“วิ่ง วิ่ง วิ่ง!”
“ท่านอาจารย์ตา ข้าวิ่งได้ไวหรือไม่เ้าคะพี่รอง ตามข้าไม่ทันแล้ว” เสียงหัวเราะสดใสของเด็กหญิงดังขึ้น
“เ้าเก่งมากนังหนูเล็ก ตัวเล็กแค่นี้ก็วิ่งได้ไวแล้ว”หลิวซีซีกำลังคัดเลือกสมุนไพรที่ตากไว้ เงยหน้ามามองน้องเล็กที่ตอนนี้หน้าแดงอมชมพูเพราะวิ่งมาไกล
“น้องเล็กเ้าเก่งมาก เ้าวิ่งได้ไวจนพี่รองตามไม่ทันแล้ว”
“พี่ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นเราออกไปตามหาท่านพ่อท่านแม่ได้หรือยังเ้าคะ ข้าคิดถึงพวกท่านมาก”หลิวซีมองหน้าน้องเล็กด้วยความสงสาร เพราะตัวนางเองก็ไม่ได้อยู่กับพ่อมาั้แ่เล็กเหมือนกันตอนอยู่โลกเก่า อาจารย์ผู้เฒ่ายืนมองลูกศิษย์ตัวน้อยทั้งสาม พลางลูบเคราสีขาวยาวเฟื้อยพลางคิด ต้องส่งพวกเด็กๆ ออกจากมิติ
“น่าจะได้เวลาแล้ว เพราะตัวข้าเองต้องกักตนเพื่อบำเพ็ญเพียร”
อาจารย์ผู้เฒ่าได้เรียกลูกศิษย์น้อยทั้งสามคนเข้ามาพบ และแจ้งทุกคนให้รู้ว่าถึงเวลาที่ทุกคนจะออกไปจากมิติ ไปแล้วอาจารย์ผู้เฒ่า้ากักตนเพื่อบำเพ็ญเพียร เพื่อที่จะได้ยกระดับเป็เซียนชั้นสูงในวันข้างหน้า จึงบอกกล่าวให้ทั้งสามคนรู้ว่า เมื่อออกไปจากแล้ววันข้างหน้าอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะตามดวงชะตาแล้วทั้งสามคนต้องไปคนละทิศและทางไม่งั้นจะไม่มีชีวิตรอด
“อาจารย์ขอแจ้งให้พวกเ้ารู้ไว้ก่อนเ้าตัวเล็กมีชะตาที่พลิกผันกว่าพวกพี่ เ้าต้องไปอยู่ในที่ ไกลๆ และอาจไม่ได้พบกันเป็เวลานาน”
“เมื่อใดที่ได้เจออาจารย์ผู้เก่งกาจและเ้าถูกชะตากับเขา เ้าจงขอเป็ลูกศิษย์ติดตามเขาไปน่ะนังหนูเล็ก”
“ส่วนเ้ารองถ้าเ้ายังไม่เจออาจารย์ที่ถูกชะตา ก็ให้เ้าไปกับน้องเล็กพวกเ้าเข้าใจหรือไม่”
“ท่านอาจารย์ตาข้า เข้าใจเ้าค่ะเพราะถ้าอยู่รวมกันพวกเราจะถูกฆ่าตายใช่ไหมเ้าคะ” หลิงซิงน้องเล็กพูดขึ้น
“ท่านอาจารย์ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือเ้าคะ ข้าเป็ห่วงน้องเล็กนางยังเล็กอยู่ ไว้ให้โตกว่านี้อีกหน่อยได้หรือไม่ ปลุกพลังได้แล้วค่อยแยกจากกัน”
“จะว่ามีก็มีอยู่ ให้พวกจะเดินทางไปที่หุบเขาสายหมอก ที่แดนในหมอกที่นั่นมีสหายของ อาจารย์อยู่ให้เ้านำแผ่นหยกนี้ ไปแจ้งกับสหายอาจารย์”
อาจารย์ผู้เฒ่าได้พูดสั่งสอนลูกศิษย์อีกเล็กน้อย และให้ทั้งสามพี่น้องเตรียมตัวออกเดินทางพรุ่งนี้
หลิวซีซีรู้สึกแปลกใจพวกนางก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว และเรียนรู้วิชาถึงไม่มากก็น้อย แต่นางมีความรู้สึกว่าทำไมพวกนางไม่โตขึ้นเลย อาจารย์น่าจะปรับเวลาในมิติ คิ้วสวยได้รูปขมวดขึ้นเป็ปม นางคิดว่าวิชาที่อาจารย์สอนมาแค่เอาตัว ไม่ได้เก่งขนาดจะไปต่อกรกับผู้มีวรยุทธสูงส่งได้ ถ้าเดินทางก็ต้องระวังตัวเป็พิเศษ คงต้องพาน้องๆ เดินขอบชายป่า ไม่ให้เป็ที่สังเกต ผู้ที่้าสังหารพวกนางโดยไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดและมีใครเป็ผู้บงการ นางคิดว่าต้องเตรียมยาไว้ให้พร้อม มีทั้งยาพิษชนิดไม่รุนแรงยาแก้ไข้แก้หวัดยาแก้แพ้ไว้ให้เยอะแล้ว
ไม่รู้จะเจออะไรบ้างระหว่างการเดินทางไปหุบเขาสายหมอก และเวลาในการเดินทางอาจารย์บอกอาจใช้เวลาถึงสามถึงสี่เดือนในการเดินทางครั้งนี้
ในที่สุดเวลาแห่งการจากลาก็มาถึงน้องเล็กร้องไห้ขี้มูกโป่ง น้องรองก็ตาแดงส่วนนางนั้น ไม่นับว่าต้องเสียใจอะไรเพราะสักวันหนึ่งต้องได้มาเจอกันอยู่แล้ว
อาจารย์ผู้เฒ่าเดินมาส่งสามพี่น้องตรงทางออก ที่มีแต่อาจารย์เท่านั้นที่รู้ทางออก ทั้งสามคนคารวะผู้เป็อาจารย์เฒ่าแล้วออกเดินทางทันที ถ้าช้ากว่านี้กลัวน้องเล็กจะงอแงหนักอย่างไรก็เด็กน้อยแค่วัยสี่หนาว
ทั้งสามพี่น้องเดินมาได้สักพักหนึ่งก็มาเจอป่า ที่แม้แต่ต้นไม้ไม่มีใบแห้งแล้งยิ่งนัก ห่างไกลจากที่พวกเขาจากมา
“พี่ใหญ่รู้สึกว่าที่นี่แปลกไหมทำไมต้นไม้ถึงไม่มีใบ ถึงมีก็สีเหลืองหลุดร่วงไปหมดเหมือนที่นี่จะแห้งแล้งมาก”
“พี่ใหญ่ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน น้องรอง”
“ช่วยด้วย ช่วยพวกข้าด้วย!”เสียงร้องขอความช่วยเหลือ จากเด็กหญิงดังมาแต่ไกล
ซีซีมองเห็นเด็กชายหญิง กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางนี้ ตามมาด้วยหมูป่าสีดำตัวใหญ่เขี้ยวยาว ท่าทางดุร้ายกำลังวิ่งไล่เด็กทั้งสองคนมาทางนี้ เร็วเท่าความคิด “น้องเล็กน้องรองนางรีบปีนขึ้นต้นไม้ที่ดูแล้วแข็งแรงเร็วเข้า”
ส่วนตัวนางวิ่งไปอีกทางหนึ่งเพื่อไปช่วยทั้งสองคนโดยการ ขว้างปาก้อนหินใส่หมูป่าตัวนั้นเพื่อดึงความสนใจของหมูป่าให้มาทางนาง
หมูป่าทำจมูกฟุตแล้วหันกลับมาวิ่งไล่นางด้วยความโกรธแค้น ซีซีวิ่งไปคิดไปดีที่ได้วิชาก้าวเท้าดารา วิ่งมาเจอหินก้อนใหญ่ ข้างทางมีต้นไม้บังอยู่ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็น นางเลยชะลอฝีเท้าลงเพื่อให้หมูป่าวิ่งมาทัน หมูป่าที่วิ่งมาด้วยความไวและโมโห
มันวิ่งใส่เต็มแรง หวังจะเหยียบนางให้จม
“โครม!”
หมูป่าวิ่งชนเข้ากับก้อนหินอย่างแรง ร่างของมันทรุดลงเืพุ่งออกมาจากหัวของมัน กระจายลงพื้นมันชักกระตุกอยู่สองสามครั้งแล้วก็แน่นิ่งไป
เมื่อเห็นแบบนั้นซีซีเดินเข้ามาดูหมูป่า ตรวจสอบดูแล้วเห็นว่าสิ้นใจแล้วจึงเรียกน้อง ๆลงมาจากต้นไม้และเด็กอีกสองคนที่นั่งทรุดหมดแรงอยู่ใต้ต้นไม้
“ขอบคุณ ผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือพวกเราสองพี่น้อง ถ้าไม่มีพวกท่านพวกข้าสองพี่น้องคงไม่ ๆรอดแน่แล้ว”
“ข้าว่าพวกเราหาทางออกจากที่นี่ก่อน พวกสัตว์ในป่าได้กลิ่นคาวเืแล้วตามกันออกจะยุ่งกันใหญ่”
หลิวหยางและเด็กชาย ที่มีชื่อว่าเหลาซาน เป็คนแบกหมูโดยใช้ไม้สอดไว้ตรงกลางแล้วมัดขาหมู โดยเถาวัลย์ที่อยู่แถวนั้น ถ้าเป็คนทั่วไปน่าจะยกไม่ขึ้นเพราะหมูหนักประมาณสามร้อยจิน แต่ทั้งสองยกได้สบาย
พอทุกคนออกจากแนวป่า ซีซีสอบถามทั้งสองคนว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ถูกหมูป่าไล่มาแบบนี้ หราน ๆ เด็กสาวที่มาด้วยกันเล่าให้ฟังว่าทั้งสองออกมาหาอาหารบนูเา
“เพราะแถวบ้านไม่มีอะไรให้กินแล้วด้วยความแห้งแล้ง พืชผักก็ปลูกไม่ได้มาเป็เวลานานแล้วผู้คนอดอยาก เพราะหมู่บ้านนี้ไกลจากเมืองหลวงจึงไม่มีใครมาสนใจ ทุกคนจึงดิ้นรนเอาตัวรอด พวกข้าสองคนเดินหาสิ่งของที่จะกินได้บ้างไม่เจอ ดันมาเจอหมูน่าตายนั้น”
ซีซีมองหน้าเล็กตอบดูซูบซีดจากการอดอาหารด้วยความเห็นใจและสงสาร นางมองดูรอบๆ พลางคิดจะช่วยชาวบ้าน ให้พ้นจากความแห้งแล้งและอดอยากนี้ได้อย่างไร ทั้งห้าคนเดินออกจากมาได้ไม่ไกล ก็เห็นหมู่บ้านขนาดเล็กบ้านทุกหลัง สร้างมาจากดินมุงหลังคาด้วยใบไม้
มีเด็กหลายคนวิ่งเข้ามาดูเมื่อเห็นเป็คนแปลกหน้า และหมูป่าตัวใหญ่ที่ถูกห้ามมา ต่างร้องะโวิ่งเรียกพ่อแม่มาดู เพราะไม่ได้เห็นหมูป่าขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน
เดินมาถึงบ้านที่ไม่ต่างจากบ้านหลังอื่นคือ ผนังสร้างจากดินและหลังคาด้วยหญ้าพื้นที่ไม่กว้างนัก พ่อและแม่วัยกลางคนรีบจัดพื้นที่และให้เด็กขายทั้งสองวางหมูลงก่อน ผู้เป็แม่รีบตักน้ำด้วยขันไม้ยกมาให้ทุกคนได้กิน หราน ๆ รีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผู้เป็พ่อและแม่ฟัง พอทั้งสองได้ยินเช่นนั้นผู้เป็แม่ถึงกับยกมือมาจับที่หน้าอก ถ้าเกิดไม่มีผู้มีพระคุณมาช่วยลูกทั้งสองคนของนางจะเป็เช่นไรนางไม่อยากคิดต่อ ทั้งสองผัวเมียกล่าวขอบคุณซ้ำๆ ทั้งสามพี่น้อง
“พวกท่านไม่ต้องขอบคุณพวกข้ามากขนาดนั้น เห็นคนตกในอันตรายเราต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็ใคร”
“แล้วหมูนี่ท่านผู้มีพระคุณจะให้พวกเราทำอย่างไร ท่านเป็คนสังหาร จะให้นำไปขายในเมืองหรือชำแหละขายที่นี้ พวกเราอดอยากมานานแล้วเด็กๆ คงอยากกินเนื้อกัน”
“ข้าว่าพวกท่านเรียกคนในหมู่บ้านมารวมกันที่นี่ แล้วชำแหละแจกจ่ายให้ครบทุกครอบครัว”
ชาวบ้านได้ยินเช่นนั้น ต่างโฮ่ร้องด้วยร้องด้วยความยินดี บางคนวิ่งไปแจ้งเพื่อนบ้านและผู้นำหมู่บ้านให้มาที่นี่ ทุกคนในหมู่บ้านต่างมารวมกันที่บ้านของเหลาซาน ชาวบ้านต่างมองสามพี่น้องเหมือนเทพเซียน มาช่วยชีวิตพวกเขาด้วยหน้าตาที่ดูดีและงดงามสะอาดสะอ้าน ท่าทางเรียนร้อยเหมือนได้รับการอบรมมาเป็อย่างดี และเสื้อผ้าที่สวมใส่ของทั้งสามคนดูแล้วก็ไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา ต่างขอบคุณไม่หยุด
“แล้วพวกเ้าสามพี่น้องกำลังจะเดินทางไปที่ไหนกัน พวกข้าอาจสามารถบอกทางแก่พวกเ้าได้” หนึ่งในชาวบ้านถามขึ้นมา
“พวกข้าสามพี่น้อง จะเดินไปที่หุบเขาป่าหมอก พวกท่านพอรู้จักทางหรือไม่เ้าค่ะ”
ชาวบ้านที่ได้ยินต่างมองหน้ากัน และทำน่าใเพราะสถานที่แห่งนั้น ไม่มีมนุษย์ธรรมดาคนไหนไปถึงที่นั่นได้ นอกจากจอมยุทธ์ หรือเทพเซียนเท่านั้นที่จะเข้าในที่แห่งนั้นได้ ต่างสอบถามสามพี่น้องและขอให้ทั้งสามคนเปลี่ยนใจ
“ผู้มีพระคุณทั้งสามที่นั่นล้วนแต่อันตราย มีคนเข้าไปแล้วไม่กลับออกมาจำนวนมาก ข้าว่าพวกเ้าเปลี่ยนใจเถอะมันอันตรายเกินไปสำหรับเด็กอย่างพวกเ้า”ผู้นำหมู่บ้านเป็ชายแก่วัยกลางคนได้กล่าวกับพวกเด็กๆ ด้วยความห่วงใย พวกเขายังเด็กนัก ถ้าจะปล่อยให้ไปที่อันตราย
“ข้ารู้เ้าค่ะ แต่พวกเราสามพี่น้องมีความจำเป็ที่ต้องไปที่นั่น แม้จะมีอันตรายก็ตามทีข้าขอขอบคุณทุกท่านที่เป็ห่วง”
หลังจากชำแหละหมูป่า และแจกจ่ายให้กับชาวบ้านอย่างทั่วถึงแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปประกอบอาหารให้แก่คนที่บ้านได้กิน เพราะว่าเขาอดอยากมานานแล้วเนื้อหมูไม่เคยตกถึงท้องมาในรอบหลายปี จะมีแต่ไก่บ้างกระต่ายบ้างเท่านั้นที่นานๆ จะเจอทีหนึ่ง นี่เหมือนกับเนื้อหล่นมาจากฟ้า พวกเขาต่างปลื้มปีติจนน้ำตาซึม
แม่ของเหลาซานนำเนื้อหมูไปทำอาหาร ส่วนพ่อจัดเตรียมพื้นที่เพื่อให้ทั้งสามคนได้พักที่นี่ก่อนออกเดินทาง แม่ของเหลาซานทำอาหารจานเนื้อมาสองสามอย่าง กลิ่นหอมน่าทานสามพี่น้องนั่งมองหน้ากัน เพราะ่ที่ฝึกฝนอยู่ในมิติพวก นางไม่ได้แตะต้องเนื้อสัตว์เลย และไม่มีความอยากที่จะกิน
ซีซีและน้อง ๆปฏิเสธไม่ร่วมรับประทานอาหาร เพราะพวกนางจะไม่กินเนื้อสัตว์เหมือนท่านอาจารย์ วันข้างหน้าถ้าละเว้นไม่ได้จริงๆ ก็เป็อีกเื่หนึ่ง
“พวกเขาต้องเป็เทพเซียนมาเกิดเป็แน่ แม้แต่เนื้อสัตว์ก็ไม่ทาน ทั้งที่เป็เด็กสามารถอดทนต่อรูปรสได้”
พ่อของเหลาซานพูดทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกทานอาหารกันไปพูดคุยกันไป เื่ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นความอดอยากของชาวบ้านและเื่การอพยพไปที่อื่น น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยของพวกเขาที่พูดคุยกันหารู้ไม่ว่า ทั้งสามพี่น้องที่นั่งอยู่ห้องข้างๆ ได้ยินทุกคำพูด
“ท่านพี่ท่าน..พอจะช่วยเหลือชาวบ้านได้หรือไม่ ท่านสามารถทำค่ายกลทำให้ฝนตกได้ใช่ไม่ใช่รึ”
“น้องรองข้าสามารถทำให้ฝนตกได้ก็จริง แต่มันแก้ปัญหาระยะยาวไม่ได้ นอกจากเราจะช่วยกันหาต้นเหตุว่าทำไมถึงแห้งแล้ง น้ำในูเาก็ไม่มีฝนไม่ตก”
หลิวซีและน้องๆ ปรึกษากันอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบนอนพักผ่อนเอาแรง โดยวันพรุ่งนี้ตกลงกันว่าจะพากันไปสำรวจูเาอีกสักครั้ง รุ่งเช้าวันใหม่ซีซีตื่นขึ้นมาพร้อมกลิ่นของอาหาร ที่แม่เหลาซานเป็คนทำ นางลุกขึ้นมาล้างหน้าแล้วปลุกน้องเล็กให้ตื่น หลิวหยางที่นอนอยู่กับเหลาซานก็ตื่นนานแล้ว
พวกเขาช่วยกันฝ่าฝืน ส่วนพ่อไปหิ้วน้ำจากบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน ที่แบ่งให้ชาวบ้านได้กิน ได้ใช้เหลือเพียงบ่อเดียวที่ยังไม่แห้งขอดเหมือนที่อื่น ๆ
ซีซีแจ้งความประสงค์ว่าจะขอเข้าไปสำรวจพื้นที่บนูเา เื่น้ำ้าผู้นำทางและชาวบ้านสักห้าคน
พ่อของเหลาซานชาวบ้านและผู้นำหมู่บ้านร่วมห้าคน จะเข้าไปสำรวจด้วยและช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่เด็กๆ หลังจากเตรียมตัวกันพร้อมแล้วทั้งหมดก็ออกเดินทาง เหลาซานก็ขอไปด้วยเขาไม่มีเพื่อนเหมือนหลิวหยาง จึงอยากพูดคุยไปด้วยกัน
