หลิงชวนเข็นรถเข็นให้จี๋โม่หาน ทุกคนมาถึงที่เรือนหลังของจวนอ๋อง หลังจากมาถึงด้านหน้าศาลาที่เรือนหลังก็หยุดลง
หลิงชวนเดินไปตรงหน้าโคมไฟที่ห้อยอยู่ที่ศาลา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นไปปิดโคมไฟ
จากการกระทำของเขา ไม่รู้ว่าเสียงกริ๊กเบาๆ ดังมาจากตรงไหน ต่อมาพื้นหินก็เริ่มแยกตัวออกเป็สองด้าน เผยให้เห็นบันไดหินลงไปด้านล่าง
เป็ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเส้นทางลับซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนี้
จี๋โม่หานยืนขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในทางลับ
หลังจากลงบันไดไปแล้วก็เป็อีกเส้นทางหนึ่ง กำแพงทั้งสองข้างทางแขวนโคมที่ทำมาจากของพิเศษซึ่งให้แสงสว่างได้ตลอด ไม่มีทางดับ
เส้นทางยาวมากและตรงไปถึงจิ่นชางเก๋อที่อยู่ในเมือง
จิ่นชางเก๋อเป็อำนาจที่ก่อนหน้านี้จี๋โม่หานได้สร้างเอาไว้อย่างลับๆ ในเมืองหลวง
อีกด้านหนึ่ง ซูิเยว่ก็รออยู่ในจวนด้วยใจที่ร้อนรน ที่นางเอาแต่รอเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีทางออก ตอนนี้ข่าวลือด้านนอกลือกันไปไกลแล้ว
แต่ทางด้านวังก็ยังไม่มีข่าวอะไรออกมา บางทีฮ่องเต้คงจะลงมือไปแล้ว เพียงแต่นางไม่รู้ก็เท่านั้น อีกทั้งยังไม่รู้สถานการณ์ของจี๋โม่หานว่าเป็อย่างไรบ้าง
คิ้วของซูิเยว่ขมวดเข้าหากันแน่นตลอด ตอนที่ตัวเองเจอปัญหาเข้า นางยังคงรักษาความสงบได้ แต่ตอนนี้เกิดเื่กับจี๋โม่หานเข้า นางไม่อาจสงบจิตใจลงได้เลย
“หนิงหยวน เสี่ยวอวี่ ตามข้ามา” ซูิเยว่ถอนหายใจลึกๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ “พวกเราจะนั่งรอความตายแบบนี้ไปตลอดไม่ได้”
สถานการณ์ในตอนนี้ หนิงหยวนไม่อยากให้ซูิเยว่ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเื่นี้ แต่หากซูิเยว่ตัดสินใจแล้ว เขาก็จะเคารพการตัดสินใจนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข
ทั้งสามคนออกจากหอฮวาซี ตอนที่เพิ่งจะเดินไปถึงเรือนหน้า พวกเขาก็เจอกับซูโม่ที่เข้ามาจากนอกจวน
สีหน้าของซูโม่เคร่งขรึม บนตัวสวมชุดที่ไปประชุมมาเมื่อเช้า
ดวงตาของซูิเยว่ปรากฏร่องรอยครุ่นคิด ในเวลานี้ซูโม่ควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว เหตุใดวันนี้ถึงได้กลับมาช้านัก
พอคิดเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งมีความคิดที่อยากจะค้นหาให้ลึกขึ้นไปอีก
ซูิเยว่ก้าวไปหนึ่งก้าว แสร้งทำเป็ไม่รู้อะไรเลยแล้วกล่าว “สวัสดีเ้าค่ะท่านพ่อ เหตุใดวันนี้ท่านพ่อถึงกลับมาช้ากว่าทุกๆ วันเ้าคะ?”
ฝีเท้าของซูโม่ชะงักไป ดวงตาสีเข้มมองนางก่อนจะพูดเสียงเย็น “มีเื่บางอย่างทำให้ล่าช้า”
ซูิเยว่ลอบพูด จิ้งจอกเฒ่า ระมัดระวังจริง
“จริงหรือเ้าคะ เช่นนั้นก็ลำบากท่านพ่อแล้ว”
สองมือของซูโม่ไพล่หลังไว้ ดวงตามองไปยังเสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนที่อยู่ด้านหลังของนาง เพียงครู่เดียวใบหน้าก็มีแววครุ่นคิดแล้วก็หายไปจนไม่ทันจับได้ “เ้าจะออกจากจวนไปทำอะไรหรือ?”
ซูิเยว่หัวเราะแล้วตอบตามความจริง “อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานเลี้ยงวันเกิดของไทเฮาเหนียงเหนียงแล้ว ลูกกำลังจะไปเลือกของขวัญเ้าค่ะ”
คำตอบของนางไม่ทำให้ซูโม่สงสัย ซูโม่พยักหน้าน้อยๆ “ไปเถิด แต่ว่าด้านนอกวันนี้วุ่นวายเล็กน้อย รีบกลับมาก็แล้วกัน”
“เ้าค่ะ ลูกจะรีบกลับ”
ซูโม่พูดจบก็เดินจากไป ฝีเท้ามีความรีบร้อนเล็กน้อย
ซูิเยว่ยืนอยู่ที่เดิมจ้องแผ่นหลังนั้น ลางสังหรณ์ของนางบอกว่าที่ซูโม่กลับช้าในวันนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเื่จี๋โม่หาน
“ไป” ซูิเยว่ดึงสายตากลับมา ใบหน้ากลับมาจริงจังอีกครั้ง
หลังจากทั้งสามคนออกจากจวนมาแล้วก็รีบมุ่งหน้าไปที่จวนองค์ชายสาม ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ต้องไปดูว่าตอนนี้สถานการณ์เป็อย่างไร
นางรู้ว่าเล่ห์เหลี่ยมของจี๋โม่หานนั้นลึกล้ำเกินกว่าที่เขาแสดงออกทางสีหน้า แต่นางก็ยังไม่วางใจ
ทุกคนที่เจอบนถนนต่างพูดถึงเื่ที่จี๋โม่หานทรยศ ความรุนแรงของเื่นี้หนักกว่าที่ซูิเยว่คิดเอาไว้
จนกระทั่งใกล้จะถึงจวนองค์ชายสาม ทั้งสามคนก็ไม่ได้รีบร้อนตรงเข้าไป แต่กลับหามุมหนึ่งเพื่อพิจารณาก่อน
ด้านนอกจวนองค์ชายสามมีทหารมาคุ้มกันแ่า และไม่ใช่คนของจี๋โม่หาน แต่เป็ราชองครักษ์ในวัง
“คุณหนู คนของฝ่าาขอรับ”
คิ้วของหนิงหยวนขมวดเข้าหากันแน่น น้ำเสียงเคร่งเครียด ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว คาดว่าแม้แต่นกก็บินเข้าไปไม่ได้
ซูิเยว่ก้มหน้าไม่ได้พูดอะไร ในหัวมีความคิดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางคิดว่ายังมีวิธีอะไรอีกที่จะสามารถติดต่อจี๋โม่หานได้
ในตอนนี้เอง เสียงพูดคุยของคนหลายคนที่กำลังดื่มชาอยู่ในร้านชาข้างๆ ดังเข้าหูมา
“นี่ เมื่อเช้าพวกเ้าเห็นหรือไม่ เหตุการณ์นั้นน่ะ ฮ่องเต้มาเองเลยนะ”
“จริงหรือ ฮ่องเต้พาองค์ชายห้าแล้วก็สกุลซูมา ด้านหลังยังมีทหารราชองครักษ์เป็ร้อยมาล้อมจวนอ๋อง สถานณ์ในตอนนั้นยิ่งใหญ่มากเลยนะ”
ซูิเยว่ได้ยินถึงตรงนี้ก็เข้าใจทันที ที่แท้ซูโม่ก็มาตรวจค้นจวนด้วยนี่เอง ถึงว่าวันนี้ซูโม่กลับช้าขนาดนั้น
“ก็ลือกันให้ทั่วเลยไม่ใช่หรือ บอกว่าองค์ชายสามพยายามทรยศแคว้น แอบฝึกฝนกองกำลังทหารเอาไว้”
อีกคนก็รีบต่อบทสนทนาทันทีแล้วหัวเราะ “แต่ว่านะ เหมือนจะหาอะไรไม่เจอเลย ฝ่าาเลยต้องกลับไปทั้งใบหน้าโมโห แล้วยังสั่งให้ทหารปิดล้อมจวนอ๋องเอาไว้อีก ออกคำสั่งให้องค์ชายสามอยู่แต่ในจวน”
อีกคนกดเสียงให้เบาลงแล้วพูดเสริมทับ “ที่จริงเื่นี้ข้าไม่เชื่อหรอก องค์ชายสามตาบอดมาหลายปีแล้ว ทั้งยังนั่งรถเข็นอีก จะไปวางแผนฏได้อย่างไรกัน”
หนิงหยวนฟังทุกคำพูดเอาไว้ทุกคำ
“คุณหนู ตอนนี้องค์ชายสามถูกขังอยู่ในจวนขอรับ พวกเราเข้าไปไม่ได้ จะทำอย่างไรดีขอรับ?”
ซูิเยว่เก็บสายตาที่มองคนที่ดื่มชาพวกนั้นอย่างพิจารณาเงียบๆ มือกำหมัดแน่น สีหน้าเย็นเยียบ “หากไม่ได้เจอเขา ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเราทำได้แค่กลับไปก่อนแล้วค่อยวางแผนกัน”
จวนอ๋องถูกควบคุมอย่างแ่า ถ้าจะให้ฝืนบุกเข้าไปนั้น นางไม่มีทางทำแน่นอน เดิมทีนางคิดวิธีเอาไว้แล้ว แต่ตอนนี้แม้แต่ตัวของจี๋โม่หาน นางก็ไม่ได้เจอ
ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงมาปกคลุมรอบตัว ทุกครั้งที่นางตกอยู่ในอันตราย จี๋โม่หานมักจะมาช่วยนางในเวลาสำคัญเสมอ ตอนนี้เป็เขาที่เป็ฝ่ายพบเจอกับปัญหา แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้เลย
ทั้งสามคนที่คิดว่าจะกลับไปก่อนแล้วค่อยวางแผนใหม่ ในตอนนี้เองก็มีคนแปลกหน้าสวมชุดธรรมดาเดินมาตรงหน้าพวกเขา ซูิเยว่ใก่อนจะระมัดระวังขึ้นมาทันที
“คุณหนูซู” คนที่มาเรียกนามของนางออกมา
กระบี่ที่เอวของหนิงหยวนถูกชักออกมาครึ่งหนึ่ง
“เ้าเป็ใคร?” ซูิเยว่จ้องคนตรงข้ามด้วยแววตาไม่เป็มิตร
คนคนนั้นหยิบป้ายที่สลักตัวอักษรจิ่งออกมาจากอกแล้วเอ่ยเสียงเบา “เ้านายเดาว่าคุณหนูซูจะมาหาเขาจึงสั่งให้ข้าน้อยมารออยู่ที่นี่ ตอนนี้องค์ชายสบายดี เขาให้ข้ามาพาท่านไปที่แห่งหนึ่งขอรับ”
“ใครจะรู้ว่าป้ายของเ้าเป็ของจริงหรือของปลอม?” หนิงหยวนไม่เชื่อง่ายๆ ยังคงรักษาท่าทีระมัดระวัง
“เสี่ยวหยวน” ซูิเยว่เอ่ย แววตาจ้องไปยังแผ่นป้ายนั้นตลอด “ป้ายนี้เป็ของจริง”
แผ่นป้ายนี้นางเองก็มีอยู่แผ่นหนึ่ง ดังนั้นนางจึงจำได้ แผ่นป้ายของจี๋โม่หานล้วนทำมาจากทองพิเศษ แค่มองปราดเดียวก็มองออกแล้วว่าจริงหรือปลอม
“ตอนนี้เ้านายของเ้าอยู่ที่ไหน?”
พอซูิเยว่ได้ยินว่าจี๋โม่หานไม่เป็อะไร ในใจก็วางใจขึ้นเยอะ
“คุณหนูซูตามข้ามาก็จะรู้ขอรับ” คนคนนั้นไม่ได้พูดมาก จากนั้นก็พาพวกซูิเยว่ไปยังรถม้าที่จอดอยู่ในตรอกไม่ไกล
รถม้าขับออกไปได้ประมาณหนึ่งเค่อก็หยุดลงที่ประตูด้านหลังจิ่นชางเก๋อ
“ถึงแล้วขอรับคุณหนูซู”