หยางหนิงนั้นรู้ดีว่าเมื่อฝ่ายตรงข้ามส่งเสียงร้องออกมา ผลลัพธ์นั้นก็จะยุ่งยากเหนือจินตนาการแล้ว ต่อให้ตนสามารถอาศัยจังหวะนี้เล็ดลอดออกไปได้ ทว่าจุดจบของหญิงสาวเหล่านี้จะต้องน่าอนาถมากเป็แน่
เซียวอี้ซุ่ยและเหล่าสิงถูกสังหารไปแล้ว เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป สำหรับคนทั่วทั้งอำเภอฮุ่ยเจ๋อจะต้องถือเป็เื่ใหญ่ฟ้าทลายเป็แน่
เครือข่ายของเซียวอี้ซุ่ยนั้นใหญ่โตมาก อีกทั้งยังไปข้องเกี่ยวกับอำนาจจำนวนไม่น้อย พวกเขาจะต้องยอมทุ่มเททุกสิ่งอย่างในการตามหาตัวเขาเป็แน่
คนเหล่านี้ล้วนมีอำนาจยิ่งใหญ่ในอำเภอฮุ่ยเจ๋อ ในสายตากลุ่มคนเหล่านี้ ตัวเขาก็ไร้ค่าราวกับมดตัวน้อย อีกทั้งพวกหญิงสาวเหล่านี้จะต้องไม่มีโอกาสหลบหนีจากจวนสกุลฮวาเป็แน่ และอาจถูกทารุณกรรมอย่างต่ำช้าเพราะเื่นี้ด้วยก็เป็ได้
สังหารเซียวอี้ซุ่ยคนหนึ่ง บางทีอาจไม่ใช่เื่ที่ยุ่งยากมากนัก ทว่าหากจะดึงอำนาจั้แ่ท้ายตอไปจนถึงต้นตอแล้ว หยางหนิงรู้ตัวดีว่าตนไม่สามารถทำได้
ท่วงท่าของเขารวดเร็วดุจเสือล่าเหยื่อ แม้ว่าคนทางฝั่งตรงข้ามจะสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวเบื้องหน้าแล้ว ทว่าเขากลับไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่ ด้วยเหตุนี้จึงทำแค่เอามือกดดาบที่คาดบริเวณเอวเอาไว้ และค่อยๆ ก้าวต่อไปด้านหน้า อยู่ๆ กลับมองเห็นเงาของคนร่างหนึ่งกระโจนพุ่งใส่ตน ทำให้เกิดอาการตกตะลึงขึ้นชั่วขณะ เขาคิดอยากจะชักดาบออกมา แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนแค่ตาลายไปเท่านนั้น จากนั้นก็มีแสงของดาบวาดขึ้นเป็เส้นหนึ่งก่อนที่ลำคอของเขาจะรู้สึกเ็ปอย่างรุนแรง
หลังจากที่หยางหนิงใช้ดาบฟันลงบนคอหอยของคนผู้นั้นให้ขาดแล้ว คนผู้นั้นก็รีบยกมือขึ้นทาบลงบนลำคอของตน แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ก่อนที่ในคอหอยจะเกิดเสียง “กึกกักกึกกัก” ขึ้น โชคยังดีที่เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะร้องะโแล้ว ร่างกายก็ค่อยๆ โยกเยกไปมา ต่อมาศีรษะของเขาก็หล่นกระแทกลงบนพื้น
พวกหญิงสาวที่เดินตามหลังหยางหนิงอยู่นั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้า พวกนางต่างก็มีสีหน้าขาวซีด มือถูกยกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
หยางหนิงเมื่อสังหารคนผู้นั้นเสร็จแล้ว สายลมในยามค่ำคืนพัดผ่านไป เขาถึงค่อยรู้สึกว่าแผ่นหลังของตนนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะโยนดาบใหญ่ในมือทิ้งลงพื้น ตัดสินใจดึงขาข้างหนึ่งของคนผู้นั้นมาและลากไปทางด้านหลังของพุ่มดอกไม้
เวลานี้ร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้างแล้ว อีกทั้งร่างกายของคนผู้นั้นยังมีขนาดใหญ่โต ทำให้รู้สึกหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย เมื่อซิ่วเอ๋อร์สังเกตเห็น นางก็รีบวิ่งออกมาทางด้านหน้าและดึงขาอีกข้างหนึ่งของซากศพ ช่วยหยางหนิงดึงคนผู้นั้นไปที่หลังพุ่มดอกไม้ด้วยกัน
หยางหนิงหยิบดาบขึ้นอีกครั้งก่อนจะก้าวไปหยิบห่อผ้าที่ตนทิ้งเอาไว้ แล้วจึงยกมือขึ้นโบกไปทางด้านหลัง นำหญิงสาวทั้งหลายเดินผ่านศาลาแปดเหลี่ยมที่อยู่ทางสวนด้านหลัง เมื่อหมุนตัวมาจนถึงด้านหลังพุ่มดอกไม้แล้ว พวกซิ่วเอ๋อร์และหญิงสาวทั้งหลายที่เดินตามมาก็พบว่าด้านล่างของกำแพงนั้นมีช่องรูอยู่จุดหนึ่ง
ชั่วขณะหนึ่งพวกนางทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าที่แห่งนี้จะมีทางออกอยู่จุดหนึ่งด้วย
หยางหนิงทำสัญญาณมือเพื่อบอกทุกคนให้หนีออกไปทางช่องรูนี้
สำหรับหญิงสาวเหล่านี้ จวนแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนนรกบนดิน เวลานี้การจะสามารถหลบหนีออกจากนรกแห่งนี้ได้นั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าทางด้านหน้าเป็เพียงแค่ช่องรูที่แสนสกปรกรูหนึ่ง ต่อให้เป็เขาดาบทะเลเพลิง พวกนางก็จะต้องลองเสี่ยงดวงดูสักครั้ง
เวลานี้หยางหนิงได้หยิบดาบยาวขึ้นมาและยืนเฝ้าอยู่ทางประตูสวนพร้อมลอบสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง เขารออยู่เนิ่นนานจนกระทั่งทางด้านหลังไร้ซึ่งซุ่มเสียงอีก เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าด้านหลังตนไม่มีเงาคนอยู่อีกต่อไปแล้ว เขาถึงได้ตัดสินใจเดินกลับไป เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งหลายล้วนออกไปผ่านช่องรูนั้นแล้ว ตนก็มุดลอดออกไปด้วยเช่นกัน
ในตรอกทางเดินที่คับแคบนั้น หญิงสาวทั้งหลายยืนเรียงกันเป็แถว เบียดตัวเดินผ่านตรอกเล็กไป รอจนกระทั่งหยางหนิงออกมาจากช่องรูแล้วถึงพบว่าทุกคนต่างหันหน้ามองมาทางเขาอยู่
หยางหนิงลุกขึ้นยืน กลับพบว่าซิวเอ๋อร์ได้คุกเข้าลงที่พื้นด้านหน้าอยู่ก่อนแล้ว พวกหญิงสาวคนอื่นเองก็ไม่ลังเล ต่างก็ทำการคุกเข่าลงกับพื้น หยางหนิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบดึงหญิงสาวเ่าั้ให้ลุกขึ้นและทำการเอ่ยเสียงเบา “ที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน พวกเ้ารีบออกไปจากที่นี่เถิด”
ทิศทางของเื่ราวในค่ำคืนนี้อยู่เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้แต่แรกเป็อย่างมาก เพียงแต่ว่าศรธนูได้ง้างไว้แล้ว จะไม่ปล่อยออกก็ไม่ได้
เขารู้ดีว่าเมื่อตนยื่นมือเข้าช่วยหญิงสาวเหล่านี้ให้หลบหนีออกมา เป็ไปได้อย่างมากว่าจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนจำนวนไม่น้อย
“พี่ชาย ถ้าหากไม่มีท่าน พวกเรา...!” ซิ่วเอ๋อร์สะอื้น “ท่านเป็เทพที่์ส่งมา พวกเราจะจดจำท่านไปตลอดชีวิต”
หยางหนิงยิ้มพร้อมเอ่ยออกมาเสียงเบา “าได้จบลงแล้ว พวกเ้าควรรีบกลับบ้านไปโดยเร็ว อนาคตจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข” เขาเปิดถุงผ้าออกก่อนจะเอาถุงเล็กถุงหนึ่งออกมา จากนั้นก็นำถุงผ้าใหญ่ยื่นไปด้านหน้า “ในนี้มีเงินทองอยู่จำนวนหนึ่ง เ้าเอาไปแบ่งให้คนอื่นๆ เงินทองมีไม่มากนัก ทว่าก็คงเพียงพอให้พวกเ้าใช้ชีวิตไปได้่หนึ่ง พวกคนที่พ่อแม่ไม่อยู่ เ้าก็ให้พวกนางมากหน่อย ทุกคนช่วยกันดูแลพวกนางให้ดี”
เงินทองเหล่านี้ในมือของเซียวอี้ซุ่ยก็มิใช่เงินสะอาดอันใด พวกหญิงสาวเหล่านี้ล้วนแต่เป็ผู้อพยพที่มีชีวิตยากลำบาก นำเงินสกปรกเหล่านี้ไปให้กับพวกนาง ให้พวกนางได้ใช้ประทังชีวิตนั้นถือเป็วิธีจัดการที่ดีที่สุด
“พี่ชาย สิ่งนี้...!”
หยางหนิงส่ายศีรษะพร้อมเอ่ย “ไม่ต้องพูดให้มากแล้ว ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด...!” ก่อนจะยัดเอาถุงผ้าใส่ในอ้อมอกของซิ่วเอ๋อร์ และนำถุงเงินเล็กเก็บเข้าไปในอกเสื้อตน ทิ้งดาบเล่มนั้นลงในทางเดินน้ำทิ้ง ก่อนจะโบกมือเบาๆ เป็สัญญาณให้พวกหญิงสาวรีบจากไป
หญิงสาวทั้งหลายล้วนมีสีหน้าตื้นตันใจ ทว่าพวกนางก็รู้ว่าที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่ต่อนานนัก จึงทำการแบ่งออกเป็สองกลุ่มและเดินแยกออกไปสองข้างทางของตรอกทางเดิน หยางหนิงรอจนพวกนางออกจากตรอกซอยนี้ได้แล้ว ถึงค่อยทำการจัดเสื้อผ้าตนให้ดีอีกครั้งและค่อยๆ คลำออกจากตรอกไปเช่นกัน เมื่อเห็นพวกหญิงสาวทั้งหลายยืนรออยู่ด้านหน้าตรอกทางเข้า คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะรีบโบกสะบัดมือ หญิงสาวเ่าั้ถึงจะเร่งรุดจากไปโดยถือโอกาสที่ท้องฟ้ายังมืดมิดอยู่
หยางหนิงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการตายของเซียวอี้ซุ่ยนั้นจะเป็เื่ใหญ่ที่สร้างความสั่นะเืเป็อย่างมากให้กับอำเภอฮุ่ยเจ๋อ คนผู้นี้มีเครือข่ายหยั่งลึกอยู่ในอำเภอฮุ่ยเจ๋อแห่งนี้ มิเพียงแต่มีความสัมพันธ์อย่างเปิดเผยกับคนจำนวนหนึ่ง กระทั่งทางตลาดมืดเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย รอจนถึงวันพรุ่งนี้เมื่อมีคนพบซากศพ จะต้องเกิดพายุครั้งใหญ่ขึ้นเป็แน่
แม้ว่าตนจะลงมือกลางดึก ชั่วขณะหนึ่งคงไม่ถูกผู้คนพบเจอ ทว่าสุดท้ายพรรคพวกของเซียวอี้ซุ่ยก็ต้องตรวจจนมาถึงตัวเขาอยู่ดี ตอนนี้เมืองฮุ่ยเจ๋อเกรงว่าจะเป็สถานที่ที่อันตรายมากกับตนเป็แน่แล้ว
เขาอาศัยเวลาที่ท้องฟ้ายังมืดมิดนี้เร่งรุดกลับไปที่ศาลเ้า
ยังไม่ทันจะได้เข้าไปก็เห็นเหล่าชู่ผีและโหวจื่อนั่งรออยู่ทางหน้าประตูศาลเ้าแล้ว เมื่อเห็นหยางหนิงกลับมา เหล่าชู่ผีก็รีบลุกขึ้นทำการต้อนรับพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา “พบแม่นางเสี่ยวเตี๋ยแล้ว? ตอนนี้นางเป็อย่างไรบ้าง?”
หยางหนิงยิ้มพร้อมเอ่ยตอบ “พบแล้ว หลายวันมานี้นางเองก็ล้มป่วย เพิ่งดีขึ้นได้ไม่มากนักแต่ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว” พลางลอบคิดในใจว่าหากนำเื่ในค่ำคืนนี้มาบอกแก่คนทั้งสอง มิรู้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าเช่นไรกันบ้าง
เหล่าชู่ผีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี ข้าเป็กังวลตลอดคืน เห็นเ้ากลับมาได้ก็ดีแล้ว”
หยางหนิงรู้ว่าเหล่าชู่ผีนั้นเป็ห่วงตนจากใจจริง เขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย ในใจรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง
โหวจื่อนั้นกลับมีท่าทีเก้อเขินอยู่บ้างก่อนจะรีบเอ่ย “คือว่า...คือว่าข้าเห็นเ้าครึ่งค่อนวันยังไม่กลับมา ก็เลย...ก็เลยกลับมารอเ้าที่นี่ก่อน...!”
หยางหนิงเพียงแค่ยิ้มมิได้เอ่ยอะไรต่อ ในใจเขากลับรู้ว่าเ้าเด็กนี่กลัวว่าจะถูกดึงไปเกี่ยวโยงด้วย จึงรีบหนีออกจากสถานที่แห่งนั้น
แน่นอนว่าเขาไม่มีอารมณ์มาคิดเล็กคิดน้อยกับโหวจื่อ เมื่อกลับมาถึงด้านในศาลเ้าและเห็นพวกยาจกคนอื่นๆ กำลังนอนหลับอย่างสบาย เขาก็เดินเข้าไปที่ห้องพักด้านข้าง เหล่าชู่ผีเองก็เดินตามเข้ามา หยางหนิงเหลือบมองไปทางด้านนอกผ่านทางประตูห้องพักก่อนจะเห็นว่าโหวจื่อเองก็เอียงตัวนอนลงด้วยท่าทางที่ดูคล้ายจะเหน็ดเหนื่อยมาก เขาถึงจะค่อยหมุนตัวเดินไปทางกองฟางและดึงมือของเหล่าชู่ผีมา กดเสียงของตนลงต่ำพร้อมเอ่ยขึ้น “เหล่าชู่ผี เ้าต้องออกไปจากที่นี่แล้ว”
เหล่าชู่ผีนิ่งอึ้งไป ขณะที่หยางหนิงได้ดึงเอาถุงเงินขนาดเล็กออกมาและยื่นนิ้วเข้าไปหนีบเอาใบทองคำแผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะวางถุงเงินนั้นลงบนมือของเหล่าชู่ผี
เหล่าชู่ผีที่เห็นว่าในมือของหยางหนิงมีใบทองคำ เขาก็นิ่งค้างไปแล้ว จากนั้นเมื่อดึงสติกลับมาได้แล้วกลับพบว่าบนมือของตนถือถุงเงินเอาไว้ถุงหนึ่งเป็ที่เรียบร้อยแล้ว ภายใต้แสงไฟที่ริบหรี่ เขาก็เหลือบเห็นว่าในถุงเงินนั้นมีเศษเงินอยู่จำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังมีใบทองคำอยู่หลายใบด้วยจึงยิ่งเกิดอาการตกตะลึงก่อนจะเอ่ยเสียงแหบออกมา “นี่คือ...!” ยังมิทันได้เอ่ยจบ หยางหนิงก็ได้ยื่นมือออกไปปิดปากเขาแล้ว
“เ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร ฟังข้าพูดให้จบก่อน” หยางหนิงขยับเข้าไปใกล้หูของเหล่าชู่ผีและกดเสียงลงต่ำพร้อมเอ่ยออกมา
เหล่าชู่ผีพยักหน้าลง หยางหนิงถึงยอมปล่อยมือและเอ่ยต่อเสียงเบา “เซียวอี้ซุ่ยและพวกลูกน้องมือปราบของเขาทำการค้ามนุษย์ เสี่ยวเตี๋ยได้ถูกพวกเขาส่งไปที่เมืองหลวงแล้ว...!”
ร่างกายของเหล่าชู่ผีสั่นสะท้าน ขณะที่แววตาปรากฏความตกตะลึงอย่างหวาดกลัวขึ้น มือทั้งสองค่อยๆ กำแน่นเป็หมัด
“ข้าเองก็ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดกับเ้าได้” หยางหนิงเอ่ยเสียงเบาต่อ “เซียวอี้ซุ่ยได้ถูกข้าสังหารแล้ว หากไม่เกิดเหตุผิดพลาด พวกลูกน้องของเขาไม่นานก็จะตรวจสอบมาถึงตัวข้าได้ เ้าอยู่กับข้ามาโดยตลอด หากพวกเขาตรวจมาถึงข้าก็จะต้องดึงเ้าเข้าไปเกี่ยวด้วยแน่”
เหล่าชู่ผีตัวสั่นไปทั่วร่าง แน่นอนว่าเขารู้ถึงผลลัพธ์ในการกระทำเช่นนี้ของหยางหนิงจึงเอ่ยออกมาด้วยอาการกตะลึง “เ้า...เ้าฆ่าเซียวอี้ซุ่ยไปแล้ว?”
หยางหนิงพยักหน้าลงเบาๆ สีหน้าจริงจังขณะเอ่ยต่อเสียงเบา “ฟ้าใกล้จะสางแล้ว ประตูเมืองอีกไม่นานก็จะเปิดออกแล้ว ข้าไม่อาจทิ้งเสี่ยวเตี๋ยโดยไม่สนใจได้ เพราะฉะนั้นข้าจะไปตามหาเสี่ยวเตี๋ย เหล่าชู่ผี เ้าเองก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อได้แล้ว เงินเหล่านี้เ้าเก็บเอาไว้ก่อน ตอนนี้าได้สงบลงแล้ว เ้าไปหาสถานที่หนึ่งและสร้างรายได้เล็กน้อย พร้อมกับหาภรรยามาใช้ชีวิตอยู่ต่ออย่างสงบเถิด...!”
“เสี่ยวเตียวเอ๋อร์...!” เหล่าชู่ผีขอบตาแดงก่ำ “เ้าสุนัขเซียวอี้ซุ่ยนั้นไร้ซึ่งมนุษยธรรม คนมากน้อยเท่าไรคิดอยากจะสังหารเขา เ้า...เ้านั้นขจัดภัยให้กับชาวบ้านแล้ว ข้าและ...!” เดิมเขาคิดอยากจะบอกว่าตนอยากติดตามเสี่ยวเตียวเอ๋อร์ไปตามหาเสี่ยวเตี๋ยด้วย แต่เขาก็รู้ดีว่าตนอายุมากแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรง หากติดตามเสี่ยวเตียวเอ๋อร์ไปก็มีแต่จะเป็ภาระ ริมฝีปากจึงขยับเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
หยางหนิงกลับดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของเขาจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกุมมือของเหล่าชู่ผีเอาไว้แล้วเอ่ยตอบเสียงอ่อน “ทางไปเมืองหลวงนั้นไกลยิ่งนัก อีกทั้งแม้แต่ตัวข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาเสี่ยวเตี๋ยพบหรือไม่ เหล่าชู่ผี เ้าเป็คนมีจิตใจเมตตา ถ้าหากไม่ได้เ้ามาคอยดูแล เกรงว่าข้าคงไม่มีชีวิตรอดแล้ว บุญคุณนี้ของเ้า ข้าจะไม่ลืมเด็ดขาด”
เหล่าชู่ผีกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าหยางหนิงกลับส่ายหน้าพร้อมเอ่ยต่อเสียงเบา “เวลามีไม่มากแล้ว หากศพของเซียวอี้ซุ่ยถูกพบ เป็ไปได้อย่างมากว่าเมืองฮุ่ยเจ๋อจะลงกลอนปิดเมือง เ้ารู้หรือไม่ว่าประตูเมืองจะเปิดเมื่อใด?”
เหล่าชู่ผีรีบเอ่ยตอบ “เวลาเปิดปิดประตูเมืองนั้นเกี่ยวข้องกับฤดูกาลด้วย ฤดูกาลนี้ ยามเหม่าสามเค่อ*ก็จะทำการเปิดประตูเมืองแล้ว!”
สำหรับ่เวลาของโบราณนั้นหยางหนิงยังพอจะรู้จักอยู่บ้าง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ตอนนี้เ้าไปเตรียมการและเดินไปทางฝั่งเหนือของประตูเมืองก่อน ขอเพียงประตูเมืองเปิดออก เ้าก็ออกจากเมืองไปทันที ไปได้ไกลเท่าใดก็ยิ่งดี อย่าได้คิดกลับมาอีก”
“แล้วเ้า...?”
“ข้าจะออกจากทางประตูเมืองทางใต้” หยางหนิงเอ่ยเสียงเบา “พวกโหวจื่อไม่รับรู้เกี่ยวกับเื่นี้ หากเื่นี้ถูกเปิดเผยออกไป พวกเขาจะต้องถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องแน่ จึงไม่อาจอยู่ในเมืองต่อด้วยเช่นกัน หลังจากฟ้าสาง ข้าจะพาพวกเขาออกจากเมืองก่อน”
เหล่าชู่ผีเอ่ยออกมาเสียงเบา “ตอนนี้ไม่อาจบอกพวกเขาได้ หากพวกเขาเกรงว่าจะถูกดึงไปเกี่ยวด้วยและทำลอบหักหลังเ้า เช่นนั้นก็จะ...!”
“ข้ารู้” หยางหนิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความขบขันจางๆ “หลังจากออกเมืองแล้ว ข้าค่อยให้พวกเขาหลบหนี”
เหล่าชู่ผีเห็นหยางหนิงจัดการเื่ราวเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยักหน้าลงเบาๆ เขารู้ดีว่าหยางหนิงตั้งใจให้เขาหนีจากไปตัวคนเดียว ก็เพราะกลัวว่าหากพวกโหวจื่อไปด้วยกันกับเขาแล้ว คนเ่าั้อาจจะเห็นเงินทองและเกิดความคิดไม่ดีขึ้น
เขานำเอาถุงผ้าในมือวางลงกับพื้น ก่อนจะกอดหยางหนิงแน่น เมื่อหยางหนิงถูกยาจกชรากอดตัวเองไว้ ชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ทว่าเขาเองก็รู้ว่าวันนี้เมื่อจากกันแล้วอาจจะไม่มีวันได้พบกันอีก จึงได้แต่ยกมือขึ้นตบหลังของเหล่าชู่ผีเบาๆ และเอ่ยต่อเสียงเบา “เ้าดูแลตัวเองให้ดี หากยังมีวาสนาต่อกันอยู่ พวกเราก็จะได้พบกันอีกแน่ นี่ก็สายมากแล้ว ไม่ควรเสียเวลาอีก เหล่าชู่ผี เ้ารีบไปเถิด!”
เหล่าชู่ผีปล่อยมือก่อนจะเก็บถุงผ้าของตนให้เรียบร้อย และหยิบเอาไม้กระบองขึ้นมาถือไว้ในมือพร้อมกับก้าวเท้าเดินจากไป แต่เมื่อเดินไปจนถึงหน้าประตู เขาก็หันกลับมามองหยางหนิงอีกแวบหนึ่ง หยางหนิงอมยิ้มออกมาพร้อมกับโบกมือเบาๆ เหล่าชู่ผีพยายามไม่ให้ตัวเองหลั่งน้ำตาออกมาก่อนจะรีบรุดเดินจากไป
*ยามเหม่าสามเค่อ คือ่เวลาประมาณ 0545 (ยามเหม่า 0500 – 0659 และ 1 เค่อคือเวลา 15 นาที)