วันต่อมาคังเหว่ยได้พบกระต่ายตาแดงสามตัว
ภาพจำลองผลลัพธ์ของกงหยางวาดออกมาดีหรือไม่?
หากให้กงหยางออกแบบเองคงจะทำได้ไม่ดี แต่ถ้าแค่วาดภาพการออกแบบของเซี่ยเสี่ยวหลานออกมา กงหยางถนัดมาก เขาคือนักศึกษาศิลปะ มีการแสดงผลลัพธ์เป็แบบสามมิติ รูปทรงก็ถูกต้อง สีสันก็ไม่นามธรรมจนเกินไป ้าความสมจริงชัดเจน แปลนสองชุดที่กงหยางอดหลับอดนอนวาดออกมา เมื่อเห็นก็เหมือนกับภาพสีซึ่งถ่ายจากที่ไหนสักแห่งในบริเวณบ้าน
“ลุงหลิว ธุรกิจลุงนี้มืออาชีพมาก นักศึกษาหยางเองก็วาดดี วาดดีมาก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานขัดจังหวะ “ภาพวาดของกงหยางสวยทีเดียว ถ้าบ้านเธอตกแต่งเสร็จแล้ว ก็ควรต้องมีภาพประดับบ้าง เธอสามารถจ้างกงหยางวาดได้”
ลมหายใจของกงหยางหนักหน่วงขึ้นทันที
เขาทำงานพิเศษพวกนี้ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็เพื่ออาชีพวาดภาพของตน
คนเรียนศิลปะคนไหนจะไม่อยากให้ผลงานของตนเองถูกผู้คนเชยชมบ้าง? สำหรับนักศึกษาศิลปะแล้ว ความแตกต่างระหว่างนักศึกษาและจิตรกร ว่ากันอย่างหยาบคายคือผลงานของนักศึกษาจะสามารถเปลี่ยนเป็เงินทองได้หรือ ต่อให้วาดดีเพียงใด เมื่อไม่มีคนเชยชมช่างน่าเ็ปเหลือเกิน จะตามรอยแวนโก๊ะที่โด่งดังไปทั่วโลกหลังเสียชีวิตจริงๆ หรือ? กงหยางยังไม่มีสำนึกทางความคิดสูงส่งถึงขนาดนั้น ถ้าเลือกได้ เป็ปิกัสโซ่ดีกว่านี่นา ตอนปิกัสโซ่มีชีวิตอยู่ภาพวาดก็ขายได้แล้ว
คำพูดเสนอขายเขาของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็สิ่งที่กงหยางไม่คาดคิด
คังเหว่ยใช้งบประมาณ 3 หมื่นมาตกแต่งภายในบ้านก็ทำเอากงหยางตะลึงแล้ว เื่วาดภาพจำลองผล เซี่ยเสี่ยวหลานเคยบอกว่าการตกแต่งภายในต้องเข้าคู่กับการประดับในภายหลัง นักออกแบบที่ดีควรคำนึงกระทั่งว่าตรงไหนควรวางแจกันดอกไม้หรือตรงไหนควรแขวนภาพวาด บ้านโฉมใหม่ของคังเหว่ยจะแขวนภาพประดับจำนวนหนึ่ง แต่คังเหว่ยก็มิใช่ว่าไม่มีกำลังซื้อภาพวาดเสียหน่อย
จิตรกรที่ชื่อเสียงไม่โด่งดังมากนัก ผลงานหนึ่งภาพก็ราคาไม่เท่าไร คุณคังเหว่ยผู้ร่ำรวยฟู่ฟ่าย่อมจ่ายไหวแน่นอน
คังเหว่ยจะใช้ภาพวาดของเขาไหม?
กงหยางไม่พูดจา ทว่าในแววตามีความคาดหวังอยู่
คังเหว่ยลังเลอยู่นานกว่าจะพยักหน้า
“พี่สะใภ้แนะนำให้ต้องดีอยู่แล้ว! เช่นนั้นฉันจะรอคอยผลงานชิ้นเอกของนักศึกษากงแล้วกัน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานข่มรอยยิ้มไว้ คังเหว่ยขายบุหรี่ด้วยตนเองใน่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ก็มีพัฒนาการขึ้นแล้ว เมื่อก่อนไม่เคยแพรวพราวขนาดนี้นี่นา เขาไม่สนว่าในบ้านจะแขวนภาพวาดของใครหรอก แต่จงใจลังเล เพราะดูออกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะ ‘ทาบทาม’ กงหยาง เลยทำตามความความ้าของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียหน่อย
สิ่งที่ได้มาโดยง่าย มนุษย์ก็จะไม่หวงแหนนัก วันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานสร้างความประหลาดใจแก่กงหยางอย่างไม่ทันตั้งตัว เวลานี้เขาย่อมรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก
สุดท้ายคังเหว่ยก็เลือกแปลนโทนสีอ่อน ดูแล้วไม่หรูหรา แต่เหมาะสมกับความคาดหวังของเขาที่มีต่อ ‘บ้าน’ มากกว่า
“พวกเราไม่จัดหาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ ส่วนค่าใช้จ่ายการตกแต่งและเครื่องเรือนอื่นๆ รวมถึงค่าแรงคนงาน วางงบประมาณขั้นแรกคือ 31500 หยวน”
เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีวิธีจัดหาให้อยู่ดี
หากคังเหว่ยจะซื้อโทรทัศน์ใหญ่สักเครื่องตั้งในห้องรับแขก เซี่ยเสี่ยวหลานจะไปซื้อที่ไหน? ครอบครัวเธอซื้อแค่เครื่องซักผ้ายังต้องอาศัยไว่ฮุ่ยเชวี่ยนที่โจวเฉิงมอบให้ ปักกิ่งไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงที่จ่ายเงินเพิ่มแล้วอะไรก็ซื้อได้หมด สิ่งของพวกนี้ คนต่างถิ่นเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานพยายามไปก็ยังห่างชั้นจากคังเหว่ยอีกโขอยู่ดี
ตอนพวกเซี่ยเสี่ยวหลานวาดแปลนตกแต่ง บ้านคังเหว่ยเพิ่งทำความสะอาดเสร็จสมบูรณ์ พอแปลนได้รับการยืนยัน หลิวหย่งก็นำคนเริ่มงานได้ทันที ทุบกำแพงวางท่อ ปรับปรุงเส้นทางการจ่ายน้ำและไฟ นี่ต่างหากที่เป็สถานการณ์ปฏิบัติงานตกแต่งภายในอย่างแท้จริง จะบอกว่าหลิวหย่งโชคดีก็ได้ คังเหว่ยคือคนคุ้นเคยถึงได้เชื่อมั่นในตัวเขา ไม่เพียงแต่เสียสละบ้านของตัวเอง ทั้งยังจ่ายเงินค่าตกแต่งภายในตั้ง 3 หมื่นหยวน
สูทสั่งตัดชุดนั้นของหลิวหย่งจำต้องถอดออกเป็ธรรมดา และกลับไปใส่ชุดเกษตรกรของเขาอีกครั้ง
กงหยางยังออกจากพื้นที่ทำงานไม่ได้ เขาต้องคอยดูอยู่ในสถานที่จริง อธิบายภาพออกแบบแก่หลิวหย่ง กำแพงที่เดิมทีจะเหลือไว้ 20 เิเ หากเกิดเผลอทุบโครมครามหมดเกลี้ยงจะทำอย่างไร?
ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นไม่มีธุระอะไร
“เธอรู้ว่าหน่วยงานของโจวเฉิงเขาไปอย่างไรสินะ?”
คังเหว่ยพยักหน้าหงึกหงักอย่างแรง
เขานับถือที่เซี่ยเสี่ยวหลานเยือกเย็นเก่งเสียจริงๆ ทั้งที่มาปักกิ่งได้สองวัน ก่อนหน้านี้กลับไม่เคยเอ่ยสักคำว่าจะไปเยี่ยมโจวเฉิง จนกระทั่งวางแปลนตกแต่งเสร็จ และการตกแต่งภายในได้ริเริ่มดำเนินการ งานของเซี่ยเสี่ยวหลานจบแล้ว เธอถึงจะไปพบโจวเฉิง
นี่เหมือนหญิงสาวผู้ตกอยู่ท่ามกลางห้วงเสน่หาหรือ อารมณ์ช่างนิ่งสนิทเหลือเกิน
คังเหว่ยรู้สึกสงสารพี่เฉิงจื่อขึ้นมา ในความสัมพันธ์นี้โจวเฉิงน่าจะเป็ผู้กระตือรือร้นมากกว่า และทุ่มเทมากกว่า
เฮ้อ วีรบุรุษยังยากจะก้าวข้ามด่านหญิงงาม ตอนนั้นที่พบว่าที่พี่สะใภ้โดยบังเอิญในเขตอันชิ่ง พี่เฉิงจื่อยังหยิ่งทะนงอยู่เลย ปรากฏว่าหลังจาก ‘วีรบุรุษช่วยชีวิตสาวงาม’ ทำความรู้จักกันเป็เื่เป็ราว ก็ถลำตัวราวกับมีผีสางสิงสู่
“พี่สะใภ้ ฉันรู้ทาง จะให้ฉันขับรถไปส่งเธอไหม?”
“อยากให้เธอไปส่งสักหน่อย แต่ไม่ใช่วันนี้ เป็พรุ่งนี้เช้าน่ะ”
หา?
นี่เธอยังไม่รีบร้อนอีกหรือ!
ความไม่เข้าใจของคังเหว่ยถูกเขียนไว้บนใบหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางอธิบายต่อชายหนุ่มแสนซื่อแบบนี้ คู่รักหนุ่มสาวไม่ได้พบหน้ากันตั้งหลายเดือน เธอจะไม่อยากสร้างภาพลักษณ์อันดีแก่โจวเฉิงหน่อยหรือ? หญิงสาวสะสวยแค่ไหน กลางคืนอดหลับอดนอน กลางวันตะลอนเทียวร้านวัสดุก่อสร้างไม่หยุดหย่อน เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าสีหน้าของตนเองซีดเผือดราวิญญาด้วยซ้ำ—สตรีพิถีพิถันแต่งกายเพื่อผู้ที่จะชมเชยตน เธอไม่สนใจว่าภาพลักษณ์ต่อหน้าคังเหว่ยของเธอจะเป็อย่างไร เพราะเธอไม่ได้ชอบคังเหว่ย
แต่เธอชอบโจวเฉิง
วันเกิดของโจวเฉิงกำลังจะมาถึงแล้ว คือเดือนหน้านั่นเอง
เดือนเมษายนใกล้จะสอบคัดเลือกรอบแรกแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ว่างมาปักกิ่ง เธอจึงอยากจัดการฉลองวันเกิดให้โจวเฉิงล่วงหน้า
ล่วงหน้าหนึ่งเดือนก็ไม่เสียหายอะไร เป็เพียงการหาข้ออ้างปฏิบัติตัวดีต่อแฟนหนุ่มสักหน่อยเท่านั้น ในความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอโตกว่าโจวเฉิง วัยเยาว์ของชายหนุ่มได้อุทิศแก่เธอทั้งหมดแล้ว เธอจึงควรดีต่อโจวเฉิงบ้าง
ฉลองวันเกิดจะฉลองอย่างไร?
ถ้าในอนาคตก็คงสะดวกสบายกว่ามาก สั่งเค้กสักก้อน เลือกไวน์สักขวด หาร้านอาหารที่บรรยากาศไม่เลวสักแห่ง และค่อยเตรียมของขวัญที่เลือกเฟ้นอย่างตั้งใจสักชิ้น ไม่ว่าตัวชูโรงของการฉลองวันเกิดจะเป็ชายหรือหญิง นี่คือแบบแผนที่ไม่มีผิดพลาดแน่นอน
ทว่าโจวเฉิงอยู่ในหน่วยงาน แถมวันเกิดยังมาไม่ถึงจริงๆ ด้วย ถือเค้กไปจะดูจงใจประดิษฐ์เกินควรหรือเปล่า?
จะให้สุรา เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่รู้กฎในหน่วยงานของโจวเฉิงอย่างแน่ชัด ถ้าระเบียบเข้มงวดมากคงไม่สามารถแตะต้องสุราได้สินะ จะไปร้านอาหารที่บรรยากาศไม่เลว ก็ต้องให้โจวเฉิงออกมาให้ได้ก่อน โจวเฉิงเหมือนจะโปรดปรานนาฬิกาข้อมือไม่น้อย? ก่อนหน้านี้เห็นเขาเคยสวมโรเล็กซ์ เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจส่งโทรเลขบอกไป๋เจินจูให้คอยสอดส่อง ถ้าเจอคนขายนาฬิกาข้อมือชั้นสูง ก็ช่วยซื้อไว้ที
คงทันวันเกิดของโจวเฉิงในเดือนหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเป็ดย่างที่วันแรกมารับประทานก็ดีทีเดียว อาหารต่างๆ นานาของเฉวียนจวี้เต๋อในยุค 80 ยังคงสุดยอดอยู่ เพียงแต่เป็ดย่างต้องรับประทานตอนร้อนๆ หลังเย็นชืดแล้วรสชาติจะลดลงมาก โจวเฉิงไม่ใช่คนเลือกกิน ทว่าโจวเฉิงมีรสนิยมสูงในการรับประทาน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากซื้อเป็ดย่างเย็นสองตัวมาเป็ของชดเชย
อาหารอะไรก็ต้องรับประทานตอนยังร้อนนี่นะ
“คังเหว่ย เธอรู้หรือไม่ว่าที่ไหนมีแพะหัน?”
สำหรับร้านแพะหันที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จัก ปัจจุบันคงไร้แม้แต่เงา
“แพะหัน? พี่สะใภ้ชอบกินเ้านี่หรือ? มีแววตาดีจริง พี่เฉิงจื่อก็ชอบกินเนื้อแพะเหมือนกัน...”
คังเหว่ยขายความชื่นชอบของโจวเฉิงเสียเกลี้ยง
เนื้อแพะไม่ใช่ของที่ทุกคนชอบรับประทาน บางคนเกลียดที่มันมีกลิ่นสาบ ไม่มีกลิ่นสาบจะเรียกว่าเนื้อแพะได้หรือ? เมื่อกลิ่นสาบแพะถูกจัดการเรียบร้อยก็คือรสชาติอันเลิศล้ำ คังเหว่ยแนะนำร้านให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลานจนตนเองพลอยอยากไปด้วยแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ตอนเย็นพวกเราไปกินตงไหลซุ่นกันดีหรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้