เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้ม เมื่อนึกถึงสีหน้าทั้งใทั้งหวาดกลัวของพวกนาง ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
แม้นางจะไม่รู้ว่าเหตุใดสมบัติล้ำค่าเ่าั้จึงมาอยู่ถูกที่ถูกเวลา ทว่านางกลับรู้ว่าผู้ที่ทำเื่นี้เป็ผู้ใด
ภายในวังใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเพียงองค์ชายจวินที่มีวิชาตัวเบาประหนึ่งนกนางแอ่น ไม่รู้ว่าเขาใช้เวลามากเพียงใดในการทำเื่นี้ ซึ่งช่วยแก้ไขวิกฤติของนางได้จริงๆ
ในอดีตนางสัญญาว่าจะปกป้องเขา ไม่คาดคิดว่าเขาจะช่วยเหลือนางหลายต่อหลายครั้ง
หลังดำรงชีวิตในฐานะตัวประกันในวัยสิบสี่ปี เวลาล่วงเลยมาแปดปี ท้ายที่สุดได้เปลี่ยนความอ่อนแอเป็ความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม นางไม่้าบอกเื่ทั้งหมดนี้กับป้าโฉ่ว หากมีคนรู้น้อยกว่านี้สักคน อันตรายก็จะยิ่งน้อยลง
นางไม่ตอบป้าโฉ่ว เพียงแค่บอกเื่ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นให้นางฟังคร่าวๆ รอบหนึ่ง
ป้าโฉ่วถอนหายใจ “บ่าวเกรงว่าระหว่างไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ต้องเกิดเหตุขัดแย้งครั้งใหญ่อย่างแน่นอนเ้าค่ะ”
“ไทเฮาคิดจะโค่นล้มองค์หญิงใหญ่มานานแล้ว ตามอุปนิสัยที่มักจะฆ่าลาหลังเสร็จงาน องค์หญิงใหญ่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเพียงนี้ นอกจากตำแหน่งองค์หญิงแล้ว ยังต้องมีอำนาจที่อยู่เื้ันางด้วย” เหยียนอู๋อวี้นึกถึงสีหน้าโกรธเคืองแทบจะกระอักเืของไทเฮา รอยยิ้มพลันเบ่งบานบนใบหน้า “เดิมทีนางวางแผนที่จะใช้โอกาสนี้ขับไล่องค์หญิงใหญ่ออกจากวัง ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงใหญ่กลับเปิดเผยความลับเก่าๆ ของนางออกมา ครั้งนี้คงจะเกลียดนางมากขึ้นไปอีก”
ป้าโฉ่วอดถามไม่ได้ “ทว่าองค์หญิงใหญ่จะยอมเพียงเท่านี้หรือ?”
“ยอมหรือ? องค์หญิงใหญ่ไม่เคยมีคำนี้อยู่ในพจนานุกรมของนาง”
เหยียนอู๋อวี้จดจำได้เลือนรางว่าครั้งแรกที่เขาได้พบกับองค์หญิงใหญ่คือก่อนที่นางจะเป็อวิ๋นฮองเฮา
ขณะนั้นมารดานางพานางไปเข้าเฝ้าไทเฮาในวังหลวง เนื่องจากปกตินางจะสวมชุดเกราะติดร่างกายตลอด ทว่าครานั้นเปลี่ยนมาสวมอาภรณ์ของสตรีทำให้รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก เมื่อแม่ทัพหญิงเข้ามาในตำหนักหลัง พลันได้ยินเสียงคนหัวเราะเยาะ ซึ่งเป็สตรีสวมชุดนางกำนัลในวังหลวง สายตาของพวกนางเย้ยหยันเหยียดหยามสุดจะทน
ในเวลานั้น ตระกูลอวิ๋นอยู่ใน่รุ่งเรืองมีอำนาจ ไม่ว่าผู้ใดย่อมให้เกียรตินางอยู่บ้าง ต่อให้ใบหน้านางจะน่าขบขันเพียงใดก็ตาม พวกนางย่อมไม่กล้าที่จะไร้มารยาทต่อหน้านาง
ยิ่งไปกว่านั้นในยามนั้น นางตกหลุมรักซ่งอี้เฉินและกังวลเื่รูปโฉมของนางอย่างยิ่ง เมื่อนางได้ยินใครบางคนหัวเราะเยาะรูปโฉมที่อัปลักษณ์ของนาง นางจึงรู้สึกขุ่นเคืองใจและหันกลับไปถลึงตาใส่คนผู้นั้น ภายในใจคิดว่าดูแล้วสภาพอายุยังมากกว่านาง แล้วเหตุใดยังเป็นางกำนัลในวังหลวงนานหลายปี ที่แท้ไม่รู้จักปฏิบัติตามกฎของวังหลวงนี้เอง
นางกำนัลถูกนางถลึงตาใส่ นางกำนัลจึงโกรธเคืองมาก ซ้ำยังถือไม้วิ่งมาหาหมายจะตีนางอีกด้วย
ขณะนั้นมารดานางไม่อยู่ข้างกายและไม่มีใครคอยเข้มงวดกับนาง ทำให้ความกล้าหาญเพิ่มมากขึ้น นางรีบแย่งไม้พลองนั้น ยกขึ้นหักเป็สองท่อน แล้วโยนกลับไปให้นางกำนัลนางนั้นพร้อมเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงดุดัน “ขอเตือนไว้ก่อนข้าจะบอกเหยียนกุ้ยเฟยให้จัดการเ้า!”
เหยียนกุ้ยเฟยก็คือไทเฮาองค์ปัจจุบันนั่นเอง
นางกำนัลไม่รู้ว่าในางหรือว่าใเพราะชื่อเหยียนกุ้ยเฟย นางรีบหันหลังกลับวิ่งหนีไป
เดิมทีนางคิดว่าเื่นี้จบไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่นางเข้าไปในตำหนักเหยียนกุ้ยเฟย สตรีนางนั้นได้ปรากฏตัวอีกครั้ง นางสวมชุดอาภรณ์หรูหรา ท่าทางเย่อหยิ่งจองหองปรากฏตัวต่อหน้านาง และออกคำสั่งให้องครักษ์ลากตัวนางออกไปทุบตีให้ตาย
ยามนั้นเองนางถึงได้รู้ว่าที่แท้สตรีที่อยู่เบื้องหน้านางคือองค์หญิงใหญ่
แม้ว่าเหยียนกุ้ยเฟยจะมีตำแหน่งกุ้ยเฟย ทว่ากลับมิได้มีอำนาจมากนัก ไม่มีทางควบคุมนางได้ โชคดีที่อดีตฮ่องเต้ปรากฏตัวและช่วยชีวิตนางไว้ได้อย่างเฉียดฉิว
นางคิดว่าตอนนั้นเองที่องค์หญิงใหญ่เริ่มเกลียดชังตระกูลอวิ๋น
ยามนี้นางได้เปลี่ยนตัวตนและรูปโฉมของนางแล้ว องค์หญิงใหญ่กลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เพียงแต่วันนี้เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นใบหน้านาง นางยังมีท่าทีใและหวาดกลัวเล็กน้อย ทำให้เหยียนอู๋อวี้รู้สึกประหลาดใจ
สีหน้าของป้าโฉ่วเต็มไปด้วยความกังวล “คุณหนู ตอนนี้เราทำให้ไทเฮาต้องขุ่นเคืองแล้ว มิอาจทำให้องค์หญิงใหญ่ต้องขุ่นเคืองไปด้วยอีกคนนะเ้าคะ”
“ข้าไม่มีทางไปก่อกวนนางแน่ เพียงแต่นางอาจจะมายุ่งกับข้า” เหยียนอู๋อวี้ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเื่นี้ ด้วยสถานะของนางในตอนนี้ องค์หญิงใหญ่ไม่สนใจที่จะทำอันใดกับนางเสียด้วยซ้ำ ทว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา องค์หญิงใหญ่คงไม่ย้ายออกจากวังหลวงไปง่ายๆ เป็แน่ หากเป็เช่นนี้ ในวังหลวงคงต้องมีเื่สนุกให้เห็นอย่างแน่นอน
ถือโอกาสตอนที่ไทเฮาปวดหัวกับองค์หญิงใหญ่ นางมีโอกาสเคลื่อนไหว
ยามนั้นตระกูลอวิ๋นถูกฆ่าล้างตระกูล อำนาจแต่ละฝ่ายต่างซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ซ่งอี้เฉินกับไทเฮาได้ประโยชน์มากที่สุด พวกเขาย่อมโดดเด่น ทว่าในฐานะน้องชายของไทเฮา เื่นี้จะต้องเกี่ยวข้องเฉิงเซี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย
ในฐานะที่ไทเฮาพระมารดา อาศัยอยู่ในวังหลวงเป็เวลานาน ซ้ำต้องคอยหลบจากหูตาของผู้คน การกระทำเื่ราวต่างๆ ไม่สะดวกเท่าใดนัก ผู้เดียวที่สามารถช่วยเหลือนางได้ก็มีเพียงเหยียนเฉิงเซี่ยงเท่านั้น
ถือว่าเหยียนอู๋อวี้แน่ใจอย่างยิ่ง เหยียนเฉิงเซี่ยงเป็ผู้นำแผนการโค่นล้มตระกูลอวิ๋น ประกอบกับการสนทนาระหว่างไทเฮากับเหยียนเฉิงเซี่ยงในวันนั้น เหยียนอู๋อวี้ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของนางว่าเป็เื่จริง
ขณะที่ทั้งสองสนทนากัน จู่ๆ กลับมีเสียงของซูอิ่งดังมาจากด้านนอก “นายหญิง ฝ่าาเสด็จ”
เหยียนอู๋อวี้กับป้าโฉ่วมองหน้ากัน นางพลันรีบขยี้ตาล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
ทันทีที่ซ่งอี้เฉินเปิดประตู เขาพลันได้ยินเสียงร่ำไห้ของเหยียนอู๋อวี้ จึงหันมาเอ่ยถามเสียงดังว่า “เกิดเื่อันใด?”
ป้าโฉ่วรีบคุกเข่าแล้วตอบว่า “คุณหนูกังวลกับเหตุการณ์ในวันนี้เพคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซ่งอี้เฉินจึงเข้าใจในทันที
ขณะไทเฮาเสด็จไปที่เรือนเตี๋ยฟาง เขาพอทราบเื่นี้มาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดที่จะปรากฏตัว ทว่าเขารับสั่งให้ขันทีไปสอบถามข่าวนี้ จนรู้รายละเอียดในเื่นี้มาพอสมควร
เมื่อเหยียนอู๋อวี้เห็นเขานั่งอยู่บริเวณขอบเตียง นางจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาเขาทันทีและเอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญ “ฝ่าา อวี้เอ๋อร์รู้สึกน้อยใจเพคะ.....”
“เจิ้นรู้”
“หม่อมฉันขอร้องฝ่าาทรงมีรับสั่ง ให้หม่อมฉันย้ายตำหนักเพคะ อวี้เอ๋อร์ไม่้าอยู่ตำหนักเฟิ่งชัย และไม่กล้าอยู่เพคะ!”
“เพราะเหตุใด?”
“ตำหนักเฟิ่งชัยมีิญญาร้ายเพคะ!”
นี่เป็สิ่งต้องห้ามที่สุดในวังหลวง เมื่อซ่งอี้เฉินได้ยินเหยียนอู๋อวี้เอ่ยถึงเื่นี้ สีหน้าของซ่งอี้เฉินจึงขึงขังขึ้นทันทีและเอ่ยเสียงดังว่า “ห้ามพูดเื่เหลวไหล!”
“อวี้เอ๋อร์ไม่ได้พูดเื่เหลวไหลเพคะ อวี้เอ๋อร์เก็บรักษาไข่มุกเป็อย่างดีใส่กลอนประตูตู้เพื่อความปลอดภัย ทว่าจู่ๆ ไข่มุกกลับวิ่งไปอยู่ที่เ้าบุรุษเหม็นเน่านั่นเพคะ! หากมิใช่ิญญาร้ายหลอก แล้วจะเป็อันใดได้เพคะ!” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ
หากมีผี ก็คงเป็ผีคนภายในเองกระมัง? ซ่งอี้เฉินรู้สึกชัดเจนในใจ ในวังหลวงมีสถานที่ไหนที่สะอาดบ้าง แม้กระทั่งวังที่เขาประทับ ยังมีหูมีตาของผู้อื่นแอบซ่อนตัวอยู่ นับประสาอะไรกับตำหนักของนาง
ขันทีบอกว่าวันนี้ท่าทีของนางหยิ่งทะนงตนอย่างยิ่ง กระนั้นเขากลับพึงพอใจยิ่งนัก เพียงแต่กลับผิดคาดเมื่อเขาเข้ามานางกลับร้องห่มร้องไห้เพราะเื่เช่นนี้ เขารู้สึกว่าน่าขบขันนัก ทว่ากลับไม่รู้ว่าจะปลอบใจนางอย่างไร
เนื่องจากวันนี้เขามีความสุข เพราะองค์หญิงใหญ่เสด็จกลับวังหลวง ก่อกวนให้ไทเฮาต้องปวดหัว กลับกันนับเป็โอกาสดีของเขา เขาย่อมรู้ดีถึงความกังวลของเหยียนอู๋อวี้ เพราะกลัวว่าเขาจะคิดสงสัยว่านางมีความสัมพันธ์ลับกับทูตซวี่หรงจริงๆ? นางจึงเอ่ยเพื่อให้ความมั่นใจกับเขา
เมื่อคิดถึงเื่นี้ เขาจึงแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “อวี้เอ๋อร์อย่ากังวลไปเลย เจิ้นบอกแล้วว่าเจิ้นเชื่อเ้า”
แน่นอนว่าเหยียนอู๋อวี้หยุดร้องไห้ทันที นางมองเขาด้วยสีหน้าขวยเขินพลางเอ่ยถามว่า “ฝ่าาไม่สงสัยอวี้เอ๋อร์จริงๆ หรือเพคะ?”
“อวี้เอ๋อร์แตกต่างจากคนอื่น เจิ้นอยู่กับเ้าทั้งคืน จะไม่รู้ได้อย่างไร?” ซ่งอี้เฉินปลอบใจนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นจึงก้มหน้าลงสบสายตานาง ภาพจำของคนผู้หนึ่งที่ฝังลึกในใจของเขาพลันปรากฏขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้ตัว คล้ายเขาจะได้ยินอีกคนหนึ่งกระซิบข้างหู “ฝ่าา พระองค์ทรงเชื่ออู๋เหยียนใช่หรือไม่? หม่อมฉันไม่เคยทำร้ายน้องหญิงรั่วซีเพคะ......”
มือของเขาพลันแข็งทื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหยุดนิ่ง พร้อมกับเอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “เ้าเป็ใคร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้