แม้ซูซานหลางจะอยู่ด้วย แต่ไท่ไท่รองก็ยังไม่เก็บงำความคิดของตนเอง ใบหน้าฉาบรอยยิ้มพูดพล่ามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบ "พวกเ้าดูสิ เื่แบบนี้ดีมากใช่หรือไม่ นับว่าเป็การดองญาติซ้อนขึ้นไปอีกชั้น ความสัมพันธ์ยิ่งแน่นแฟ้น"
เมื่อเห็นไท่ไท่สามไม่ตอบสนอง นางก็พูดต่อ "ถึงพี่ชายของเ้าจะเป็พ่อม่าย อายุก็ค่อนข้างมากแล้ว แต่ข้ามาคิดดูดีๆ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็สะใภ้บ้านเดียวกัน ปรกติก็ดีๆ กันอยู่ ถ้าไม่เห็นว่าเป็คนกันเอง ข้าก็คงไม่แนะนำน้องสาวที่งดงามดุจบุปผาให้แก่พี่ชายของเ้าหรอก"
"หึ ไร้ยางอายจริงๆ" เฉียวเยว่นั่งยองๆ แอบฟังอยู่ใต้หน้าต่าง ถ่มน้ำลายออกมา
ฉีอันรีบอุดปากนางไว้ ถึงแม้จะยังเล็ก แต่เขาก็รู้ว่าหากแอบฟังแล้วถูกจับได้ พวกเขาต้องโดนตีแน่ๆ
เฉียวเยว่ส่งสัญญาณมือว่าปิดปาก ก่อนที่จะแนบหูกับหน้าต่างฟังต่อ
"ข้าเขียนจดหมายเชิญหรูเมิ่งน้องสาวของข้ามาพักในจวน่สั้นๆ ถึงเวลานั้นเ้าก็นัดพี่ชายของเ้ามาพบกัน อย่าว่ากระไร น้องสาวข้างดงามเพริศพริ้ง รับรองพี่ชายเ้าเห็นแล้วจะต้องถูกใจจนไม่อาจละสายตา คิกๆๆ"
หัวเราะร่วนราวกับแม่ไก่เชียวนะ เ้า-เป็-แม่-เล้า-หรือ-ไร! เฉียวเยว่ค่อนขอดเงียบๆ แต่ไม่เปล่งเสียง
"พวกเ้าสามีภรรยาพูดอะไรบ้างสิ อย่าปล่อยให้ข้าพูดอยู่ฝ่ายเดียว พวกเ้าไม่พูด ข้าก็เหมือนฉายเดี่ยวอยู่กลางเวที ตรองดูให้ดี ข้าทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเ้าทั้งนั้น หากมิใช่คนกันเอง ใครจะนึกถึงพี่ชายของสะใภ้ด้วยกัน คนดีๆ เยี่ยงข้าในโลกนี้มีไม่มากนักหรอกนะ" ไท่ไท่รองแสร้งยิ้ม แต่ภายในใจนึกขุ่นเคืองอยู่หลายส่วน พวกเ้าสองคนเป็ใบ้กันไปหมดแล้วหรือ นางพูดมานานขนาดนี้ ไม่ซาบซึ้งตื้นตันก็ช่าง แต่นี่ถึงกับไม่พูดอะไรเลย
ไท่ไท่สามเป็นางแพศยาประเภทเอาสามกระบองมาตีก็ไม่มีลมให้ผายออก [1] กวาดสายตามาถึงใบหน้าหล่อเหลาปานเทพเซียนของซูซานหลาง ก็นึกปลงในใจ ฉีอิ่งซินถอนหมั้นมาแต่งใหม่มีดีอันใด น่าเสียดายบุรุษเพียบพร้อมอย่างซานหลางแท้ๆ
สตรีเช่นนี้ยังได้รับการทะนุถนอมดุจไข่มุกดุจหยก หากเปลี่ยนเป็ผู้อื่น... นางคงจะไม่โชคดีเยี่ยงนี้ ถ้าตนเองได้พบกับซานหลางั้แ่แรก คนที่จะได้เสพสุขวันนี้เวลานี้ไหนเลยจะเป็นางแพศยาฉีอิ่งซิน
คิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง "ข้าคุยกับพวกเ้า พวกเ้ากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน เื่ดีๆ เช่นนี้เหตุใดข้าถึงไม่ให้พี่สะใภ้ใหญ่ แต่กลับหยิบยื่นโอกาสพิเศษให้กับเ้าโดยตรง ก็เพราะเห็นว่าปรกติเ้ากับข้าสนิทสนมกันมากกว่า"
น้ำเสียงแฝงแววตำหนิติเตียนอยู่หลายส่วน
"พี่สะใภ้รอง คราก่อนท่านวางกลอุบายใช้หลานชายในท้องที่ยังไม่คลอดมาบีบบังคับให้พ่อตาของข้ารับเป็ศิษย์ไม่สำเร็จ นี่คิดวางแผนจะให้น้องสาวของตนเองแต่งให้พี่ชายภรรยาของข้าอีกแล้วหรือ อาอิ่งของพวกเรามีคุณธรรมความสามารถอันใดถึงได้รับความสนใจจากท่านถึงเพียงนี้"
น้ำเสียงแฝงไปด้วยการเหน็บแนมอยู่หลายส่วน
ไท่ไท่รองไหนเลยจะฟังไม่ออก แต่นางเป็คนหน้าหนา จึงเอ่ยว่า "น้องสาม เ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ากับน้องสะใภ้สามก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่นะ"
"ความสัมพันธ์ดียังวางกลอุบายเช่นนี้ หากไม่ดีมิขุดหลุมฝังกันไปเลยหรอกหรือ? หรือจะกล่าวว่าถ้าความสัมพันธ์ไม่ดี ท่านก็ไม่กล้าใช้กลอุบาย อาอิ่งของข้านิสัยดีเกินไป ท่านก็เลยเข้ามาข่มเหงรังแก?" ซูซานหลางสุดจะรำคาญพี่สะใภ้รองคนนี้จริงๆ
ทั่วทั้งจวนั้แ่เบื้องบนจนถึงเบื้องล่างคนที่ชอบก่อเื่วุ่นวายที่สุดก็มีแต่นาง
เขายังกล่าวอีกว่า "พี่ชายภรรยาได้รับตำแหน่งเป็เสนาบดีกรมอาญา ขอถามหน่อยเถิดว่า พี่สะใภ้รองทราบหรือไม่ว่าตำแหน่งนี้หน้าที่การงานเป็อย่างไร?"
ไท่ไท่รองหยุดชะงัก นางรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ยังคงเถียงข้างๆ คูๆ "ข้าเป็เพียงสตรี ไม่ค่อยรู้เื่เหล่านี้มากนัก"
ซูซานหลางยกยิ้มเล็กน้อย "พี่สะใภ้รองไม่รู้ สามารถไปถามพี่รองดูได้ สถานะเช่นน้องสาวของพวกเราคิดจะแต่งเข้าสกุลฉี แท้จริงแล้วเป็ผู้ใดที่ไม่คู่ควรกับผู้ใดกันแน่"
"เ้า! น้องสาม เ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร น้องสาวข้าก็เป็ยอดหญิงงาม อายุก็ยังน้อยทั้งยังเป็การแต่งงานครั้งแรก..." ไท่ไท่รองไม่สมดังปรารถนา ในใจขุ่นเคืองมากอยู่ แต่นางก็อาวรณ์ไม่อยากให้ซูซานหลางบันดาลโทสะ แม้ว่าไท่ไท่สามจะไม่พูดอะไรเลย แต่นางกลับลงบัญชีนี้ให้เป็ของไท่ไท่สามไปเต็มๆ
"น้องสะใภ้สาม นี่เป็เื่ของสตรีอย่างพวกเรา เ้าเอาแต่นิ่งเงียบ ให้บุรุษออกหน้า นี่นับว่าเป็อันใด สะใภ้รองอย่างข้าไม่อยู่ในสายตาเ้าเลยหรือ? พูดมากอีกสักประโยคก็ไม่ได้? มีใครเขาทำเช่นเ้ากันบ้าง"
นางพุ่งเป้าไปที่ไท่ไท่สามโดยตรง
"พี่สะใภ้รองอย่ามีโทสะ ท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่นะ หากโกรธขึ้นมาแล้วเป็อะไรไป ข้าคงยากจะให้คำอธิบายกับท่านพ่อท่านแม่ เื่ของพี่ใหญ่ตระกูลข้า ข้าไม่กล้ายุ่งเกี่ยวแม้แต่หนึ่งส่วน และไม่ว่าผู้ใดจะถามข้าล้วนเหมือนกันหมด อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่บิดาข้ายังไม่ก้าวก่ายชีวิตของเขาเลย ส่วนที่ท่านบอกว่าคู่ควรไม่ควร ตัวท่านเองชอบก็พอแล้ว"
ไท่ไท่รองโกรธจนแทบหงายหลัง ตัวท่านเองชอบก็พออันใดกัน นางมิได้ชอบเสียหน่อย นี่นางแพศยาเหน็บแนมนางใช่หรือไม่ นึกว่านางรังแกง่ายนักหรือไร?
"ข้าไม่ชอบคำกล่าวนี้ของน้องสะใภ้สาม นี่ข้าทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเ้าทั้งนั้น หรือพวกเ้าคิดว่าพวกเราคาดหวังสิ่งใดจากครอบครัวของเ้ากัน พี่ชายเ้าเป็แค่พ่อม่าย..."
"พี่สะใภ้รองโปรดระวังคำพูด" ไท่ไท่สามเสียงเข้มขึ้นทันควัน "ข้าว่าท่านระวังวาจาไว้บ้างจะดีกว่า ในสายตาท่านพี่ชายข้าพันไม่ดีหมื่นไม่ดี มิคู่ควรกับน้องสาวของท่าน แต่พวกเราก็ไม่เคยคิดใฝ่สูงเช่นกัน ทว่าท่านหนึ่งคำก็พ่อม่าย สองคำก็พ่อม่าย น้องสาวเช่นข้าก็ไม่ยินดีฟังเหมือนกัน พี่สะใภ้ข้าไม่อยู่แล้ว แต่สำหรับพี่ชายข้า แม้คนไม่อยู่แล้วแต่นางยังอยู่ในหัวใจของเขาตลอดไป นางคือภรรยาที่พี่ชายข้าไม่มีวันลืมเลือนชั่วชีวิตนี้ คนเราเกิดมาชาติหนึ่งเพียงเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์เท่านั้นเองหรือ? ไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้รับความรักที่จริงใจ ไม่ว่าจะเป็ความรักฉันคนรัก หรือความรักฉันญาติ ก็ล้วนแต่เป็ความรักเหมือนกัน ท่านจะว่าข้าอย่างไรก็ได้ แต่ว่าพี่ชายข้าไม่ได้"
แม้ว่าไท่ไท่สามจะดูเป็คนนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ก็มีจุดที่แตะไม่ได้ นั่นก็คือญาติของนาง
นางไม่ค่อยบันดาลโทสะบ่อยนัก แต่หากมาระรานคนข้างกายนาง นางก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน
นางทนการเหยียดหยามจากผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจทนให้ใครมาลบหลู่ดูิ่คนในครอบครัว
ไท่ไท่รองไหนเลยจะคิดว่าไท่ไท่สามจะยอกย้อนด้วยวาจาเฉียบคมเช่นนี้ ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรไปชั่วขณะ
หลังจากใจเย็นลงแล้ว นางก็เริ่มร้องโอดครวญ "โอ๊ย โอ๊ย ท้องของข้า ท้องของข้า เหตุใดถึงไม่สบายเยี่ยงนี้..."
อาศัยเด็กในท้องมาสร้างเื่จริงๆ
"ดูสิ เกอเอ๋อร์ของเรารู้ว่าพวกเ้ารังแกมารดาเขา ก็เลยทนดูไม่ได้ พวกเ้าสามีภรรยาทำเกินไปแล้ว โอ๊ย..."
หรูหมัวมัวตีโพยตีพายขึ้นมาทันที "ไอ้หยา เรือนสามของพวกท่านทำเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้ว มารังแกไท่ไท่รองของเราเช่นนี้ได้อย่างไร นางกำลังท้องกำลังไส้ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเล่า"
อยากป่าวประกาศให้ทุกคนรู้กันทั่วว่าเรือนสามของพวกเขารังแกคนจนแทบไม่ไหว
ซูซานหลางไม่แม้แต่จะขยับ "คำพูดของพี่สะใภ้รองช่างน่าขัน ั้แ่ท่านเข้ามาจนถึงตอนนี้ พวกเรายังมิได้ยกน้ำชาให้ท่านสักถ้วย มิได้แตะต้องตัวท่าน แม้กระทั่งประตูก็เปิดกว้างอยู่ ท่านยังคิดจะใส่ความผู้อื่นอีกหรือ? เมื่อเป็เช่นนี้ เชิญหมอหลวงมาตรวจให้รู้กันไปเลยคงจะดีกว่า ดูว่าท่านป่วยจริงหรือคิดจะใส่ความพวกเรากันแน่"
"จะ... จะ... เ้า เ้าพูดอะไร? นี่เ้าหาว่าข้าโกหกงั้นรึ?" แววตาของไท่ไท่รองพลันลนลาน ตอนนี้นางร้องว่าปวดท้องแต่กลับไม่มีใครกลัว
ซูซานหลางเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน ขานเรียกคน "ลู่เจี้ยน"
"ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ" ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาไปยืนอยู่ที่ใด แต่พอเรียกปุ๊บก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
"สั่งการลงไป เชิญท่านแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ และพี่รองมาที่นี่ นอกจากนี้ ให้คนไปหยิบป้ายคำสั่งของข้าแล้วไปสำนักหมอหลวงเชิญหมอหลวงมาสามท่าน" ซูซานหลางสีหน้าเยียบเย็น "เมื่อพี่สะใภ้รองเอาแต่ร้องว่าปวดท้อง กล่าวหาว่าพวกเรารังแกนาง ข้าก็จะเชิญหมอหลวงสามท่านมาตรวจพร้อมกัน ดูว่าพี่สะใภ้รองไม่สบายจริงหรือเจตนาใส่ร้ายป้ายสี"
ทีแรกซูซานหลางไม่อยากทำให้กลายเป็เื่ใหญ่ แม้จะถูกระรานมาตลอดหลายปีพวกเขาล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ จากเื่ใหญ่กลายเป็เื่เล็ก เื่เล็กกลายเป็ไม่มีเื่ เป็เช่นนี้จนผู้อื่นคิดว่าเรือนสามของพวกเขาข่มเหงรังแกง่าย
เื่วุ่นวายสารพัดสารเพก็ดาหน้ากันเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้จะไม่ใช่การกระทำของคนคนเดียว แต่นั่นก็เพราะพวกเขาอัธยาศัยดีเกินไป
บุตรชายถูกปรักปรำ บุตรสาวคนเล็กเกือบถูกฆ่าปิดปาก บุตรสาวคนโตเกือบถูกคนสังหาร ภรรยาถูกวางยาพิษ
แม้ซูซานหลางจะเป็ดั่งตุ๊กตาดินเผาก็ยังมีโทสะอยู่สามส่วน
"เื่ครานี้ ข้าต้องทำให้ชัดเจน"
ไท่ไท่รองไม่นึกว่าเื่จะกลับกลายเป็เช่นนี้ พลันหวาดกลัวขึ้นมา "ข้าเพียงแค่..."
"พี่สะใภ้รองอย่าขยับ ท่านขยับมากพอแล้ว หากััถูกสิ่งใดเข้า เดี๋ยวจะหาว่าเรือนสามของพวกเราวางยาพิษอีก" ซูซานหลางพูดเหน็บแนม
ไท่ไท่รองสีหน้าแข็งค้าง หลังจากนั้นก็ร้องว่า "น้องสามกล่าวอันใด ไม่เห็นต้องทำเื่เล็กให้กลายเป็เื่ใหญ่กระมัง ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว ในเมื่อ... ในเมื่อพวกเ้าไม่รับความหวังดีจากข้า เช่นนั้นข้าขอกลับก่อนล่ะ"
พูดจบก็เตรียมพาคนหนี
"ใครก็ได้" ซูซานหลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเ็า
มีคนขวางที่หน้าประตูทันควัน
ครานี้ไท่ไท่สองเริ่มลนลานแล้ว "น้องสาม เ้าหมายความว่าอย่างไร? นี่คิดจะกักขังข้างั้นรึ ข้าเป็พี่สะใภ้รองของเ้า เ้าควรตระหนักถึงสถานะของตนเองให้ดี"
พูดจบก็หันไปหาไท่ไท่สาม แล้วชี้หน้าด่าสาดเสียเทเสีย "เ้ามันนางแพศยาตัวซวย เื่ของสตรียังดึงดันจะให้บุรุษเข้ามาเกี่ยวข้องให้ได้ เ้าผูกสายคาดเอวของเขาไว้หรือ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนต้องให้เขาออกหน้า ตอนนี้ยังมายุแยงให้เขาจัดการกับพี่สะใภ้รองของตนเอง คิดจะทำให้พี่น้องบาดหมางกันให้ได้ใช่หรือไม่"
ถ้อยคำว่าร้ายกลับดำเป็ขาวพูดออกมาโดยไม่คิดจะรับผิดชอบการกระทำของตนเองแม้แต่ส่วนเสี้ยว
ซูซานหลางจดจ้องนางจนแทบทะลุ หากเขามิใช่บัณฑิตซึ่งไม่ทำเื่ประเภททำร้ายคน เขาคงจะถีบนางกระเด็นออกไปแล้ว
ไท่ไท่สามหัวเราะเยาะหยัน "พี่สะใภ้รองกำลังมีครรภ์ ควรหมั่นทำบุญสั่งสมความดีไว้ให้บุตรในท้องบ้าง พูดแต่ถ้อยคำหยาบช้าเยี่ยงนี้จะเป็ผลดีต่อตนเองได้อย่างไร?"
พอเห็นซูซานหลางส่งคนมาเชิญ ไท่ไท่ใหญ่ก็หักหวีคามือ ก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราด
"นางหญิงโง่" หลังจากนั้นก็สำทับอีกว่า "ไม่ก่อเื่หนึ่งวันก็หลับไม่สบายหรืออย่างไร นางตัวซวย"
เฉิงเยว่รีบเกลี้ยกล่อมนางอย่างระมัดระวัง "ท่านแม่ ได้ยินว่าท่านย่าก็ไปเหมือนกันเ้าค่ะ"
ไท่ไท่ใหญ่หันมาตวาดเสียแข็ง "เ้านึกว่าข้าไม่รู้หรือ"
นางลุกขึ้น เฉิงเยว่รีบปรนนิบัติสวมเสื้อตัวนอกคลุมทับไท่ไท่ใหญ่
"เ้าไปอยู่เป็เพื่อนพี่หญิงใหญ่ อย่าให้นางไปเป็อันขาด ข้ากลัวนางจะเป็ห่วงฝาแฝดสองพี่น้องแล้วจะรีบแล่นไปปลอบขวัญพวกเขา เื่พรรค์นี้หญิงสาวเช่นนางมิควรเข้าไปแปดเปื้อน"
"ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ" เฉิงเยว่รับคำทันที
แม้จะเป็บุตรอนุ แต่เฉิงเยว่ยังนับว่าได้รับความไว้วางใจจากไท่ไท่ใหญ่
"ข้าจะไปดูว่านางทำเื่โง่งมอันใดอีก"
...
[1] เอาสามกระบองมาตีก็ไม่มีลมให้ผายออก ใช้อุปมาถึงคนที่พูดน้อย หรือไม่ชอบพูด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้