ความรู้สึกเกิดขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว ในตอนที่รู้ว่ารักมากก็ถลำลึกกลับตัวมิได้เสียแล้ว
ตอนนี้อวิ๋นอี้อยู่ในสถานการณ์นี้
หากเป็เมื่อก่อน นางยังออกมาอย่างไม่แยแส หรงซิวเป็เพียงบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น กบสามขาหายากแต่บุรุษสองขาวิ่งอยู่ทั่วไป นางยังสาวยังสวย ไม่กังวลหากจะต้องหาใหม่
น่าเสียดายที่นางตกหลุมรักเขาเสียแล้ว รักเขาเสียจนไม่อยากจะเลิกรา แม้ว่าเขาจะแต่งงานกับผู้อื่นอีกก็ตาม
นางทำใจมิได้
นางเป็หลวงแท้ๆ เหตุใดนางถึงต้องให้หว่านฉือได้อยู่สบายด้วยเล่า?
แต่หากต้องแบ่งปันบุรุษกับผู้อื่นจริงๆ นางพลันรู้สึกขยะแขยงและเศร้าใจ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปหาวิธีแย่งความรักจากบุรุษหรอก
อวิ๋นอี้รู้สึกเสมอว่าความรักคือการให้ซึ่งกันและกัน ไม่เสแสร้ง ไม่ใช่เพื่อเอาไปเปรียบเทียบกับผู้ใด แต่เพื่อให้มีความสุขซึ่งกันและกันก็พอ
บางทีสิ่งที่ดีที่สุดที่นางควรทำในตอนนี้คือการคุยกับหรงซิว
นางไม่อยากเดาว่าบุรุษผู้นั้นคิดกระไร นางแค่้าฟังจากปากเขาเอง ความไว้วางใจสูงสุดที่นางสามารถมอบให้เขาได้คือนางจะหลับตาเชื่อโดยไม่ถามว่าถึงเหตุผล
อวิ๋นอี้อยู่ในศาลาเป็เวลานานจนกระทั่งหรงซิวมาหา
“ท่านพี่!” อวิ๋นจ้านเห็นเขาก่อน ยังหน้าบึ้งตึงพลันเรียกอวิ๋นอี้ ตอนที่นางหันหน้ามาก็เห็นอวิ๋นจ้านที่มีหน้าไม่พอใจมุ่ยปากอยู่
“เ้ากลับเข้าไปก่อนเถิด” อวิ๋นอี้สั่งอวิ๋นจ้าน
บุรุษหนุ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนั้น เขาเหล่มองหรงซิว และมองอวิ๋นอี้อีกครั้ง ราวกับถามนัยๆ ว่า ท่านพี่อยู่คนเดียวได้หรือพ่ะย่ะค่ะ? หากเกิดกระไรขึ้นจะทำอย่างไร?
“......”
อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างช่วยมิได้เพื่อให้เขามั่นใจ “ไปรอข้าที่โถงก่อนเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว น่าจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ข้าก็หิวแล้วเหมือนกัน”
เห็นนางเช่นนี้ อวิ๋นจ้านทำได้เพียงต้องหยุดเป็ก้างขวางคอ
ก่อนจากไปเขาจ้องหรงซิวอย่างดุร้ายแล้วพูดเตือนปนข่มขู่อย่างชัดเจน
“เ้าเด็กนี่เก่งไม่เบาเลยนะ" หรงซิวพูดอย่างเอ็นดู เขาเดินไปนั่งข้างๆ อย่างเป็ธรรมชาติ หันไปมองนาง "หิวหรือยัง?"
"ยังไม่ค่อยหิวเพคะ" อวิ๋นอี้ตอบกลับ “ฝ่าากับท่านพ่อคุยกระไรกันเพคะ?”
“ก็เื่งานในศาลน่ะ” หรงซิวเอาแขนโอบไหล่นางแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย ตอนที่เขาพูดเขาเอาริมฝีปากชิดใบหู ลมหายใจร้อนผ่าวทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก
อวิ๋นอี้อยากจะหลบ แต่ถูกเขารั้งไว้ ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองเขา ตาของบุรุษหนุ่มเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอ่อนหวาน เขายิ้มขึ้นช้าๆ มุมปากก็ยกขึ้น
ช่างมีเสน่ห์เสียกระไร
“เป็กระไรไปหรือ?” อวิ๋นอี้มองไปรอบๆ อย่างไม่สบายใจ เมื่อเห็นว่ามิมีผู้ใดเข้ามา ถึงได้โล่งใจเล็กน้อย “มิมีกระไรเพคะ เราไปทานข้าวกันเถิด”
“อวิ๋นเออร์มิมีกระไรจะพูดกับข้าหรือ?”
“ข้า......” อวิ๋นอี้อ้าปาก แล้วก็หยุดไป แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้า “มีเพคะ ข้ามีเื่จะพูด”
เดิมทีนางคิดว่าจะกลับจวนไปก่อนค่อยพูด แต่ในเมื่อเขาเปิดขึ้นมาแล้ว เื่ที่จะต้องเผชิญอย่างไรก็ต้องเผชิญ
มือที่อยู่ที่ไหล่กดลงมา เสียงของหรงซิวก็ดังขึ้น “ไม่ว่าเ้าจะถามว่ากระไร ข้าก็จะตอบ”
“ไม่ว่าฝ่าาจะตอบว่ากระไร รับปากได้หรือไม่เพคะว่าจะพูดความจริง?” อวิ๋นอี้พูดตาม
หรงซิวมองนาง มุมปากยกขึ้น เยาะเย้ยเล็กน้อย “แน่นอนสิ มิเช่นนั้นข้าจะเสียเวลาเปล่าหรือ?”
“ก็ดีเพคะ” อวิ๋นอี้ยักไหล่แล้วยิ้มให้เขา “เราตกลงกันแล้ว นี่เป็จุดเริ่มต้นที่ดี เช่นนั้นข้าเริ่มถามเลยนะเพคะ?”
ท่าทางที่ระมัดระวังและลองใจของนาง ทำให้หรงซิวทั้งรู้สึกน่ารักและปวดใจ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้ายืนยัน บอกให้นางถามได้ตามที่้า
“ฝ่าายังชอบหว่านฉืออยู่หรือไม่เพคะ?”
“ไม่” เขาพูดอย่างชัดแจ้ง “คนที่ข้าชอบคือเ้า”
อวิ๋นอี้ไม่คิดเลยว่าเขาจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ใบหน้าของนางร้อนผ่าว เหลือบมองเขาแล้วหันหน้ากลับ ถามต่อ “แล้วฝ่าาจะอภิเษกกับนาง ฝ่าาจะนอนกับนางหรือไม่เพคะ?”
“ไม่”
“ฝ่าาสัญญากับข้านะ"
"ข้าสัญญากับเ้า" หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดเสริมว่า "ข้ามิผิดสัญญาแน่"
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว "แต่ไทเฮาสนใจเื่นี้ แม้ว่าตอนนี้ฝ่าาจะไม่แตะต้องนาง ปีนี้ไม่ แต่ในอนาคตยังอีกยาวไกล นางอยู่ในจวน จะหลีกเลี่ยงไปตลอดได้อย่างไร?”
หรงซิวหัวเราะขึ้นมาทันใด เขามองนางด้วยแววตาลึกๆ พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าจะไม่ยอมให้นางอยู่ในจวนไปตลอดหรอก”
“หืม?”
อวิ๋นอี้กะพริบตา "หมายความว่าอย่างไรเพคะ?”
หรงซิวดูเหมือนไม่อยากจะพูด แต่นางท่าทีแน่วแน่ แววตามืดดำสุกใสมองไปที่เขา เขาจึงมิมีทางเลือกทำได้เพียงบอกว่า “นางบอกเองว่ามันเป็การแสดง ข้าก็จะทำให้สมใจนาง”
“เช่นนั้นฝ่าาคิดจะทำกระไรเพคะ?”
"แสดงตามนางไปสิ" เขาหยุดอยู่แค่นั้น อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว คาดเดาเจตนาของเขาได้แล้ว ยังไม่ทันจะถาม คนรับใช้ในจวนก็มาเชิญพอดี บอกว่าเตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอให้ทั้งสองไป
การสนทนาจึงสิ้นสุดแค่นั้น
การทานอาหารเย็นของจวนอวิ๋นจะอยู่กันทั้งครอบครัวเสมอ อวิ๋นเส่าต้าวนั่งบนเก้าอี้หลัก โดยมีพี่ชายใหญ่และพี่ชายรองอยู่ทางซ้ายและขวา เมื่อเห็นหรงซิว ทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืน คำนับกันอย่างสุภาพ ถึงได้นั่งลง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างจะกลมเกลียวกัน ยกเว้นหนุ่มน้อยอวิ๋นจ้าน หน้าเคร่งตลอดเวลา แสดงถึงความไม่พอใจ
อวิ๋นอี้รู้ดีถึงความกังวลของเขา จึงคีบอาหารให้เขาโดยเฉพาะ ทั้งสองคนสุมหัวกันอยู่นาน ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะดีขึ้นเล็กน้อย และท่าทีที่มีต่อหรงซิวก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
เมื่อพวกเขากลับจวน ทั้งครอบครัวก็มาส่งที่ประตู
อวิ๋นอี้ผล็อยหลับไปกลางทาง หัวของนางเลื่อนลงเรื่อยๆ หรงซิวจึงเอาไหล่เข้าไปใกล้ให้นางเอนตัวพิง
สตรีสาวตัวเล็กดูเงียบสงบ เสียงหายใจที่ยาวนานของนางทำให้เขาสงบลงด้วย
เื่ของหว่านฉือ เป็เขาเองที่เลินเล่อไป ทำให้นางต้องทนทุกข์ใจไม่น้อย ยังดีที่รู้ตอนนี้ไม่ถือว่าสาย หว่านฉือเปลี่ยนไปแล้ว เขาเตรียมใจไว้แล้ว จะจัดการกระไรในอนาคตก็จะง่ายขึ้นเยอะ
การอภิเษกกับนาง เป็เื่ที่โดนบังคับจึงขัดมิได้
ในการส่งนางออกจากบ้าน ยังต้องหาเวลาที่เหมาะสมและการวางแผนอย่างแยบยล มิเช่นนั้นคนที่จะไม่พอใจกับเื่นี้เกรงว่าจะเป็ไทเฮา
เื่นี้ต้องพิจารณาให้ยาว
รถม้าหยุดอยู่หน้าจวนองค์ชายเจ็ด อวิ๋นอี้ยังคงหลับอยู่ หรงซิวจึงอุ้มนางเข้าไปในห้อง ในตอนที่วางนางลงบนเตียง นางก็ลืมตาขึ้นมา
มีความสับสนเล็กน้อยในดวงตาของนาง นางมองเขาอย่างว่างเปล่า
“ถึงจวนแล้วหรือเพคะ?” นางถามพลางขยี้ตา
“อื้ม" หรงซิวสั่งให้คนไปเอาน้ำร้อนมา เขาตอบนางพลางบิดผ้าเช็ดตัว "ข้าจะเช็ดตัวให้ เ้านอนต่อเถิด"
"โอ้" อวิ๋นอี้พึมพำ "เมื่อครู่ข้าฝันด้วย ฝันถึงท่าน”
“จริงหรือ?” หรงซิวประหลาดใจ เดินเข้ามาเอาผ้าเช็ดหน้านางสองสามครั้งแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ฝันถึงข้าว่าอย่างไรบ้าง?”
“ข้าฝันว่าฝ่าาอุ้มข้าแล้วเดินไปไกล ที่แท้มันมิได้ความฝัน” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาลงเรื่อยๆ จากนั้นก็หลับไป หรงซิวคิดว่านางละเมอ จึงตอบกลับไปเล็กน้อย เมื่อมองอีกทีนางก็กรนไปเสียแล้ว
หมูน้อย
เขายกริมฝีปากยิ้ม หลังจากที่เช็ดตัวทำความสะอาดให้นางอย่างตั้งใจแล้วเขาก็นอนตามไป
กล่อมชายาให้นอนได้ในคืนนี้ จึงนอนหลับดีเป็พิเศษ
เช้าวันรุ่งขึ้น หรงซิวถูกเรียกเข้าไปในวังอีกครั้ง อวิ๋นอี้ตื่นขึ้นมาถาม ก็เห็นเซียงเหอลังเลที่จะเล่าเื่ทั้งหมด นางเดาว่าคงเกี่ยวข้องกับการอภิเษกกับหว่านฉือ เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจอีก นางจึงเลิกถาม
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือตอนบ่ายนางได้รับการเชิญจากหว่านฉืออีกแล้ว
“......” อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ จึงได้เพียงอ่านคำเชิญซ้ำแล้วซ้ำอีก "นัดอีกแล้วหรือ?”
“ใช่เพคะ"
"เ้าแน่ใจนะว่าสาวใช้ของแม่หญิงหว่านฉือส่งมาจริงๆ?" นางถาม
เซียงเหอพยักหน้า “ใช่เพคะ”
อวิ๋นอี้เปิดจดหมายดู ตัวอักษรบนนั้นสวย นางอ่านดูคร่าวๆ ได้ประเด็นว่า หว่านฉือชวนนางออกไปเดินซื้อของ บอกว่าจะซื้อของสำหรับใช้ตอนงานอภิเษก เพราะว่านางมีประสบการณ์จึงมาชวนนาง
ผู้มาเยือนไม่ดี คนดีกลับมิมาเยือน
อวิ๋นอี้ไม่เชื่อหรอก ว่าหว่านฉือจะแค่ชวนไปซื้อของ นางเ้าเล่ห์เสียเช่นนั้น บางทีอาจจะหลอกอีกก็ได้
เพื่อป้องกันตนเองจากปัญหา ทางที่ดีที่สุดคือปฏิเสธนาง บอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป อวิ๋นอี้มิได้มีอารมณ์ดีที่จะพูดคุยกับคนที่จะมาแย่งบุรุษของนางได้หรอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้