เสียงฝีเท้าขององครักษ์สองนาย วิ่งเข้ามาหาหยวนเฟิงอ๋องที่กำลังนั่งอ่านตำราภายในจวน ด้านหน้ามีชาร้อน ๆ โชยควันขึ้นมา ชายหนุ่มในชุดสีดำปักลายั หันมองไปยังองครักษ์ทั้งสองด้วยสายตาเรียบนิ่ง เฉยชา ไร้ซึ่งความรู้สึก พลันเปิดตำราอ่านต่ออย่างใจเย็น...
“มีเื่ด่วนอะไร จากวังหลวง?” เขาถามด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ ก่อนองครักษ์ทั้งสองน้อมกายลงแล้วตอบกลับ
“ร่างของจางเหยียนหลิง นอนหมดสติอยู่หน้าตำหนัก จะให้พวกข้าน้อยนำหมอหลวงมารักษาหรือไม่?” มือที่กำลังพลิกหน้ากระดาษหยุดนิ่ง รอยยิ้มบางฉายขึ้นที่มุมปากอย่างเ็า
“หญิงที่เย่อหยิ่ง กล้าปฏิเสธข้า? ปล่อยให้นางตายไปน่ะดีแล้ว”
“แต่ว่า...” องครักษ์ทำท่าคิดหนัก ก่อนองครักษ์อีกคนนามว่าจิ้นหาน น้อมกายลงแล้วเอ่ยขึ้น
“ข้าน้อยได้ข่าวมาจากวังหลวงเพิ่มเติมว่า อีกไม่นานสามีของนาง จะจัดพิธีแต่งงานใหม่ ข้าน้อยเดาว่าที่นางเป็เช่นนั้น...” ยังไม่ทันพูดจบ หยวนเฟิงอ๋องก็เอ่ยขึ้น
“พิธีแต่งงานใหม่ กับหญิงใด?”
“บุตรสาวเสนาบดีกรมพระคลัง” องครักษ์น้อมกายตอบด้วยกิริยาอ่อนน้อม ก่อนรอยยิ้มมุมปากของชายสูงศักดิ์จะเผยออกมาเบา ๆ
“สุดท้ายกลับมาหาข้า...เหมือนสุนัขไร้เ้าของที่ถูกทิ้ง!” เขากล่าว พลางจิบชาเบา ๆ หยุดนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะวางตำราในมือ แล้วลุกขึ้นเดินไปยังหน้าจวน
สองเท้าก้าวออกมาด้วยท่วงท่าสง่างาม พร้อมสายลมอ่อนพัดปะทะกาย แม้ในอาภรณ์หนาหลายชั้นยังรู้สึกถึงความเย็นะเื ทว่าอีกฝ่ายมีเพียงอาภรณ์บางคลุมกายเท่านั้น
เขาทอดสายตามองนาง ที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นดินแห้ง ๆ ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก นางเด็ดเดี่ยวพอที่กล้าทิ้งตำแหน่งชายาอ๋อง เลือกใช้ชีวิตกับบัณฑิตยากจน มานานนับปี...
หยวนเฟิงอ๋องย่อตัวลง เอียงศีรษะมองหญิงสาวที่ไม่เหลือเค้าเดิม แล้วใช้มือจิ้มไปที่หน้าผากนางเบา ๆ ก่อนอีกฝ่ายจะเปิดเปลือกตามองอย่างคนไร้เรี่ยวแรง
“ไร้เ้าของแล้ว จะกลับมาหาข้างั้นเหรอ?” เขาถามเสียงเรียบ ไร้ซึ่งความเมตตาใด ๆ ต่อนาง
“ช่วยลูกของข้าด้วย... ข้าถูกหลอกให้กินยาขับเื...” นางรวบรวมกำลังได้มากสุดเท่านั้น ก่อนจะหมดสติไปพร้อมเืไหลเป็ทางออกมาจากขา หยวนเฟิงอ๋องเอียงศีรษะเล็กน้อย พลันลุกขึ้นยืนมองร่างของนาง แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“ผลของความโง่ ย่อมเป็เช่นนี้” จากนั้นหันไปยังองครักษ์ประจำกาย
“ตามหมอมารักษานาง”
“ขอรับ” หลังจากนั้น ร่างของนางก็ถูกคนของหยวนเฟิงอ๋อง พาเข้าไปในตำหนัก ท่ามกลางสายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะกาย สายตาเรียบเฉยของเขา มองตามร่างเล็กไป โดยไม่เผยความรู้สึกใดออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน...พิธีมงคลสมรส ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างสกุลไป๋กับสกุลหลี่ เหล่าขุนนางกรมต่าง ๆ ร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง ของหมั้นและอาหารมากมาย ถูกจัดมาต้อนรับแเื่
ผ้าสีแดงผูกไว้ตามมุมต่าง ๆ อย่างสวยงาม พร้อมเสียงแสดงความยินดีดังขึ้นเป็ระยะ ใบหน้าของหลี่ชิงหลีเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม นางคิดไม่ถึงว่า วาสนาของบุตรชายจะมีมากมายถึงเพียงนี้
“เชิญนั่งก่อน เดี๋ยวข้าจะให้เด็กนำอาหารออกมา เชิญ ๆ” หญิงชราออกมาต้อนรับแขกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองภาพรวมของงานด้วยความปลื้มใจ
ไม่นานนักเกี้ยวเ้าสาวก็เดินทางมาถึงจวนสกุลหลี่ ชายหนุ่มในชุดสีแดงใบหน้าหล่อเหลา ยืนต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เอื้อมมารับเ้าสาวแสนสวย ที่อยู่ในชุดสีแดงสด
“ข้าฝากนางด้วยนะ” มารดาของเ้าสาวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองตระกูลต่างน้อมกายลงทักทายเป็บรรยากาศสุดแสนมีความสุข
ทว่าเื้ับรรยากาศงดงามนั้น ยังมีใครอีกคน ที่ยืนน้ำตาไหลพราก แอบมองทุกอย่างอยู่ไกล ๆ เพียงลำพัง พร้อมความคิดในอดีตผุดขึ้นมา
“เหยียนหลิง ลำพังขายภาพวาดอย่างเดียว ข้าคิดว่าคงไม่พอส่งให้หลี่เทียนจิน เข้าสอบในวังหลวงได้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมาย เ้าเอาร้านสมุนไพรไปจำนำก่อนได้หรือไม่” สายตาเศร้าของหญิงชรา ทำให้เหยียนหลิงนิ่งทบทวน แม้เป็สมบัติชิ้นเดียวที่บิดาเหลือทิ้งไว้ แต่ด้วยความรักบังตา ทำให้นางยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“หากหลี่เทียนจินสอบเป็จิงซื่อได้ ข้าจะให้เขาไปไถ่ร้านสมุนไพรคืน” เมื่อคนที่นางเคารพกล้าเอ่ยปาก นางจึงยิ้มแล้วพยักหน้ายอมรับ ก่อนหญิงชราคนจะเดินเข้ามาแล้วจับมือนางเบา ๆ
“การสอบเป็บัณฑิตของเทียนจิน หากไม่ได้เ้าคอยส่งเสีย เป็ไปไม่ได้เลยที่เขาจะสอบได้ ตอนนี้เขาต้องสอบเข้าชิงเป็จิงซื่อ ก็ยังไม่พ้นเ้าอีกเช่นเคย ครอบครัวเราเป็หนี้บุญคุณเ้าแล้วจริง ๆ” น้ำคำอบอุ่นนั้น ทำให้หญิงสาวโอบกอดหญิงชราด้วยความรัก พลันตอบกลับ
“ในเมื่อเขารักข้า และข้าก็รักเขา..เราต่างเป็ครอบครัวเดียวกัน..ดังนั้นการเห็นเขาได้เติบโตเป็สิ่งที่ข้าควรทำ เพื่อสักวันเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” หญิงกลางคนพยักหน้าเข้าใจ
สายตาแดงก่ำของจางเหยียนหลิง มองตรงไปยังบ่าวสาวที่อยู่ในชุดสีแดงสด ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข...นางพยายามมองสามีของตนแล้วพิจารณาอย่างละเอียด พบว่าเขาไม่มีท่าทีของคนที่ถูกบังคับ จนอดคิดไม่ได้ว่าทุกอย่างล้วนเป็ความ้าของเขาเองด้วยซ้ำ
กลับกัน...หากย้อนไปก่อนหน้า เื่พิธีแต่งงานของนาง แม่สามีและสามีไม่เคยเอ่ยถึง ทว่านางรู้ตัวว่าเป็แค่หญิงชาวบ้านธรรมดาสามัญ จึงเจียมเนื้อเจียมตัวไม่เรียกร้อง เพราะคิดว่าหัวใจได้หลอมรวมเป็หนึ่งแล้ว เื่แต่งงานคงไม่จำเป็สำหรับพวกเขา
ทว่าทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็จิงซื่อ แม่สามีจากที่เคยเอ็นดูกลับมีท่าทีแข็งกร้าว ทำอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด ที่เคยรับปากว่าจะไถ่ร้านสมุนไพรคืนมาก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำตาม อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ท้ายที่สุดแล้วนางก็โดนผลักไสให้ออกจากจวนสกุลหลี่อย่างคนไร้ค่า ไร้ความหมาย...
ดวงตากลมโตที่เอ่อด้วยน้ำตา ยังคงมองตรงไปยังจวนสกุลหลี่ มองภาพงานแต่งอีกครั้งด้วยหัวใจแตกสลาย ก่อนแปลเปลี่ยนทุกอย่างเป็ความคับแค้นใจ พลันกำมือน้อย ๆ แน่นจนสั่นระริก
‘พวกมันทั้งหมด จะต้องชดใช้ให้เราสองแม่ลูก!’ หญิงสาวกัดฟันแน่น น้ำตารินไหลออกมาเป็สาย หลังจากได้รับการรักษา หมอหลวงแจ้งว่าทารกในครรภ์ ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก เพราะตายไปหลังจากรับยาขับ..
หญิงสาวเก็บความคับแค้นไว้ในใจ พลันหันตัวดึงผ้าขึ้นมาคลุมศีรษะแล้วเดินกลับตำหนักหานเยี่ยไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเดินกลับมาถึงตำหนัก...บ่าวรับใช้รีบวิ่งเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“หยวนเฟิงอ๋องเรียกพบ รออยู่ที่ศาลาในสวน” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงดึงผ้าที่คลุมศีรษะออก แล้วตัดสินใจเดินตรงไปยังสวนกลางจวน ที่มีต้นไม้และดอกไม้สวยงามปลูกลดหลั่น ให้ความร่มรื่น สองเท้าเล็กเดินเข้ามาหาชายหนุ่มสูงศักดิ์ เดิมทีเขาเคยขอให้นางขึ้นเป็ชายาของเขา ทว่าด้วยความรักบังตาทำให้นางปฏิเสธโอกาสนั้นไปอย่างไม่นึกเสียดาย
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งวางหมากบนกระดานเพียงลำพัง ท่ามกลางสายลมพัดโชยมาเป็ระยะ อาภรณ์สีดำไสวไปมาตามแรงลม ร่างของนางเดินมาหยุด แล้วน้อมกายลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ
“ยังไม่หยุดอาลัยความรักโง่ ๆ ของเ้าอีกเหรอ?” เขาถามพลางปรายตามองนาง เมื่อเห็นการแต่งกายของอีกฝ่าย ก่อนหญิงสาวก้มหน้าลงไม่ตอบคำถาม ปล่อยให้ทุกอย่างนิ่งเงียบเช่นนั้น จนเขาเอื้อมวางหมากลงบนกระดานตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้น
“ข้าเรียกเ้ามา เพื่อจะบอกว่า ที่รับเ้าเข้ามาในครั้งนี้ ไม่ใช่ในฐานะพระชายา แต่เ้าจะมีฐานะ เป็เพียงบ่าวในตำหนักเท่านั้น” จางเหยียนหลิงหันมองไปยังบ่าวรับใช้ ที่เดินผ่านไปมาเพื่อทำหน้าที่
“เพียงแค่เมตตาให้ข้ามีที่อยู่ เท่านั้นก็พอแล้วเ้าค่ะ” คำตอบและสายตาของนางไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ ก่อนหน้าเขาเคยคิดว่านางจะต้องเสียใจ ที่กล้าสละตำแหน่งชายาอ๋องเพื่อชายอื่น
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ นางไม่เคยหันกลับมาเอ่ยปากขอความรักจากเขา ยิ่งกว่านั้นไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ เพียงแค่มองเขานิ่ง ๆ เท่านั้น ก่อนสายลมอ่อนจะพัดเข้ามาวูบหนึ่ง ให้อาภรณ์ของเขาไสวเบา ๆ
“หน้าที่ของบ่าวในตำหนักหานเยี่ย ให้เ้าไปถามซูซู นางเป็หัวหน้าบ่าวที่ข้าไว้ใจ”
“ท่านเรียกข้ามาพบ ด้วยเื่เท่านี้ใช่หรือไม่?” นางถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ก่อนเขาจะปรายตามองนางแล้วตอบกลับ
“ข้าได้ข่าวว่าเ้าวาดภาพได้” จางเหยียนหลิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ
“วาดได้ แต่ต้องมีค่าตอบแทน” เขาได้ยินดังนั้นจึงหันไปหยิบหมากเดินบนกระดาษช้า ๆ แล้วยกมุมปากเล็กน้อย
“ตอบแทนด้วยการให้ที่อยู่อาศัย ยังไม่พออีกเหรอ”
“ให้ที่อยู่อาศัย ก็แลกด้วยการทำงานอย่างหนักไปแล้ว ข้อนั้นนับว่าหายกัน” นางตอบด้วยสายตาแน่นิ่ง ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ หากเป็จางเหยียนหลิงก่อนหน้า คงไม่กล้าต่อปากต่อคำกับผู้ใด ทว่าเวลานี้ทุกอย่างได้พิสูจน์แล้วว่า หากอ่อนแอก็ย่อมเป็เหยื่อของคนใจร้าย ยิ่งเป็เขาที่อยู่ตรงหน้า ก็ยิ่งไว้ใจไม่ได้
“กล้าต่อปากต่อคำกับข้า ไม่กลัวข้าไล่ออกจากตำหนัก?”
“การที่ท่านรับข้าไว้เป็บ่าว ข้าคิดว่าตนเองพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นท่านก็คงไม่รับข้าเข้ามา จริงหรือไม่?”
“หึ!” เขายิ้มมุมปาก แล้วเอื้อมไปหยิบชาขึ้นจิบ พร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกายเบา ๆ
“ั้แ่ถูกทอดทิ้ง ดูเ้าจะฉลาดขึ้น” เขาเปรยขึ้นมาเบา ๆ ก่อนหญิงสาวจะน้อมกายแล้วเดินจากไป ไม่คิดถือสากับคำพูดของเขา จุดมุ่งหมายเดียวของนางคือการกลับไปแก้แค้น คนสกุลหลี่ให้ได้รับผลกรรมที่ก่อไว้อย่างสาสม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้