“ฮั่วอวี้เจียว เดิมทีเ้ากับข้าสามารถแข่งขันแย่งชิงเยี่ยโยวเหยาได้อย่างยุติธรรมทว่าตอนนี้... ”
ซูจิ่นซียกยิ้มที่มุมปาก ทว่ากลับไม่พูดต่อ นางทำเพียงหันหลังและเดินหน้าต่อไป
“ซูจิ่นซี ตอนนี้อย่างไร เ้าพูดให้ชัดเจน”
น่าเสียดาย เดิมทีซูจิ่นซีก็ไม่ได้วางแผนว่าจะเอ่ยคำพูดที่เหลือออกมา
ฮูหยินฮั่วรีบตอบสนอง นางลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วและเดินตามหลังซูจิ่นซีเข้าไปในจวนสกุลฮั่ว
ฮั่วอวี้เจียวทรุดตัวนั่งลงกับพื้น สุดท้ายน้ำตาก็ไหลจากหางตาลงมา
ผู้คนแยกย้ายกันไป ต่างพูดแล้วทำท่าทางชี้นู่นชี้นี่ แม้เพียงหนึ่งประโยคฮั่วอวี้เจียวก็ไม่ได้ยิน มีเพียงน้ำตาที่บดบังสองดวงตา ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
ในใจปวดร้าว ปวดร้าวอย่างยิ่ง
หวาหรงจวิ้นจู่จ้องมองแผ่นหลังของซูจิ่นซีอย่างเกลียดชัง นางแอบตัดสินในใจแล้วว่าความแค้นในวันนี้นางจะต้องคืนสนองซูจิ่นซีแทนพี่สาว...ฮั่วอวี้เจียวของนางให้ได้
ฮูหยินฮั่วนำซูจิ่นซีตรงไปที่เรือนของหัวหน้าขุนพลฮั่ว ‘ฮั่วซืออวี่’
ภายในเรือน แม่ทัพฮั่วนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอย่างไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้เมื่อเขาเห็นซูจิ่นซีก็คำนับอย่างไม่เต็มใจ “พระชายาโยวอ๋อง”
ซูจิ่นซียิ้มและพยักหน้า นางไม่ได้ใส่ใจปรึกษาอันใดกับแม่ทัพฮั่วมากนักเช่นกันเพราะยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่งภายในห้อง เมื่อซูจิ่นซีเห็นเขา รอยยิ้มที่อ่อนโยนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิส่งผลให้พยับเมฆที่ทำให้ฟ้ามืด [1] ภายในใจของซูจิ่นซีนั้นหายไปในชั่วพริบตา
“ข้าน้อยคารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ! ”
เป็อวิ๋นจิ่น
“หมอหลวงอวิ๋น สถานการณ์ของหัวหน้าขุนพลฮั่วเป็อย่างไรบ้าง? ”
“สถานการณ์เลวร้ายมากพ่ะย่ะค่ะ ั้แ่ข้าน้อยเข้ามาขุนพลฮั่วก็หมดสติไม่ฟื้นเลยพ่ะย่ะค่ะเสียดายที่ข้าน้อยไม่ถนัดด้านการถอนพิษ ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดังนั้นจึงต้องรบกวนพระชายาอีกครั้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ที่แท้เป็อวิ๋นจิ่นที่เสนอให้เชิญซูจิ่นซีมานี่เอง!
“พาข้าไปดูหน่อยสิ! ”
“พ่ะย่ะค่ะพระชายา เชิญตามข้าน้อยมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ซูจิ่นซีกำลังจะตามอวิ๋นจิ่นไปที่ห้องของฮั่วซืออวี่ทันใดนั้นท่านแม่ทัพก็เข้ามาขัดขวาง
“ช้าก่อน พระชายาโยวอ๋อง หากท่านถอนพิษของบุตรชายข้าไม่ได้จะทำอย่างไร? ”
เหอะ น่าขัน!
นี่มันช่างบุตรสาวเป็คนอย่างไรก็มีบิดาเป็คนอย่างนั้นเสียจริงคานเสาล่างไม่ตั้งตรง คานเสาบนก็ต้องมีปัญหา [2]
ถามไร้สาระอันใดถึงเพียงนี้?
ฟังดูราวกับว่าซูจิ่นซีอาสาสมัครจะถอนพิษให้ฮั่วซืออวี่อย่างไรอย่างนั้น
“อย่างนั้นหรือ? ท่านแม่ทัพ ท่านว่าควรจะทำอย่างไรเล่า? ”
ซูจิ่นซีระงับอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจ
“ภายนอกลือกันว่าพระชายาโยวอ๋องสติปัญญา... เกิดมาโง่เขลาโดยกำเนิดผู้ใดจะรู้ว่าท่านหายดีแล้วหรือไม่ อีกอย่าง ล้วนเป็ที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าท่านไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในการแพทย์หากท่านรักษาตามอำเภอใจอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า สุกเอาเผากิน ไม่เพียงแต่ถอนพิษให้บุตรชายข้าไม่ได้กลับจะยิ่งทำให้อาการหนักขึ้นแล้วจะทำอย่างไร? ท่านจะต้องรับประกันมาก่อน”
“ท่านแม่ทัพฮั่ว หากท่านไม่เชื่อข้า วันนี้ข้าไม่รักษาแล้วก็ได้เหตุใดจะต้องพูดอันใดไร้สาระให้มากความ”
สีหน้าของซูจิ่นซีเข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านพูดอันใดของท่าน? ไม่ว่าอย่างไรท่านก็อยู่ในฐานะชายาอ๋องเป็ตัวแทนภาพลักษณ์ของโยวอ๋อง จะพูดจากลับไปกลับมาเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
ถุย! ไร้ยางอายเสียจริง!
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยกล้ารับประกันฝีมือการถอนพิษของพระชายาไม่เหมือนผู้ใดในแคว้นจงหนิงอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นข้าน้อยคงไม่เสนอให้เชิญพระชายามา”
“หมอหลวงอวิ๋น ไม่ว่าอย่างไรทักษะทางการแพทย์ของเ้าก็เป็อันดับหนึ่งในสำนักหมอหลวงเ้าไม่มีวิธีอื่นใดแล้วจริงๆ หรือ? ”
แม่ทัพฮั่วยังคง้าฝากความหวังไว้ที่ตัวของอวิ๋นจิ่น
อวิ๋นจิ่นยิ้มแล้วส่ายหน้า “ด้านการถอนพิษนี้ไม่ใช่ทางถนัดของข้าน้อย”
หมอหลวงอวิ๋นจิ่นกล่าวเสริมขึ้นอีกประโยคว่า “โรคร้ายแรงที่อยู่กับฮองเฮามาหลายปีก็เป็พระชายาที่รักษาท่านแม่ทัพฮั่วไม่เชื่อข้าน้อย ก็ควรเชื่อฝ่าา”
หากซูจิ่นซีไม่มีทักษะความสามารถจริงฮ่องเต้ก็คงไม่ให้ซูจิ่นซีรักษาโรคของฮองเฮา
ั้แ่เกิดมา เมื่อต้องกระทำการใด แม่ทัพฮั่วก็มักเอาความคิดของตนเป็ที่ตั้งไม่เปลี่ยนแปลงปรับตัว บางครั้งแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังได้รับผลกระทบเพราะความหัวแข็งของเขา
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น พระชายาโยวอ๋อง ท่านเข้าไปเถิด! ทว่าหากวันนี้ท่านถอนพิษให้บุตรชายของข้าไม่ได้ ก็อย่าคิดที่จะออกจากจวนสกุลฮั่วไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว”
ซูจิ่นซีไม่ชอบแม่ทัพฮั่วผู้นี้เสียจริง
นิสัยซื่อตรงนั้นไม่เลว ทว่าซื่อตรงเกินไปก็คือดื้อรั้น หากมากเกินไปก็จะเป็การยั่วยุให้คนเกิดความรำคาญ
ทันทีที่เข้าไปในห้องของฮั่วซืออวี่ แม้ระบบถอนพิษได้ตรวจพบพิษในร่างกายของฮั่วซืออวี่แล้วทว่าซูจิ่นซีก็ยังตามอวิ๋นจิ่นเข้าไปปฏิบัติตามขั้นตอน นางจับชีพจร ปล่อยเืทดสอบพิษ ทำตามขั้นตอนอย่างครบถ้วนไม่ให้ขาดแม้แต่น้อย
เมื่อซูจิ่นซีออกมาจากห้องของฮั่วซืออวี่แม่ทัพฮั่วก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบขนาดใหญ่
“พระชายาโยวอ๋อง เป็อย่างไรบ้าง? มองออกหรือไม่ว่าคือพิษชนิดใด? ”
หากไม่ใช่เพราะท่านแม่ทัพฮั่วเป็ห่วงบุตรชายมากจนรีบร้อน ผู้อื่นคงคิดว่าเขา้าถือดาบมาข่มขู่ซูจิ่นซีโดยเฉพาะ
“หัวหน้าขุนพลฮั่วถูกพิษงูชนิดหนึ่งที่ซับซ้อนมาก ชื่อว่าชางหลง”
“เช่นนั้นท่านสามารถรักษาได้หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่ชอบน้ำเสียงที่ใช้ถามคำถามของแม่ทัพฮั่วเลยจริงๆ แต่เพื่อความปรองดองกลมเกลียวกันนางจึงต้องพยายามระงับความโกรธเป็ไฟภายในใจเอาไว้
“พิษชางหลง แท้จริงแล้วคือพิษงูชนิดหนึ่ง ซึ่งได้จากการกลั่นพิษของงูเจ็ดชนิดขอเพียงรู้จักพิษงูทั้งเจ็ดชนิดนี้ จากนั้นก็นำเอาดีงูออกมาผสมกับยาที่จำเป็และกลั่นออกมาเป็ยาแก้พิษให้ทานก็ได้แล้ว”
“เช่นนั้นท่านตรวจพิษงูทั้งเจ็ดชนิดนั้นออกมาได้แล้วหรือไม่?”
ซูจิ่นซีใช้ระบบถอนพิษเพื่อวิเคราะห์พิษและได้รู้แล้วว่าพิษงูเจ็ดชนิดนั้นมีสิ่งใดบ้างทว่าพิษงูทั้งเจ็ดชนิดนั้นมีพิษร้ายแรงและเกี่ยวเนื่องไปถึงปัญหาเฉพาะทางด้วยประการแรกนางเกรงว่าจะทำให้ท่านแม่ทัพฮั่วและฮูหยินฮั่วใ นอกจากนี้การอธิบายก็ค่อนข้างลำบากและยุ่งยากดังนั้นซูจิ่นซีจึงส่ายหน้าไม่บอกเขา
ใบหน้าของแม่ทัพฮั่วดำมืดลงทันที ในมือจับดาบเล่มใหญ่ไว้แน่น มีความเป็ไปได้ที่เขาจะฟันคอของซูจิ่นซี
“ความหมายของท่านคือไม่รู้ว่าพิษงูเจ็ดชนิดนั้นมีชนิดใดบ้าง เช่นนั้นก็หาดีงูไม่ได้?วันนี้ท่านก็ถอนพิษไม่ได้แล้ว? ”
ซูจิ่นซีพูดอย่างหมดความอดทน “ท่านแม่ทัพฮั่ว นำดาบออกไปได้หรือไม่ท่านเสียงดังและทำท่าทางน่ากลัวจนทำให้ผู้อื่นใเช่นนี้ แม้ข้าจะนึกถึงพิษงูเจ็ดชนิดนั้นได้ก็ถูกท่านทำให้ใจนลืมเสียหมดแล้ว”
ทันใดนั้นแม่ทัพฮั่วก็ตระหนักได้ว่า การที่เขาถือดาบเล่มใหญ่เช่นนี้ดูน่าเกรงขามเกินไปจนทำให้คนหวาดกลัวเขาจึงซ่อนดาบในมือไว้ข้างหลัง
“ได้! ได้! ข้าไม่รบกวนท่านท่านค่อยๆ คิด! ค่อยๆ คิด! ”
ซูจิ่นซีจงใจแกล้งทำเป็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางถามขึ้นว่า “หัวหน้าขุนพลฮั่วรับพิษมาได้อย่างไร? ”
ระบบถอนพิษตรวจจับพิษได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซูจิ่นซีตรวจอยู่นาน ทว่านางกลับลืมประเด็นปัญหาสำคัญถึงเพียงนี้ไปได้
แม่ทัพฮั่วสับสนงงงัน ฮูหยินฮั่วจึงกล่าวขึ้น “เมื่อวานซืออวี่กับสหายอีกสองสามคนออกไปดื่มสุรา พอกลับมาถึงก็หลับไป วันนี้ตอนเช้ายามสามตะวันโด่งแล้วก็ยังไม่ตื่นนอนดังนั้นหม่อมฉันจึงเข้าไปปลุกเขา กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะหมดสติไม่ตื่น ริมฝีปากม่วงสีหน้าก็ดูไม่ค่อยดี พวกเราใมาก ดังนั้นจึงได้เชิญหมอมา หลังจากหมอวินิจฉัยก็บอกว่าถูกพิษแล้วรายละเอียดว่าถูกพิษได้อย่างไร พวกหม่อมฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดเพคะ”
“เมื่อวานมีคนในจวนไปกับหัวหน้าขุนพลด้วยหรือไม่รู้หรือไม่ว่าเขาไปดื่มสุราที่ใด กับผู้ใด ดื่มสุราอันใด? ”
“จู๋เยี่ยน! ซืออวี่ไปที่ใดจู๋เยี่ยนก็จะไปกับเขาตลอด”
ซูจิ่นซีพยักหน้า “รบกวนฮูหยินฮั่วเรียกจู๋เยี่ยนมาข้ามีเื่จะถามเขา”
หลังจากเรียกจู๋เยี่ยนมาพบ ซูจิ่นซีก็ถามถึงสถานการณ์ที่ฮั่วซืออวี่ดื่มสุราอย่างละเอียด
คิดไม่ถึงว่าผลสรุปสุดท้ายจะทำให้นางใ
ที่พวกเขาดื่มเป็สุราดอกเหมยของหอสุราตู้คังที่อยู่นอกเมืองหลวงสิบลี้
ส่วนจะดื่มกับผู้ใด ซูจิ่นซีได้ยินทุกอย่างก็จำรายละเอียดไม่ได้อยู่ดีเพราะว่าเพียงสุราดอกเหมยหนึ่งไหก็พอทำให้ซูจิ่นซีผู้เฉียบแหลมจับจุดที่สำคัญได้แล้ว
ก่อนที่จะค้นพบพิษในตัวฮั่วซืออวี่นั้น ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่าพิษเหล่านี้ดูคุ้นเคยมากดูเหมือนว่าจะมีรูปแบบเหมือนกับพิษที่ตรวจพบในตัวเยี่ยโยวเหยาก่อนหน้าและยังเหมือนกับพิษตัวกู่ในร่างของฮองเฮาอีกด้วย
อีกทั้งวันนี้ตอนที่กำลังจะออกจากประตูจวน ซูจิ่นซีได้ถามแม่นมฮวาว่าเยี่ยโยวเหยาชอบสิ่งใดแม่นมฮวาก็บอกว่าเมื่อก่อนเยี่ยโยวเหยาชอบดื่มสุราดอกเหมยของหอสุราตู้คัง
ซูจิ่นซีคิดได้ในทันที ทว่ายังไม่แน่ชัดนัก นั่นคือสุราดอกเหมยนี้ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอนทั้งยังเคยมีคนใช้สุราดอกเหมยวางยาพิษให้กับเยี่ยโยวเหยามาก่อน พิษบนตัวของเยี่ยโยวเหยาสามสิบกว่าชนิดนั้นมีจำนวนมากเกินไปทว่ากลับไม่ใช่พิษชนิดเดียวกันกับพิษชางหลงที่อยู่ในตัวของฮั่วซืออวี่
“หมอหลวงอวิ๋น ยานี้ท่านรับไว้ ก่อนที่ข้าจะกลับมา หากเกิดสถานการณ์อันใดขึ้นกับหัวหน้าขุนพลฮั่วเ้าจงนำยานี้ให้เขากิน มันจะช่วยระงับอาการของพิษไว้ได้ชั่วคราว”
“พระชายา ท่านจะไปหายาสมุนไพรที่้าใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
“ข้า้าไปหอสุราตู้คังเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ดูก่อนหากหัวหน้าขุนพลฮั่วถูกวางยาพิษที่หอสุราตู้คังจริง ไม่แน่ว่าบริเวณโดยรอบอาจสามารถหางูพิษเจ็ดชนิดที่ประกอบเป็พิษชางหลงนั้นก็ได้”
“พระชายา ท่านจะไปเพียงผู้เดียวหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
......
เชิงอรรถ
[1] พยับเมฆที่ทำให้ฟ้ามืด คือคำเปรียบเปรยในภาษาจีน หมายถึง ความทุกข์โศก
[2] คานเสาล่างไม่ตั้งตรงคานเสาบนก็ต้องมีปัญหา คือสุภาษิตจีน หมายถึง หากผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าหรือคนรุ่นก่อนประพฤติตัวไม่เหมาะสมผู้ที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าหรือคนรุ่นหลังก็จะได้รับผลกระทบนั้น คือจะประพฤติตัวไม่เหมาะสมตามไปด้วยหรือสำนวนไทยที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้