ไม่อาจรู้ได้ว่าเกาเจวี๋ยที่เอนกายนอนอยู่นั้นหลับหรือลืมตา ดวงตาของเขาคล้ายจะหลับแต่ก็ไม่เชิง มีเสียงกรนเป็จังหวะเนิบนาบ
“จะทำอย่างไรได้เล่า? คนที่โกหกคือบิดาและพ่อตาของเ้า เ้าไม่อาจสังหารพวกเขาได้ เ้าสาวของเ้าก็เป็สตรีที่ผูกพันมานานหลายปี เ้าเฝ้าดูนางเติบโตดั่งน้องสาวของตน ไม่สามารถตบตีหรือตำหนินางได้ อีกทั้งประมุขหลิงยังกล่าวชัดเจนขณะความลับถูกเปิดเผยว่าทุกอย่างเป็สิ่งที่เขาจัดเตรียมไว้ ลูกสาวคนรองทำตามเจตนารมณ์ของเขาอย่างว่าง่าย ทั้งยังขอให้เ้าปฏิบัติต่อนางให้ดี”
เลี่ยวจือหย่วนบิดี้เี ก่อนจะนอนแผ่หลาบนเตียงกว้าง เบียดเกาเจวี๋ยจนแทบจะตกเตียง เขาเค้นเสียงหัวเราะจากอกพลางกล่าว “ประมุขหลิงยังบอกอีกว่าการทำเช่นนี้เป็ผลดีต่อเ้า เ้าเป็ชายชาตรีที่ให้ความสำคัญกับศีลธรรมและไมตรี หากก่อนแต่งงานเ้ารู้ข่าวการตายของว่าที่ภรรยา เ้าต้องไม่ยอมแต่งหญิงใดเป็ภรรยาอีก ไม่แน่อาจไว้ทุกข์ให้แก่หลิงเมี่ยวชุนนานถึงสามปี ประมุขเกาพูดเสริมอีกว่าสามปีให้หลัง เ้าก็อายุยี่สิบหกปีแล้ว หากยังไม่แต่งชายาเอกเข้าจวน อนุชายาก็ยากจะมีเช่นกัน ลูกหลานอย่าได้เอ่ยถึง ความอกตัญญูมีสามประการ ที่สุดของความอกตัญญูคือการไร้ทายาทสืบสกุล เขาสั่งให้เ้ากลับไปคิดไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งใดสำคัญกว่า ระหว่างสตรีที่ลาโลกไปแล้วกับบิดามารดาที่หวังอุ้มหลาน”
เกาเจวี๋ยเบิกตากว้าง ก่อนเอ่ยถามอย่างเ็า “ผู้ใดบอกเ้า? มีหลายเื่ที่แม้แต่ลู่เจียงเป่ยและต้วนเสี่ยวโหลวก็ยังไม่รู้”
ลู่เจียงเป่ยและเกาเจวี๋ยเป็ทหารองครักษ์จิ่นอีเว่ยรุ่นเดียวกัน ทว่าระดับตำแหน่งแม่ทัพของลู่เจียงเป่ยสูงกว่าเกาเจวี๋ย กล่าวได้ว่าลู่เจียงเป่ยนั้นเหนือกว่า ทั้งยังเป็สหายที่ดีที่สุดของเขา แต่ด้วยเกาเจวี๋ยมีนิสัยทะนงตน เข้าถึงยาก ทำให้เขากลายเป็คนสันโดษ ไม่มีสหายสนิท ในบรรดาองครักษ์จิ่นอีเว่ย มีเพียงลู่เจียงเป่ยที่สนิทและดีกับเขาที่สุด
แม้ต้วนเสี่ยวโหลวจะเป็ลูกพี่ลูกน้องของเกาเจวี๋ย ทว่านิสัยกลับต่างกันคนละขั้ว ต่างฝ่ายต่างขัดหูขัดตากันและกัน การสื่อสารแทบจะเป็อวัจนภาษาทั้งสิ้น หากไม่พอใจก็จะเรียกอีกฝ่ายมาต่อยตีทันที ตอนที่เกาเจวี๋ยแต่งงาน ต้วนเสี่ยวโหลวและเลี่ยวจือหย่วนยังคงฝึกวิชาฝ่ามือลมเย็นที่สำนักอู่เจี่ยนเหมินในเมืองเต๋ออัน ต้วนเสี่ยวโหลวได้ยิน “ความลับการแต่งงาน” บางส่วนของเกาเจวี๋ยจากฮูหยินต้วน ทว่าเลี่ยวจือหย่วนกลับรู้ทุกอย่างราวกับเห็นด้วยตาตัวเอง เกาเจวี๋ยจึงอดสงสัยมิได้
“คนเราไม่จำเป็ต้องเดินออกจากความเ็ป เพียงเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับมัน” เลี่ยวจือหย่วนไม่สะทกสะท้านกับคำถามของเกาเจวี๋ย แต่กลับหัวเราะเบา ๆ พลางจับจ้องแววตาเ็า “ได้ยินว่าหลังจากน้องเกาแต่งงาน ไม่นานนิสัยของเ้าก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่ชอบเข้าใกล้สตรี กลับกลายเป็รับอนุชายาเข้าจวนติดต่อกันถึงแปดคนในเวลาไม่นาน ทั้งยังทำให้อนุสองนางคลอดบุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่งคน ช่างมีโชควาสนาไม่สิ้นสุดเสียจริง”
เมื่อเห็นเกาเจวี๋ยไม่มีปฏิกิริยาใด เลี่ยวจือหย่วนจึงเอ่ยต่อ “แม้ประมุขเกาและฮูหยินใหญ่เกาจะอุ้มหลานสาวหลานชายที่น่ารักไว้ในอ้อมกอดด้วยความยินดีปรีดา แต่ชายาใหม่ของเ้ากลับอิจฉาริษยาถึงขั้นวิ่งไปควักดวงตาของอนุชายาถึงเรือน ทว่าอนุทั้งสองคงไม่ใช่คนที่น้องเการัก เ้าจึงไม่ทวงถามความยุติธรรมให้แก่พวกนาง กลับส่งตัวนางทั้งสองไปบวชชีที่วัดนอกเมือง อีกทั้งยังจัดหายอดฝีมือหลายคนมาปกป้องอนุชายาที่เหลือ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสตรีที่เติบโตในตระกูลหลิงอันสูงส่งจะใจคอโเี้ถึงเพียงนี้ พี่สาวนิสัยเช่นนี้ จะมีบุรุษคนใดกล้าขอคุณหนูสามหลิงเมี่ยวอี้แต่งงานเล่า?”
เกาเจวี๋ยอธิบายด้วยคิ้วขมวดแน่น “นางเพียงควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ ขณะนั้นนางเสียใจมาก จึงตัดสินใจดูแลให้ความอบอุ่นแก่บุตรชายและบุตรสาวเพื่อแสดงความรู้สึกผิดต่ออนุทั้งสอง”
เลี่ยวจือหย่วนมองแววตาของเกาเจวี๋ยด้วยความประหลาดใจประหนึ่งเพิ่งรู้จักเขาเป็ครั้งแรก ก่อนตะคอกด้วยน้ำเสียงขึงขัง “เ้าบ้าไปแล้วหรือ? กล้าปล่อยให้สตรีผู้นั้นแตะต้องลูกของเ้าได้เยี่ยงไร เ้าเป็คนฉลาดและรอบคอบถึงเพียงนี้ เหตุใดเื่ในบ้านของตนกลับโง่เง่านัก” ใบหน้าของเกาเจวี๋ยยังคงนิ่งสงบไร้ซึ่งอารมณ์ เลี่ยวจือหย่วนถอนหายใจพลางส่ายศีรษะก่อนเอ่ย “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเ้ามีความรู้สึกหรือไร้ความรู้สึก เ้ายังคงไม่ลืมคนรักเก่าที่ตายจากไปผู้นั้น จึงหาอนุที่ใบหน้าคล้ายนางถึงแปดคน แสดงความโปรดปรานต่อพวกนางเป็พิเศษ หลายคนที่รู้เื่นี้มักจะบอกว่าเ้ามีความรู้สึก ทว่าเ้ากลับทอดทิ้งอนุทั้งสองที่คลอดบุตรให้แก่เ้า ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยถึงพวกนางก็เรียกเพียง “นางทั้งสอง” เ้ายังจำชื่อของพวกนางได้หรือไม่?”
เกาเจวี๋ยขบริมฝีปากแน่น ไม่เอ่ยคำใด ใบหน้าเ็าและแข็งกระด้างดุจหินของเขาราวกับยอมรับทุกข้อตำหนิที่เลี่ยวจือหย่วนเอ่ย
เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยต่อ “เมื่อครู่เ้าถามข้าว่าข้ารู้เื่นี้ได้อย่างไรใช่หรือไม่? ข้ารู้จากสาวใช้นามหลิวซุ่ยที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้บัญชาการของข้า นางเคยเป็สาวใช้ข้างกายคุณหนูสามหลิงเมี่ยวอี้ แต่เพราะหลิงเมี่ยวอี้แอบหนีตามพวกเราไปเมืองหยางโจว เมื่อฮูหยินใหญ่ตระกูลหลิงหรือแม่ยายของเ้ารู้เข้าก็เดือดดาลมาก เมื่อจับหลิงเมี่ยวอี้ไม่ได้จึงนำสาวใช้ของนางมาเป็ที่ระบายอารมณ์” เลี่ยวจือหย่วนแค่นเสียงเ็าปนเย้ยหยัน “แม่ยายและฮูหยินของเ้ามีความชอบเหมือนกัน ฮูหยินของเ้าชอบควักลูกตาคน แม่ยายของเ้าก็ชอบตัดจมูกคนเป็ที่สุด หลิวซุ่ยที่สูญเสียจมูกหนีออกจากจวนตระกูลหลิง คิดจะไปตามหาคุณหนูของนางที่เมืองหยางโจว แต่ระหว่างทางกลับพบกลุ่มโจร โชคดีที่ผู้บัญชาของของข้าช่วยนางได้ทัน มิเช่นนั้นนางคงต้องเสียทั้งทรัพย์สินและความบริสุทธิ์เป็แน่”
เกาเจวี๋ยนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากขอร้อง “ในเมื่อเ้าช่วยเหลือสาวใช้ของเมี่ยวอี้ เช่นนั้นก็เป็คนดีให้ถึงที่สุดเถิด ช่วยนำตัวเมี่ยวอี้กลับไปส่งที่จวนตระกูลหลิง หลายวันก่อนข้าพบนางที่เมืองหยางโจวจึงโกหกนางว่าจะพาไปหาต้วนเสี่ยวโหลว ตอนนี้นางรอต้วนเสี่ยวโหลวอยู่ที่อี้จั้นในเมืองอิ๋นหม่า”
เลี่ยวจือหย่วนได้ยินดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เขาถีบเกาเจวี๋ยพลางก่นด่าเสียงต่ำ “เ้าหน้าตาย อย่าได้โยนภาระให้ข้าเชียว ข้าไม่อยากยั่วโทสะคนชอบพูดจาโกหก” เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยเสริม “อย่าลืมข้อตกลงก่อนหน้านี้ ‘เ้าต้องไปที่เขาฉางไป๋และพาตัวน้องสาวของข้ากลับมาอย่างปลอดภัย’ พวกเราเจรจาค่าตอบแทนกันแล้ว จะไม่เพิ่มงานอื่นเด็ดขาด เหล้าดีของตระกูลข้าแม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้[1] เ้าได้กำไรมหาศาลแล้ว”
เกาเจวี๋ยเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ไม่ได้ก็แล้วไป ให้เมี่ยวอี้รอต่อไปก็แล้วกัน เมื่อนางเงินหมดก็คงหาทางกลับบ้านเอง”
แววตาแมวป่าของเลี่ยวจือหย่วนกลอกไปมา ก่อนเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเกาเจวี๋ยพลางเอ่ย “น้องเกา เ้าจำหัวข้อที่พวกเราเอ่ยถึงคุณหนูเหอก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? สองวันก่อน สายข่าวของข้าได้ข่าวเกี่ยวกับนาง…” เมื่อเห็นใบหน้าของเกาเจวี๋ยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เลี่ยวจือหย่วนจึงใพลันกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เหอ ๆ เดิมทีข้าไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ข้าว่าเ้าคงตกหลุมรักนางเข้าแล้ว ทุกครั้งที่ข้าเอ่ยชื่อนาง หูเ้าจะขยับเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเ้าก็ดูอบอุ่นมากกว่าเดิมเสียด้วย...”
เกาเจวี๋ยหันไปถลึงตามองเลี่ยวจือหย่วนด้วยความเดือดดาล พลางเอ่ยตำหนิด้วยเสียงเ็า “พอแล้ว หุบปากเ้าเสีย ข้าฟังคำพูดเหลวไหลของเ้ามากพอแล้ว รีบไสหัวไป ข้าไม่ได้นอนมาสามวัน ง่วงยิ่งนัก”
“ฮึ ซ่อนความรู้สึกของตนเช่นนี้ ช่างไม่เป็บุรุษเอาเสียเลย ความรักซ่อนไว้ไม่มิดหรอก ต่อให้ปิดปาก ดวงตาของเ้าก็พูดออกมาอยู่ดี” เลี่ยวจือหย่วนชี้ให้เห็นชัดเจน “ทุกครั้งที่เอ่ยถึง ‘คุณหนูเหอ’ ดวงตาของเ้าจะเปลี่ยนเช่นเดียวกับเสี่ยวต้วน สายตาวูบไหวไปมา ดูสิ แววตาของเ้าตรงเป็แนวดิ่งราวจมจ่อมอยู่ในความทรงจำ เหมือนมีความรู้สึกที่ยากจะลืมในแววตานั้น...เฮอะ เมื่อมองใบหน้าของเ้าอย่างละเอียด แก้มทั้งสองยังแดงเรื่อเล็กน้อยอีกด้วย อีกทั้งท่าทางของเ้าตอนนี้...”
เลี่ยวจือหย่วนกวาดตามองสองมือที่วางซ้อนกันบนหน้าท้องของเกาเจวี๋ย ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพเกาผู้เ็าจะมีด้านอ่อนโยนเช่นนี้ด้วย...เหอ ๆ ประหนึ่งสตรีใหญ่โหยหาความรักแรกรุ่น”
ปฏิกิริยาแรกของเกาเจวี๋ยคือแยกมือไปทางซ้าย ใช้กำลังภายในออกไปเจ็ดส่วนอย่างสมน้ำสมเนื้อ เลี่ยวจือหย่วนส่งเสียงร้องแปลก ๆ พลางวิ่งหนีเอาตัวรอดพัลวัน เกาเจวี๋ยยังกัดไม่ปล่อย พลันลอยตัวบนอากาศ ก้าวเท้าเข้าหาเลี่ยวจือหย่วน
พลังกดดันมหาศาลลอยห่อหุ้มเลี่ยวจือหย่วนไว้ เลี่ยวจือหย่วนใช้หมัดของตนเข้ารับทันที เกาเจวี๋ยคือศิษย์น้อง ในขณะเดียวกันก็เป็ผู้าุโของตนด้วย ดังนั้นกำลังภายในของเขาจึงมีมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขากำลังเดือดดาล เืร้อนทำให้ลมปราณเจินชี่ไหลเวียนดียิ่งขึ้น ประดุจปีศาจที่เดือดดาลและดุร้ายกลับชาติมาเกิด เลี่ยวจือหย่วนถอยหลังพลางใช้ฝ่ามือต้านทานสายลมที่เกาเจวี๋ยเตะมาจาก้า
หากตอนนี้เขายอมจำนนและรับผิด เกาเจวี๋ยอาจรามือ ทว่าเลี่ยวจือหย่วนกลับมีปากหาเื่ั้แ่เกิด ่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ มุมปากยังคงแสยะยิ้มพลางเอ่ยเย้ยหยัน “ฮ่า ๆ ๆ เ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำและท่าทีไม่พอใจของเ้าในตอนนี้หมายถึงอะไร? อับอายจนพาลโกรธอย่างไรเล่า ยิ่งปกปิดเพียงใดก็ยิ่งเห็นชัดเท่านั้น เด็กดี กำลังภายในเหล่านี้เก็บไว้ไปวิ่งตามหาน้องสาวข้าที่เขาฉางไป๋เถอะ”
เกาเจวี๋ยพลันปรากฏต่อหน้าเลี่ยวจือหย่วนแล้วะโถีบเขาสิบเจ็ดครั้งในชั่วพริบตา ทำลายลมปราณเจินชี่ที่ปกป้องร่างกายอีกฝ่าย เลี่ยวจือหย่วนส่งเสียงร้องแปลกประหลาดอีกครั้งพลันวิ่งหนีไปที่ลาน พลางเงยหน้าร้องคำราม “ในจวนนี้ยังมีคนมีชีวิตอยู่หรือไม่? รีบมาช่วยชีวิตข้าเร็วเข้า ที่นี่มีนักฆ่า”
เกาเจวี๋ยตามหลังเขาติด ๆ ราวกับเนื้อติดกระดูก พลางเอ่ยเ็า “เ้าแมวป่า ข้าจะทำให้เ้าจดจำไปจนวันตาย ครั้งนี้ข้าจะหักแขนข้างหนึ่งของเ้า ครั้งหน้าหากเ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหล ข้าก็จะหักแขนอีกข้างแล้ววางยาพิษให้เ้าเป็ใบ้เสีย”
ทันใดนั้นเลี่ยวจือหย่วนก็หันกลับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง ในมือมีแส้เงินประดับหนามแหลมเส้นหนึ่ง เขาเหวี่ยงแส้หมุนวนในอากาศ แส้เงินเส้นนี้เสมือนงูที่เลื้อยพันรอบรองเท้าบูทของเกาเจวี๋ย มันสามารถหยุดเขาได้ครู่หนึ่ง ระหว่างการพักหายใจที่มีค่า เลี่ยวจือหย่วนก็ร้องะโอีกครั้ง “เกาเจวี๋ยกำลังเดือดดาล เขาจะฆ่าปิดปากข้า ที่แท้เขาก็ชอบสตรีคนเดียวกับเสี่ยวต้วน สตรีผู้นั้นมีนามว่าเหอตังกุย เขาจะฆ่าปิดปาก เขาจะฆ่าคนปิดปาก”
เกาเจวี๋ยไม่สนใจแส้เงินที่พันขา เขาะโขึ้นไปในอากาศ ลอยไปตามเส้นของแส้ ในที่สุดก็เหยียบลงบนไหล่ขวาของเลี่ยวจือหย่วน อีกฝ่ายจึงยกแส้ขวางเขาไว้
“ตูม ๆ ” เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถึงสองครั้ง ทรายสีขาวบนพื้นลอยตลบในอากาศก่อนจะตกลงมา เลี่ยวจือหย่วนพ่ายแพ้ราบคาบ เขาถูกเกาเจวี๋ยเตะปลิวออกไป อีกทั้งกระดูกไหล่ขวาที่ถูกเหยียบก็เคลื่อนจนไม่มีแรงยก เลี่ยวจือหย่วนร้องด้วยความเ็ปก่อนะโ “คุณหนูเหอช่วยข้าด้วย”
ท่ามกลางสายฝนพรำ สีหน้าของเกาเจวี๋ยมืดทะมึนพลางก้าวเข้าใกล้แหล่งกำเนิดเสียงที่น่ารำคาญทีละก้าว ก่อนจะพุ่งฝ่ามือตรงไปยังไหล่ซ้ายของเลี่ยวจือหย่วน...
“ตูม ๆ ” เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอีกครั้ง ลู่เจียงเป่ยสวมอาภรณ์ขุนนางสีเขียวสดใสเข้ามาขวางหน้าเกาเจวี๋ย ก่อนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เกิดเื่อะไรขึ้น? พี่น้องดื่มเหล้าสนทนาในบ้านของตน เหตุใดจึงวุ่นวายเช่นนี้ เมื่อครู่แขนข้าชาไปหมด แมวป่าจะทนไหวได้อย่างไรกัน?”
เมื่อเลี่ยวจือหย่วนเห็นกำลังเสริมของตนมาถึง ใบหน้าเหี่ยวเฉาก็มีชีวิตชีวาอีกครั้ง แววตาของเขากลอกไปมา ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮี่ ต้องเป็พวกเ้าสองคนสิจึงจะเป็คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ข้าอิจฉาจริง ๆ ข้าจะไม่ยุ่งก็แล้วกัน ไอโยว ปวดจริง ๆ ” กล่าวจบก็จับไหล่ขวาด้วยมือซ้าย เดินโซซัดโซเซออกจากลาน พลางบ่นพึมพำ “ยายมันเถอะ ล้อเล่นไม่ได้ยิ่งกว่าเสี่ยวต้วนเสียอีก มิน่าล่ะสตรีถึงไม่ชอบเขา ต้องถูกคุณหนูเหอปฏิเสธความรักแน่ จึงวิ่งมาระบายอารมณ์กับข้าที่นี่...”
ลู่เจียงเป่ยขมวดคิ้วพยายามเดาความหมายที่เลี่ยวจือหย่วนกล่าว ก่อนสังเกตสีหน้าของเกาเจวี๋ยพลางเอ่ยถามอย่างลังเล “เกาเจวี๋ย ที่เลี่ยวจือหย่วนกล่าวนั้นจริงหรือไม่? เ้าหลงรักคุณหนูเหอหรือ? เ้าชอบอะไรในตัวนาง?”
เกาเจวี๋ยเหลือบมองสำเนาถังเหวินในมือสหายคนสนิท เขาไม่ตอบแต่กลับเอ่ยถาม “คนหยางโจวออกไปหมดหรือยัง? ฮ่องเต้ทรงทราบเื่ไป๋หยางไป่หนีไปแล้ว พระองค์ทรงมีปฏิกิริยาเช่นไรบ้าง?”
“อีกประเดี๋ยวเ้าดูเองเถอะ ตอบคำถามข้าก่อน” ลู่เจียงเป่ยก้าวเข้าหาเกาเจวี๋ยพลางยัดสำเนาถังเหวินลงในอกเสื้ออีกฝ่าย ก่อนเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เ้าโมโหเื่ใด คนเมาเช่นเสี่ยวเลี่ยวเอ่ยไม่กี่ประโยค เ้าถึงขั้นต้องลงมือโเี้เพียงนี้เชียวหรือ นี่ไม่ใช่นิสัยเ้า หรือเขาพูดจี้ใจเ้า หรือเ้าคิดเป็อื่นกับคุณหนูเหอจริง ๆ ”
“เหตุใดพวกเ้าแต่ละคนจึงเหมือนผีที่เผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ พวกเ้าจะวิ่งเข้ามายุ่งเื่ของข้าทำไมกัน?” เกาเจวี๋ยเอ่ยเ็า “ข้าไม่เคยจับนางไปขัง ไม่เคยพูดว่าจะแย่งสตรีของต้วนเสี่ยวโหลว ข้ารักใครก็เป็สิทธิ์ของข้า เ้าอย่าบอกนะว่าแม้แต่คิดก็ทำไม่ได้”
ลู่เจียงเป่ยรีบเอ่ย “ข้าไม่ได้โทษว่าเ้าแย่งสตรีของเสี่ยวต้วน แต่ข้ากลัวว่าเ้าจะรักคนผิด ไม่กี่วันก่อนข้ากับเสี่ยวเลี่ยวได้ยินข่าวใหม่ จริง ๆ แล้วคุณหนูเหอคือน้องสะใภ้ของเ้า เ้ามีหลิงเมี่ยวฉีน้องสาวต่างมารดาของหลิงเมี่ยวชุนแล้ว สตรีที่ดีคนหนึ่งกลับถูกปีศาจเข้าครอบงำ วัน ๆ เอาแต่วางแผนให้เ้าทำร้ายคนอื่น เกาเจวี๋ย ข้าไม่อยากให้เ้าเลอะเลือนไปชั่วขณะจนเป็เหตุสานสัมพันธ์กับเหอตังกุยที่เป็ลูกพี่ลูกน้องหลิงเมี่ยวชุน ทว่าสุดท้ายกลับพบว่าในใจของเ้ายังเป็ของหลิงเมี่ยวชุน ที่เ้าทำก็เพียงเพื่อหาสตรีมาแทนนาง”
เกาเจวี๋ยยิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายก็อดไม่ได้จนต้องกระชากคอเสื้อชุดขุนนางของลู่เจียงเป่ย เกาเจวี๋ยจับจ้องแววตาคู่นั้นพลางเอ่ยโต้แย้ง “เ้าพูดเหลวไหลอันใด นางเป็ลูกพี่ลูกน้องของเมี่ยวชุนหรือ? ข้าไม่เชื่อ ใต้หล้านี้จะมีเื่บังเอิญถึงเพียงนั้นได้อย่างไร”
------------------------------------------------------------
[1] เหล้าดีของตระกูลข้าแม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เป็สำนวนหมายความว่า ‘ไม่ใช่เื่จริง’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้