ภรรยานายพรานตัวน้อยกับระบบร้านค้ามือสอง [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ละครยังไม่ทันได้เปิดฉากก็จบลงเพราะหลินสวี่ซื่อหมดสติ เหล่าคนทำงานและคนที่มามุงดูเ๱ื่๵๹สนุกยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดกระไรขึ้นก็เห็นหลินซย่าจื้อวิ่งโวยวายออกไปเสียแล้ว

        หลินหวั่นชิวเดินดูบ้านกับเจียงหงหย่วนต่อ จะปรับแก้ที่ใดก็บอกหวางทงเป่า แก้ตอนนี้ยังทันเวลา

        แต่โชคดีที่ภาพรวมไม่มีปัญหากระไร ปรับแก้แค่จุดเล็กๆ ไม่ได้เสียเวลานัก

        ดูบ้านเสร็จ หลินหวั่นชิวรีบไปบ้านหวางกุ้ยเซียง รับผ้าเช็ดหน้ากับดอกไม้ประดับผมและมอบวัสดุให้เพิ่ม

        “กุ้ยเซียง เ๽้าได้ถามหงฮวาหรือไม่ว่านางทำดอกไม้ประดับผมเสร็จหรือยัง?”

        “ถามแล้ว นางบอกว่ายังไม่เสร็จ ไม่เช่นนั้นรู้ว่าท่านมานางคงมารอที่บ้านข้า นางต้องรับผิดชอบงานในบ้านด้วยตัวคนเดียว ไม่เหมือนข้าที่ท่านแม่ไม่ต้องให้ทำสิ่งใด มีเวลามาปักผ้าเช็ดหน้าร้อยลูกปัดทำดอกไม้”

        “เ๽้าเองก็อย่าหักโหมนัก ข้าไปก่อนล่ะ อีกไม่นานน่าจะได้ย้ายกลับมาแล้ว พวกเราค่อยนัดกัน”

        “ได้ พี่สะใภ้ ท่านกับเจียงต้าเกอกลับดีๆ” หวางกุ้ยเซียงมาส่งทั้งคู่ที่ลานบ้าน มองรถล่อเคลื่อนจากไป

        “กุ้ยเซียง คราวหน้าเ๽้าไม่ต้องช่วยแก้ตัวแทนหงฮวาแล้ว นางจะไม่มีเวลาทำได้อย่างไรกัน ตอนข้าไปบ้านนาง ข้าเห็นกับตาว่านางกำลังทำดอกไม้ประดับผม ทั้งยังทำเสร็จไปเยอะแล้วด้วย เ๽้าระวังตัวหน่อยเถิด หงฮวาคิดไม่ซื่อ ไม่แน่ว่าจะอยากอมของพวกนั้นไว้เอง” หลังจากหลินหวั่นชิวจากไป จางซื่อ ภรรยาของเถียนเซิงดึงแขนหวางกุ้ยเซียงมาพูดด้วย

        หวางกุ้ยเซียงมองพี่สะใภ้ตัวเอง “พี่สะใภ้ เ๹ื่๪๫นี้ท่านจะพูดมั่วๆ ไม่ได้ หากผู้อื่นได้ยินเข้าคงทำลายชื่อเสียงของหงฮวา นางคงอยากทำให้หมดเสียก่อนค่อยให้ทีเดียว”

        “ได้ ไม่เชื่อก็ตามใจ ข้าเป็๲คนเลวโดยเปล่าประโยชน์เอง” จางซื่อเห็นน้องสามีปกป้องจ้าวหงฮวาก็สะบัดมือกลับห้อง

        พี่สะใภ้กับน้องสามีไม่สนิทกัน นางแค่เตือนสติเท่านั้น

        แต่ในเมื่อน้องสามีไม่ฟังจะทำกระไรได้?

        “หย่วนเกอ ท่านทำสวี่ซื่อหมดสติได้อย่างไร?” ออกจากหมู่บ้าน หลินหวั่นชิวเลิกม่านมองแผ่นหลังกว้างของชายฉกรรจ์แล้วถาม

        “ดีดก้อนหินใส่คอนาง ที่คอมีจุดชีพจรที่ถ้ากดแล้วจะหมดสติอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม [1]” เสียงเจียงหงหย่วนทั้งทุ้มทั้งมีพลัง ฟังแล้วรู้สึกปลอดภัย

        “หย่วนเกอสุดยอดมาก! ข้าไม่ทันเห็นก้อนหิน เห็นเพียงนางล้มฟุบลงไป” หลินหวั่นชิวมองชายฉกรรจ์ตาเป็๞ประกาย

        เขาเป็๲สมบัติที่นางเก็บได้ชัดๆ

        ไม่สิ เป็๞สมบัติที่นางตีแตกต่างหาก

        เหมือนที่พวกป้าๆ  ในหมู่บ้านคุยกัน คนนอกมองว่าเป็๲นรก คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็๲ที่แห่งความสุข

        บุรุษผู้นี้รู้วิธีดูแลสตรี

        ส่วนน้องชายสองคน (น้องสามี) ก็เปลี่ยนจากความไม่ชอบพอในตอนแรกมาเป็๲ห่วงนาง ปกป้องนาง

        หลินหวั่นชิวรู้สึกละโมบในความรู้สึกนี้มาก

        นางต้องเห็นคุณค่าของครอบครัวที่เพิ่งได้มา เห็นค่าความรู้สึกล้ำค่าที่นางปรารถนาแต่ไม่อาจ๦๱๵๤๦๱๵๹เมื่อชาติที่แล้ว

        เจียงหงหย่วนยิ้มกว้าง

        เผยให้เห็นฟันขาวซี่โต

        ความรู้สึกที่ถูกภรรยาตัวน้อยชื่นชมช่างดีเหลือเกิน เขารู้สึกว่าร่างกายมีพลังที่ใช้อย่างไรก็ไม่หมด พลังนี้แทบจะผลักให้เขาบินได้

        “ไว้พวกเราเข้าหอ ข้าจะทำให้เ๽้ารู้เองว่ากระไรคือความสุดยอดที่แท้จริง!” ยกหอกทลายประตูเมือง เขาเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว เพียงแต่ประตูเมืองบอบบางเกินไป ต้านแรงเขาไม่ไหวเป็๲แน่ กลัวทำพัง

        ยังต้องรอถึงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า…

        ๰่๥๹เวลานี้…ช่างทรมานยิ่งนัก

        หลินหวั่นชิวกลอกตาใส่ ปิดม่านลง กอดเข่าซุกหน้าลงไป

        แม่เ๽้า ชายฉกรรจ์หิวโหยเช่นนี้ต้องเกิดเ๱ื่๵๹เป็๲แน่ ถ้าถึงวันเข้าหอจริงๆ…หลินหวั่นชิวแค่จินตนาการถึงภาพที่อาจเกิดขึ้นก็กลัวตัวสั่นเสียแล้ว

        นางจะไม่โดนเขาฆ่าตายใช่หรือไม่?

        แต่ดูจากความหิวโหยแล้วก็…มีสิทธิ!

        หรือว่า…นางควรเริ่มออกกำลังกายเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ดี?

        รื้อโยคะกลับมาฝึกใหม่?

        อืม กลับไปแล้วต้องกินโอสถชำระไขกระดูกเม็ดที่เหลือแล้วฝึกโยคะ…ถึงเวลานั้นจะได้ทำให้วัวเหนื่อยตายในทุ่งนา!

        จัดการเขา!

        รอดูเถิดว่าผู้ใดจะแน่กว่ากัน!

        ผู้ใดต้องเป็๲ฝ่ายร้องขอชีวิต ผู้ใดเป็๲ฝ่ายที่สุดยอด?

        ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

        เพื่อเอาชีวิตรอดจากชายฉกรรจ์ในอนาคต หลินหวั่นชิวสู้ตายเช่นกัน

        เจียงหงหย่วนไม่รู้เลยว่าภรรยาตัวน้อยกำลังคิดเ๹ื่๪๫สู้บนเตียงกับตัวเอง สู้เพื่อให้ได้มีสิทธิมีเสียง เขาคิดว่านางกำลังเขิน ขับรถล่ออย่างอารมณ์ดี

        กลับถึงอำเภอ ทั้งคู่กลับบ้านไปกินข้าวเสร็จ เจียงหงหย่วนก็ไปบ่อน

        มีคนรอให้เขาติดกับอยู่ เขาต้องให้เกียรติอยู่แล้ว

        หลินหวั่นชิวนอนงีบครู่หนึ่งก็ออกไปร้านขายเครื่องเรือนเก่า คราวก่อนนางทิ้งความประทับใจไว้ให้เสี่ยวเอ้อร์เป็๲อย่างมาก ยากที่อีกฝ่ายจะลืมเลือน

        แต่รอบนี้นางไม่ขาดแคลนเงิน เดินเข้าข้างในอย่างองอาจ ดูเครื่องเรือนที่แกะสลักจากไม้ชั้นดี

        เตียงอรหันต์ โต๊ะหนังสือ ตู้ขนาดต่างๆ เก้าอี้แบบมีพนักพิงและที่วางแขน โต๊ะน้ำชา ฉากกั้นห้อง โต๊ะแปดเซียน…นางดูจนตาลาย เลือกซื้อจน…มีความสุขจนเก็บไว้ไม่อยู่

        สวยมากจริงๆ ทุกชิ้นถือว่าเป็๞งานชั้นยอด

        เสี่ยวเอ้อร์คงรู้ถึงฝีมือ ไม่กล้าปกปิดหรือหมกเม็ดกระไร นางอยากได้ของชั้นยอดก็พาไปดู

        ว่ากันด้วยเหตุผล เครื่องเรือนในยุคนี้ต่างก็ทำจากวัสดุชั้นดี วิจิตรบรรจงทุกชิ้น

        แต่ราคากลับถูกกว่ายุคปัจจุบันมาก เพราะช่างฝีมือในยุคนี้เป็๲อาชีพที่หาเลี้ยงชีพไปวันๆ สถานะทางสังคมของชาวนา ช่างฝีมือและพ่อค้ายังต่ำอยู่มาก

        รอบนี้หลินหวั่นชิวไม่ได้ต่อราคากับเสี่ยวเอ้อร์แบบชิ้นต่อชิ้น ในหัวนางมีแผนภาพสามมิติ นางก็เลือกว่าจะใส่สิ่งใดลงในห้องบ้าง

        เลือกจนพอ คิดราคาแล้วค่อยต่อราคา เจอหน้าลดครึ่งราคา คุยราคาแล้วลดให้สามส่วนจึงเป็๲อันตกลง

        อันที่จริงเครื่องเรือนได้กำไรเยอะมาก เครื่องเรือนเก่าหลายชิ้นมาจากโรงรับจำนำ แต่ถ้าให้ไปซื้อจากโรงรับจำนำโดยตรง อย่างดีสุดก็ โดนหนูแทะ…หนังขาดรุ่งริ่ง…ขาเอียงขาไม่ครบ…เก้าอี้ผุ…เครื่องปั้นแตก…

        เครื่องเรือนเอาไปใช้แทนเงินเหมือนเครื่องประดับไม่ได้ เครื่องเรือนน้ำหนักเยอะ จะขายทันทีก็ยาก คนส่วนใหญ่ที่ร้อนเงินจะให้คนจากโรงรับจำนำหรือไม่ก็คนเก็บของเก่ามาขนไป อย่างไรราคาก็โดนกดจนต่ำมากอยู่แล้ว ได้ราคาแค่หนึ่งในสิบของราคาเดิมก็ถือว่าเถ้าแก่เมตตายิ่งนัก

        แต่หลินหวั่นชิวจะให้เถ้าแก่คำนวณราคาเช่นนี้ไม่ได้ หนึ่งเพราะเดิมทีราคาของเก่าย่อมถูกกว่าของใหม่ สองเพราะคนอื่นต้องหาเลี้ยงชีพ เป็๞เงินส่วนที่ควรได้ ไม่มีกระไรต้องอิจฉา

        เหมือนอย่างเช่นตัวนางเอง นางอาศัยห้องหัตถการเสียนอวี๋มาหาเงิน อาศัยตัวหนังสือและฝีมือวาดภาพมาหาเงิน มีผู้ใดว่ากระไรได้?

        จ่ายเงินมัดจำให้ร้านขายของเก่า นัดให้พวกเขาไปส่งที่หมู่บ้านเค่าซานในอีกสิบวันเสร็จก็เดินกลับบ้าน

        แต่หลินหวั่นชิวเพิ่งออกจากร้านได้ไม่นานกลับถูกใครบางคนจ้องและเดินตามมา

         

        เชิงอรรถ

        [1] ครึ่งชั่วยาม เท่ากับ 1 ชั่วโมง

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้