การตกแต่งของตำหนักจงชุ่ยนั้นงดงามและหรูหรายิ่งนัก มีสีทองอร่ามอยู่ทุกหนทุกแห่ง แพรวพราวเป็ประกายจนแสบตา
ลมยามกลางคืนพัดเข้ามาภายในห้องโถง ชวนให้อวิ๋นอี้รู้สึกหนาวเย็นนัก
นี่มันเื่กระไรกัน ราวกับได้นั่งรถไฟเหาะอยู่ทุกวัน
ตอนกลางวันยังโอ้อวด หยิ่งผยองฮึกเหิมยิ่งอยู่เลย ที่ไหนได้ตกกลางคืนต้องมานั่งคุกเข่าลงบนพื้นเย็นเยือกเสียแล้ว ขนาดหายใจยังต้องระมัดระวัง เพราะนั่งอยู่เบื้องหน้าของไทเฮา
นางเม้มริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองกู่ซือฝานที่ดูใบหน้าขมขื่น ราวกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ!
ยัยโง่!
ยังจะมีหน้ามาร้องไห้!
นางถูกขาย นางควรจะร้องเสียมากกว่า!
ครานี้ถูกกักตัวอยู่ที่นี่ คราไปจะเกิดกระไรขึ้น นางมิอาจจะรู้ได้เลย
แต่อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็วังหลวง คงจะมิได้จะฆ่านางให้ตายหรอก หลังจากที่คิดเื่นี้ได้ อวิ๋นอี้ก็ลดความตื่นตระหนกไปได้มาก
นางก้มหน้าลงอย่างระมัดระวัง คุกเข่าตัวตรง ตาดูหูฟังอย่างตั้งใจ
กู่ซือฝานปากไวนัก เผลอพูดเื่ที่นางเป็เถ้าแก่ของทั้งสองร้านนั้นออกไป ซึ่งกระตุ้นความไม่พอใจของไทเฮาเป็อย่างมาก
ในห้องโถงที่เงียบสงบ ก็ได้ยินนางพูดออกมา
“อวิ๋นอี้ เ้าลองบอกทีสิว่าเ้าเป็สตรี ริอ่านหัดเลียนแบบผู้อื่นออกหน้าออกตาทำการค้า ไม่เป็สตรีเอาเสียเลย นี่มันกระไรกัน! หากเื่นี้อวิ๋นเส่าต้าวได้รู้ ข้าว่าเขาคงจะโกรธเ้ามาก! หน้าตาของตระกูลอวิ๋นจะไปอยู่ที่ใดได้!"
"......"
อวิ๋นอี้ก้มหน้าอย่างพูดมิออก
คิดว่าหน้าอกใหญ่ของนางนั้นไร้ความหมายงั้นหรือ?
ด้วยหน้าอกที่ยกขึ้นอย่างภาคภูมิใจนี้ นางจะไม่เหมือนสตรีได้อย่างไร นางเป็สตรีที่ล้ำค่าที่สุดเลยนะสิไม่ว่า!
"นอกจากนี้ ออกหน้าก็เื่หนึ่ง แต่เ้าจะคบค้ากับลู่จงเฉิงเป็การส่วนตัวได้เยี่ยงไร? เ้าเป็สตรีที่มีคู่ครองแล้ว จงใส่ใจคำพูดและการกระทำของเ้าเสมอสิ! เ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุรุษอื่น จะให้หรงซิวเอาหน้าไปไว้ที่ใด หากข่าวมันแพร่ออกไป จะควบคุมปากของผู้อื่นที่พูดใส่สีก็มิได้!"
"......"
อวิ๋นอี้ถอนหายใจยาว นางอยากจะคุยกับไทเฮาเสียจริง ว่ากระไรคือหุ้นส่วน แต่ในคราที่นางรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้น สายตาประชันเข้ากับไทเฮาที่เงยหน้าพูดอยู่ แววตาดุดันน่ากลัวยิ่งนัก ทำให้อีกครึ่งประโยคของนางต้องติดอยู่ในลำคอ กลับตัวก็มิได้ให้เดินต่อไปก็คงมิถึง ทรมานนัก
ช่างมันเถิด
นางกัดฟันและปลอบใจตัวเอง อย่างไรเสียนางไม่ได้สวมหมวกเขียวให้หรงซิวเสียเมื่อไหร่ นางมิจำเป็ต้องมีความรู้สึกผิดใดๆ
“อวิ๋นอี้ มิใช่ว่าข้าจะหาเื่เ้า เ้าคิดๆ ดู เ้าก็มิได้หน้าตาสะสวยกระไร อย่างน้อยเ้าต้องเรียนรู้ในการใช้ชีวิตบ้าง! คนขี้เหร่นี่ก็แปลกกันมากมาย หาเื่มิได้หยุดหย่อน หากว่ามีเพลาทำเื่เ่าั้ เ้าเอาเพลาไปใส่ใจรูปลักษณ์เสียจะดีกว่า หน้าตาก็มิแต่งให้ดูดี ผมเผ้าก็ไม่ทันสมัยเอาเสียเลย น่าสงสารซิวเออร์จริงๆ ที่ต้องทนเห็นเ้าทุกวัน ลำบากเขาเสียจริง!”
ไทเฮาพูดแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังด่าว่านางขี้เหร่อีกด้วยหรือ?
นางเป็ดอกไม้วัยแรกแย้ม หญิงชราที่น่าสมเพชต่างหากที่ขี้เหร่!
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้นมองไทเฮาทันใด "ไทเฮา!"
"กระไร? หรืออยากจะเถียง? มาสิ ในเมื่อพระชายาเจ็ดไม่รู้จักกฎเกณฑ์ วันนี้ข้าก็จะสั่งสอนให้!"
กู่ซือฝานใจนตัวสั่นมองไปที่อวิ๋นอี้ และส่ายหัวอย่างกังวลใจราวกับกลองป๋องแป๋ง
จากด้านนอกห้องโถงของพระตำหนักจงชุ่ย เหล่าสตรีกลางคนรูปร่างกำยำหลายคนเดินเข้ามา
แสงเงาในห้องโถงทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัว เหล่าสตรีสตรีกลางคนพวกนั้นเดินเข้ามาล้วนสร้างความสั่นะเื อวิ๋นอี้เหลือบไปเห็นแสงเทียนแวบๆ มีสตรีกลางคนสองคนยืนอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวา
อวิ๋นอี้ตัวสั่น ร่างที่เล็กกะทัดรัดของนาง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกสตรีกลางคน เทียบมิได้แม้แต่น้อย
“คุณธรรมและรูปลักษณ์ของสตรี พระชายาเจ็ดยังจำได้หรือไม่?” ไทเฮาเหลือบมองเบาๆ แล้วถามช้าๆ
อวิ๋นอี้สับสน นางเพิ่งเคยได้ยินเื่นี้ก็ตอนมาที่นี่ แต่นางรู้สึกว่ามันล้าสมัยเกินไปจึงไม่ได้ใส่ใจ จะจำได้กระไรเล่า!
“นั่น...”
อย่างที่ว่ากันว่าผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็เลิศ อวิ๋นอี้เป็ผู้น้อยคำพูดของนางจึงมิมีน้ำหนัก เมื่อสถานการณ์ไม่ดีต่อนางแล้ว นางจึงรีบประจบอย่างรวดเร็ว “ไทเฮา! ท่านย่าเพคะ ท่านเข้าใจผิดแล้วเพคะ อวิ๋นเออร์คิดว่าคำสั่งสอนของท่านถูกต้องมากเพคะ ข้ามิได้จะเถียงเลยสักนิดเพคะ!"
"ฮึ่ม!" ไทเฮาตั้งใจจะให้นางเห็นดีกันสักตั้ง ไม่สนใจคำพูดของนางสักนิด ได้แต่โบกมือปัดให้พวกสตรีกลางคน “พานางไป! เมื่อใดที่จำคุณธรรมและรูปลักษณ์ของสตรีได้แล้ว ค่อยปล่อยเ้าออกมา!”
อวิ๋นอี้รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก!
ไม่!
ไม่นะ!
นางดิ้นรนอย่างหนัก แต่ในที่สุดแขนขาบางๆ ของนาง ก็ถูกสตรีกลางคนสี่คนจับไว้แน่น
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง นางก็ถูกยกขึ้นมา สองขาลอยอยู่กลางอากาศแล้วโดนพาออกไป
“ซือฝาน!” นางหันไปมองขอชีวิต
กู่ซือฝานปิดปากร้องไห้ ไทเฮายิ้มอย่างพอใจ มิมีกระไรจะพูดต่อ
"......"
นางต้องยอมรับชะตากรรม
อวิ๋นอี้รู้สึกว่าตัวเองนั้นราวกับปลาเค็ม ถูกยกขึ้นอย่างไร้ความปรานี และถูกนำมาอยู่หน้าห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อประตูเปิดออก นางก็ถูกโยนเข้าไปข้างใน
สตรีกลางคนทั้งสี่นั้น มิได้เข้ามาด้วย พวกนางเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง แทบจะใช้แค่รูจมูกมองนาง
"......"
อวิ๋นอี้มิรู้ว่าูเาทั้งสี่ลูกนี้กำลังทำกระไร
จ้องนางใช่หรือไม่?
เช่นนั้นก็มาจ้องกัน ผู้ใดกลัวกันเล่า!
อวิ๋นอี้เบิกตากว้างและทำท่าทางดุร้าย เหลือแค่ไม่ได้แยกเขี้ยวใส่พวกนางเท่านั้น
“ประสาท!”
สตรีกลางคนทั้งสี่สบถพร้อมๆ กัน แล้วปิดประตูกระแทกดังปึ้ง!
นี่มันเื่กระไร?
อวิ๋นอี้ลุกขึ้นจากพื้น ผลักประตูแรงๆ ประตูถูกใส่กลอนไว้จากด้านนอก
“นี่! มิได้จะให้ข้าจำคุณธรรมกระไรนั่นหรือ?” นางแนบหน้าไปที่ประตูแล้วะโออกไป
สตรีกลางคนทั้งสี่ไม่พูดกระไร
“นี่! พวกเ้าป่วยหรือ! ป่วยก็ไปรักษาเสียสิ! ไม่รักษาจะตายเร็วนะ!” เพลานี้สติของนางไม่เหลือแล้ว คิดกระไรได้ก็พูดออกไปเรื่อย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านางจะด่าหรือะโสักเท่าใด ก็มิได้รับการตอบรับใดๆ กลับมา
นางเหนื่อยมาก ถึงได้เริ่มมองดู "กรง" แห่งนี้
ในห้องถูกตกแต่งครบถ้วน อวิ๋นอี้ะโอยู่นานก็รู้สึกกระหาย
นางดื่มชาหลายถ้วย แล้วก็เช็ดหน้าตัวเอง เมื่อเสร็จก็นอนลงบนเตียงอย่างไร้หนทาง
ในเมื่อสตรีกลางคนทั้งสี่คนไม่สนใจนาง ไม่ให้นางท่องคุณธรรมรูปลักษณ์กระไรนั่น นางก็จะมิกดดันตัวเอง
นางนอนอยู่บนเตียงพลิกไปมา ในคราแรกก็นอนไม่หลับ คิดเื่หรงซิวอยู่ครู่หนึ่งก็กังวลว่าตัวตนของนางจะถูกค้นพบ และสุดท้ายก็ผล็อยหลับไป ในฝันรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกว่าปวดท้องถ่ายเบานัก ทนมิไหว จนต้องตื่นขึ้น
ห้องนั้นยังคงเป็ห้องเดิม ประตูยังคงใส่กลอนแน่นอยู่เช่นเดิม
อวิ๋นอี้อั้นจนสองขาบิด นางพูดอย่างน่าสงสารว่า "ท่านป้าเ้าคะ ข้าเห็นพวกท่านอยู่ข้างนอก ปล่อยข้าไปเถิด ข้าอยากไปท่า! ข้าจะอั้นมิอยู่แล้ว!”
เดิมคิดว่าจะไม่มีใครสนใจ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าประตูเปิดทันทีที่เสียงของนางเบาลง
อวิ๋นอี้สีหน้าดีใจ กุมท้องแล้ววิ่งออกไป
สตรีกลางคนทั้งสี่ยืนบังประตูแน่น นางรีบวิ่งออกมา ทำให้ชนเข้าอย่างจัง!
อู้—
นางชนจนดาวขึ้นเต็มหัว
“ทำกระไรเ้าคะ! ข้าทนไม่ไหวแล้ว! หากพระชายาอย่างข้ากลั้นไม่ไหวท่ารดกางเกง พูดออกไปพวกท่านทุกคนได้กินไม่หมดต้องห่อผ้ากลับแน่!”
สตรีกลางคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาข้างหน้า ยืดอกออกมา ทำให้นางต้องถอยกลับ
คนผู้นั้นโยนหนังสือให้นางสองเล่ม “เล่มหนึ่งคือคุณธรรมของสตรี อีกเล่มคือรูปลักษณ์ของสตรี จำได้แล้วจะมีการทดสอบ ผ่านการทดสอบถึงจะไปท่าได้!”
อวิ๋นอี้มองดูพวกนางอย่างหวาดกลัวก่อนจะชี้นิ้วไปที่พวกนางด้วยความโกรธ “เ้า...พวกเ้าใช้วิธีสกปรกเช่นนี้! ไร้ยางอายเสียจริง!”
“ข้าจะขอเตือนพระชายาว่ารีบจำเสียเถิดเพคะ หากท่านจะอั้นต่อไปได้ ก็อยู่ประชันฝีปากกับพวกข้าต่อก็ย่อมได้ อย่างไรเสียคนที่อยากไปท่า มิใช่พวกเรา!"
อวิ๋นอี้เกาหัวด้วยความโมโห อ้า! ได้ ได้ ได้! ครานี้นางยอมรับความพ่ายแพ้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้