บทที่ 77 ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ
น่าใที่เหอเสวี่ยฉินก็มีลูกเล่นแพรวพราวใช่ย่อย ไม่อย่างนั้นคนอย่างโจวเป่าเฉิงที่เอาแต่กินนอนแถมยังเกเร ใครๆ ก็คงไม่ยกลูกสาวให้ ไม่เว้นแม้แต่หมู่บ้านผานสือหรือแม้แต่ทั่วทั้งประชาคมชีหลี่ คนดีๆ ที่ไหนเขาจะเอาลูกสาวให้กัน
อันฉินทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ต้องทำความสะอาดคอกหมูมาหลายวัน เธออยากจะไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้ากองงาน แต่ลู่หรงฟาไม่ชอบใจยุวปัญญาชนหญิงที่ชอบก่อเื่คนนี้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เพราะพวกเธอทำให้ลู่หรงฟาเสียหน้าอย่างมากต่อหน้าผู้คนในประชาคม เขาก็ยิ่งไม่ชอบหน้าอันฉินเข้าไปใหญ่
ให้เขาเปลี่ยนงานให้เธอเหรอ? ขอโทษทีนะ ถ้าหากเธอรังเกียจการตักขี้หมูก็ไปดูดส้วมซะสิ
สองงานนี้ไม่ใช่งานดีอะไร อันฉินทำไปบ่นไป แถมยังโดนพวกยุวปัญญาชนคนอื่นๆ บ่นใส่อีกด้วย เื่ทั้งหมดมันไม่น่าเกิดขึ้นเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็คนยุยง
หลังจากที่อันฉินแทบจะทนไม่ไหว เหอเสวี่ยฉินก็มาหาเธอ
โจวเป่าเฉิงออกจากโรงพยาบาล สุขภาพฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเขาแค่ไปแช่อยู่ในส้วมเหม็นๆ มาหนึ่งคืนเท่านั้น
แต่ปัญหาคือนับแต่นั้นมา ตรงนั้นของเขามันดูเหมือนจะไม่แข็งตัวอีกเลย เื่นี้ทำให้เหอเสวี่ยฉินร้อนใจแทบแย่ แอบพาเขาไปหาหมอ ลับหลังก็กินยาไม่น้อย ตอนนี้ในที่สุดมันแข็งตัวได้แล้ว แต่มันก็แค่หนึ่งนาทีเท่านั้น
เมื่อก่อนโจวเป่าเฉิงไม่อยากแต่งงานเลยสักนิด ถ้าแต่งงานก็จะมีคนมาคอยควบคุมเขา เขาอยากจะสำมะเลเทเมาก็ทำไม่ได้ ถ้าถูกจับได้ก็จะติดคุก ตอนนี้เขาร้อนใจแล้ว ถ้าเื่นี้ถูกคนอื่นรู้เข้า ใครจะอยากแต่งงานกับเขากันล่ะ? แถมต่อไปเขายังจะต้องสืบสกุลให้ตระกูลโจวอีกด้วย เหอเสวี่ยฉินเลยคิดว่าจะรีบหาเมียให้เขาก่อนดีกว่า ยิ่งมีลูกได้ยิ่งดี
โจวเป่าเฉิงอยากแต่งงานกับใคร ตัวเลือกแรกต้องเป็ฟางย่วนย่วนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ใช้วิธีการแบบนั้นเพื่อให้ฟางย่วนย่วนยอมจำนนหรอก แต่สวี่จือจือขัดขวางเื่ดีๆ ของเขา แถมตอนนี้ฟางย่วนย่วนก็ฉลาดขึ้นมาก ไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียวเลย เขาอยากจะใช้วิธีเดิมอีกครั้งก็หาโอกาสลงมือไม่ได้
ยุวปัญญาชนตัวเล็กที่ชื่อเกาจิงจิงก็สวยเหมือนกัน แต่ขี้กลัวไปหน่อย ไปไหนมาไหนด้วยกันกับฟางย่วนย่วน เป็คนที่ลงมือไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นโจวเป่าเฉิงจึงทำได้แค่ต้องลดตัวเลือกลง
อันฉินถือว่าเป็ยุวปัญญาชนที่หน้าตาดีที่สุด แถม่เวลานี้ก็เป็่เวลาที่เธอเ็ปที่สุด พวกเขายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ อันฉินจะไม่ตอบตกลงอย่างรวดเร็วได้ยังไง?
ในสายตาของเหอเสวี่ยฉิน สิ่งที่โจวเป่าเฉิงเสนอมาไม่ว่าจะเป็ฟางย่วนย่วนหรือเกาจิงจิงก็ไม่ได้ผล การบังคับขืนใจยังไงก็ไม่เหมือนกับคนที่เป็น้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพวกเขา วันหน้าชีวิตคงไม่ยืนยาว
สิ่งที่เธอ้าก็คือความเต็มใจของอันฉิน ส่วนเื่ที่อันฉินเสนอมาเื่โควต้าครูโรงเรียนประถม ในที่สุดเหอเสวี่ยฉินก็ตกลง แต่ต้องรอให้อันฉินกับโจวเป่าเฉิงแต่งงานกันก่อนถึงจะให้ได้
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง?” อันฉินกล่าว “ถ้าเกิดพวกคุณหลอกให้ฉันแต่งงานกับลูกชายของคุณ พอแต่งงานแล้วก็ไม่ให้งานฉันทำล่ะ?”
“ถ้าเกิดฉันหางานให้เธอแล้ว เธอผิดคำพูดขึ้นมาล่ะ?” เหอเสวี่ยฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ก็แค่ทั้งสองคนไม่ไว้ใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายก็เลยใช้วิธีประนีประนอม ให้อันฉินกับโจวเป่าเฉิงหมั้นกันก่อน รอให้อันฉินได้เป็ครูแล้วค่อยแต่งงานกัน
คราวนี้ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ
ถึงแม้ว่าการหมั้นหมายในชนบทจะไม่เหมือนสมัยนี้ที่ต้องจัดงานเลี้ยงอะไร แต่ก็ต้องเชิญคนที่น่าเคารพนับถือมากินเลี้ยงด้วย
หลังจากที่อันฉินตอบตกลงแล้ว เหอเสวี่ยฉินก็เลือกวันดีแล้วเริ่มจัดการ แต่เธอก็รู้ว่าถ้าเื่นี้ได้คุณนายลู่ออกหน้าก็จะมีหน้ามีตามากขึ้น
“คุณแม่ นี่คือเค้กไข่ที่ฉันไปเจอมาที่ประชาคม ทั้งนุ่มทั้งหวาน คุณแม่ลองชิมดูนะคะ”
เหอเสวี่ยฉินยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้ว่าลับหลังเธอจะสาปแช่งหญิงชราแค่ไหน แต่ความจริงแล้วเธอก็ยังหวังว่าหญิงชราจะมีอายุยืนยาวเป็ร้อยปี เพื่อที่จะได้นำผลประโยชน์มาให้พวกเขา
“ไม่กิน” หญิงชรากล่าวโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง “แก่แล้ว กินของหวานพวกนี้แล้วเจ็บหน้าอก”
เหอเสวี่ยฉิน “...”
เธอกำลังไม่รู้ว่าจะควบคุมสีหน้าของตัวเองยังไง ก็ได้ยินคุณนายลู่กล่าวว่า “ว่ามา มีอะไร?”
“่นี้หวยเหรินไม่อยู่บ้าน ฉันเลยมาปรนนิบัติคุณแม่ค่ะ” เหอเสวี่ยฉินยิ้มเจื่อนๆ กล่าว
“อ้อ” คุณนายลู่พยักหน้า “มีน้ำใจนะ ในเมื่อไม่มีอะไรก็เอาของพวกนี้ไปเถอะ ฉันจะงีบสักหน่อยแล้ว”
เหอเสวี่ยฉิน “...” ยายแก่เอ๊ย ทำให้เธอโมโหแทบตายแล้ว!
แต่บนใบหน้ากลับยังคงยิ้มแย้มกล่าวว่า “ฉันหาคู่หมั้นให้เป่าเฉิงได้คนหนึ่ง ก็เลยอยากจะพาสาวมาให้คุณแม่ได้เห็นหน้าค่าตาหน่อยค่ะ”
“อ้อ” คุณนายลู่หรี่ตาลงแล้วงีบหลับ “ไม่ต้องดูหรอก เธอเป็แม่ เธอว่าดีก็ดีแล้ว”
“จะเป็แบบนั้นได้ยังไงคะ?” เหอเสวี่ยฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป่าเฉิงไม่ว่าจะยังไงก็โตมาในสายตาคุณแม่นะคะ ตอนนี้กำลังจะแต่งงาน จะไม่ให้คุณแม่ได้เห็นหน้าค่าตาได้ยังไงคะ?” แต่ในใจกลับเกลียดชังแทบตาย
ตอนนั้นลู่จิ่งซานแต่งงาน ั้แ่การดูตัวไปจนถึงการวางแผนเื่งานแต่ง หรือจะเชิญใครมาเป็แม่สื่อ ล้วนแล้วแต่เป็คุณนายลู่ที่จัดการให้ทั้งนั้น ทำไมพอมาถึงเป่าเฉิงของเธอ ถึงขนาดไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าสักหน่อย
“ถึงแม้เขาจะเติบโตมาในตระกูลลู่ของฉัน แต่ตระกูลลู่ของฉันก็แค่ให้ที่พักอาศัยและอาหารการกินเขามาตลอดหลายปีมานี้ ไม่เคยอบรมสั่งสอนเขาเลยสักวัน เื่เมียเื่จึงไม่เหมาะที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว” คุณนายลู่โบกมือแล้วกล่าวอีกว่า “ให้คู่หนุ่มสาวอยู่กับพวกเราต่อไปคงไม่เหมาะ
เดี๋ยวฉันจะบอกกับหรงฟา ดูว่าในหมู่บ้านยังมีบ้านว่างๆ เหลืออยู่บ้างไหม หรือว่าพวกเธออยากจะสร้างใหม่?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขออนุมัติที่ดินแล้วสิ” คุณนายลู่ขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด “แต่เื่อนุมัติที่ดินนี่มันไม่ง่ายเลยนะ ยังมีคนที่เข้าคิวรอมาสองสามปีแล้วยังไม่ได้รับการจัดสรรเลย”
เหอเสวี่ยฉินถึงกับชะงักไปทั้งตัว เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองแค่้าจะขอให้คุณนายลู่เปิดปากเชิญคนที่น่าเคารพนับถือมาให้ลูกชายของเธอได้หน้าได้ตา ทำไมถึงกลายเป็ว่าจะไล่ลูกชายของเธอออกไปซะได้?
“คุณแม่” เหอเสวี่ยฉินปรับตัวอย่างรวดเร็วแล้วกล่าว “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันคิดเอาไว้หมดแล้ว รวมห้องที่เป่าเฉิงเคยกับห้องข้างๆ เข้าด้วยกัน แล้วก็ทาสีใหม่ทำความสะอาดสักหน่อย” เหอเสวี่ยฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ใช้เป็ห้องหอได้แล้วค่ะ”
“สะใภ้รอง” คุณนายลู่อยู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมองเธอ แล้วยิ้ม “รวมห้องเหรอ? แล้วเธอจะให้จิ่งเหนียนไปอยู่ที่ไหน?”
ห้องนั้นเดิมทีเป็ห้องใหญ่ ตอนนั้นคิดว่าจะให้ลู่จิ่งเหนียนกับโจวเป่าเฉิงอยู่ด้วยกัน แต่ทั้งสองคนทะเลาะกันั้แ่เด็กๆ ไม่ต้องพูดถึงเื่นอนห้องเดียวกันเลย ดังนั้นคุณนายลู่ก็เลยหาคนมากั้นกำแพง แบ่งคนละครึ่ง
แต่ต่อมาลู่จิ่งเหนียนเป็พ่อค้าเก็งกำไรก็เลยขอให้คุณนายลู่สร้างโรงเก็บของให้เขาในสวนหลังบ้าน ต่อมาเขาก็เอาเตียงไปตั้งไว้ข้างใน ส่วนใหญ่ก็จะนอนอยู่ที่นั่น
“จิ่งเหนียนไม่ได้อยู่ด้านหลังตลอดเหรอคะ?” เหอเสวี่ยฉินยิ้มอย่างอ่อนแรงกล่าว
คุณนายลู่ไม่ได้พูดอะไร มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย “ฉันจำได้ว่าจิ่งเหนียนอายุน้อยกว่าเป่าเฉิงแค่ปีเดียว”
มือของเหอเสวี่ยฉินที่วางอยู่บนตักกำชายเสื้อของตัวเองแน่น
“ไปดูบ้านเถอะ” คุณนายลู่กล่าวอย่างเหนื่อยล้า “พอไปดูมาดีแล้วก็บอกกับหรงฟา”
นี่คือยังไงก็จะไล่ลูกชายของเธอออกไปให้ได้ใช่ไหม!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้