “เ้าจำได้จริงๆ สินะ แม่ได้ยินจากท่านตาของเ้าว่าเ้าชอบไม้กฤษณามาก แม่ถึงกับหัวเราะออกมาทีเดียว! แม่จึงใช้ไม้กฤษณาั้แ่นั้นมา เ้ากำลังปิดบังอะไรแม่อยู่หรือไม่?”
เย่เช่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เหตุใดเสด็จแม่ถึงกล่าวเช่นนั้น?”
ฮองเฮาถอนหายใจ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางก็กล่าวว่า “เ้าไม่ได้อยู่กับแม่ั้แ่เด็ก ความเข้าใจที่แม่มีต่อตัวเ้าจึงมีจำกัด บางครั้งแม่ก็สงสัยว่าเ้าเหมือนใครเพราะเ้าไม่เหมือนแม่เลย ไม่สิ เ้าเหมือนท่านตาของเ้า แต่เ้าเหมือน...คนคนนั้นมากกว่า...”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ฮองเฮาก็มีท่าทีลังเลก่อนจะเงียบไป
นางยังไม่้ากล่าวเื่นั้นกับเขา
เดิมทีเขาเป็บุตรชายคนโตของจวนเสนาบดี แต่กลับต้องตกระกำลำบากอย่างที่ไม่ควรจะเป็
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็ก่อให้เกิดความคับแค้นใจแก่ผู้เป็มารดา
เย่เช่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาอยากจะถามมารดาว่านางหมายถึงผู้ใดแต่ก็ไม่ได้ถาม เขาเปลี่ยนเื่และกล่าวว่า “เสด็จแม่ อันที่จริงลูกเคยกลับมาก่อนหน้านี้แล้ว”
“เมื่อใด?” ฮองเฮาที่สำรวมกิริยามาตลอดโพล่งถามออกมาด้วยความประหลาดใจ นางขยับตัวเล็กน้อยและกล่าวต่อว่า “ในเมื่อเ้ามาแล้วเหตุใดถึงไม่มาหาแม่ของเ้า?”
เย่เช่อเล่าเื่ตอนที่เขาแอบเข้าวังเมื่อสิบปีก่อนอย่างใจเย็น
ฮองเฮาถามว่า “แล้วท่านตาลงโทษเ้าหรือไม่?”
เย่เช่อยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสด็จแม่ไม่ต้องกังวล ท่านตาปฏิบัติต่อลูกเป็อย่างดี หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากท่านตาย่อมไม่มีลูกอย่างเช่นทุกวันนี้”
ความกังวลในแววตาของฮองเฮาจางหายไปมาก นางถามต่อว่า “แล้วครั้งนี้เ้าเต็มใจกลับมาหรือไม่?”
ความหมายของนางชัดเจน
นั่นคือ เหตุใดครั้งนี้ถึงยอมกลับมา?
ก่อนหน้านี้บิดาของเย่เช่อออกคำสั่งให้เขากลับบ้านหลายครั้งแต่กลับถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นนางจึงไม่คิดว่าเขาจะกลับมาจริงๆ
ไม่ใช่ว่านางไม่มีความสุข แต่นางย่อมมีข้อสงสัยเล็กน้อยเช่นกัน
อันที่จริงฮองเฮาเข้าใจดีว่าความแตกแยกระหว่างบิดากับบุตรชายอยู่เหนือการควบคุมของนางมานานแล้ว เพราะนางรู้สึกว่าตนแทบไม่รู้เื่บุตรชายเลย แน่นอนว่าความผูกพันทางสายเืระหว่างบุตรชายกับนางยังคงเหนียวแน่นและไม่สามารถลบล้างออกไปได้ แต่ในด้านอารมณ์ความรู้สึกนางแทบจะไม่รู้จักเขาเลย
ความจริงแล้วนางเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเื่นั้นคงไม่มีเื่ยุ่งยากมากมายตามมาเช่นนี้!
ตอนนี้นางไม่รู้ว่าที่เช่อเอ๋อเป็แบบนี้คือเื่ดีหรือไม่ดี
เย่เช่อดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของมารดา เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกย่อมเต็มใจ นอกจากนี้การต่อสู้ที่ชายแดนก็สงบลงแล้ว”
คำตอบของเขาฟังดูเหมือนไม่ได้ตอบอะไร
ทั้งสองนั่งเงียบๆ
ท้ายที่สุดฮองเฮาก็กล่าวว่า “เช่อเอ๋อ แม่ได้ยินมาว่าเ้าสนิทสนมกับคุณชายใหญ่แห่งจวนผู้ว่าการหยงโจวมาก”
เย่เช่อพยักหน้า แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ฮองเฮาเม้มปาก นางชำเลืองมองเย่เช่อและกล่าวว่า “เ้าควรติดต่อคนประเภทนั้นให้น้อยลง เ้ารู้ใช่ไหมว่าแม่ไม่ชอบคนเ้าชู้”
เย่เช่อมองมารดาของเขาอย่างจริงจัง เมื่อเห็นดวงตาที่เคียดแค้นของนางจิตใจของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย
“ลูกรู้ดี แต่เสด็จแม่อาจเข้าใจผิด อันที่จริงถึงอาเจินจะเที่ยวเตร่ไปบ้าง แต่เขาก็เป็สหายที่ดี”
ฮองเฮาขมวดคิ้ว “เป็สหายที่ดีหรือ? ทุกคนต่างลือกันให้ทั่วว่าเขาใช้เงินมากมายไปกับหญิงสาวในหอคณิกา! เช่อเอ๋อ เ้าลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราเป็อย่างไร?”
คนเป็มารดาอย่างนางทนเื่ไร้สาระเช่นนี้ไม่ได้
หางตาของเย่เช่อกระตุกในขณะที่กล่าวว่า “เสด็จแม่ ลูกเข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวล ลูกจะติดต่อกับซูเจินให้น้อยลง”
ท่าทีอันอ่อนโยนของเย่เช่อทำให้ฮองเฮารู้สึกผิดเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วมารดาและบุตรชายก็ไม่ได้พบกันมากว่าสิบห้าปี ดังนั้นการดุด่าเขาจึงออกจะเป็เื่ที่เกินเลยไปหน่อย นางจึงเปลี่ยนน้ำเสียงและกล่าวว่า
“เช่อเอ๋อ เ้าต้องนึกถึงความพยายามและความอุตสาหะของตนเองด้วย”
ทั้งสองพูดคุยกันจนถึงเช้า ส่วนเหล่านางกำนัลก็เริ่มวุ่นอยู่กับงานของตนเอง
ฮองเฮาออกคำสั่งกับพวกนางอย่างมีระเบียบ จากนั้นก็กล่าวกับเย่เช่อว่า “หลังทานอาหารเช้าแล้วก็ไปพบเสด็จพ่อของเ้าเถอะ”
เย่เช่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ลูกยังมีเื่ต้องจัดการ ลูกจะมาหาเสด็จแม่อีกครั้งในคืนนี้”
ฮองเฮาผงะเล็กน้อย “ไม่ต้องรีบร้อน เ้าควรไปพบเสด็จพ่อของเ้าก่อน ไม่อย่างนั้นเขาอาจไม่พอใจได้”
หลังจากที่มารดาและบุตรชายทานอาหารเช้าร่วมกันแล้ว เย่เช่อก็ขอตัวและจากไปอย่างรวดเร็ว
ที่พักของเขาในเมืองอวิ๋นเมิ่งเป็เพียงเรือนเล็กๆ ในจวนเสนาบดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากวังเขาไม่ได้ไปที่จวนเสนาบดี แต่กลับตรงไปที่จวนแม่ทัพเจิ้นหนาน
เขาไม่คิดถึงจวนเสนาบดีเลย
สิ่งเดียวที่ผูกมัดเขาไว้ที่นั่นคือมารดากับน้องสาวเท่านั้น!
เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ในเมืองอวิ๋นเมิ่งที่ใหญ่โต สถานที่แห่งเดียวที่เขาไปได้มีเพียงจวนแม่ทัพใหญ่เท่านั้น
ไม่รู้ว่าตอนนี้ปี้เหยียนกำลังทำอะไรอยู่?
เมื่อนึกถึงนาง มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ในไม่ช้าเขาก็มาถึงจวนแม่ทัพเจิ้นหนาน
ฮั่วฉีอวี่คุณชายใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ ออกมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าจะต้องมาที่นี่ ไม่สิ เ้ามาที่นี่เหมือนที่ข้ากล่าวไว้เลย”