เช้าวันรุ่งขึ้นหลินลั่วหรานยังไม่ทันได้พูดถึงเื่ที่มีคนเข้ามาในห้องมู่เทียนหนานก็ออกตัวไปบอกลาพ่อกับแม่ของเธอก่อนพร้อมทั้งบอกว่าที่บ้านมีเื่ด่วนจึงต้องรีบกลับไปก่อนจะออกจากบ้านไปด้วยความรีบร้อน
ผู้เป็แม่ไม่ได้สงสัยอะไร แม้ว่าในใจจะอยากให้ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้ได้มีเวลาอยู่กับลูกสาวของตัวเองมากหน่อยแต่ก็ไม่สามารถที่ห้ามให้เขากลับบ้านได้ใช่ไหม?
จะไม่พูดถึงเื่ที่แม่ของหลินลั่วหรานเอาแต่จ้องลูกสาวของตัวเองตาเขม็งหลังจากที่มู่เทียนหนานกลับไป แต่ก็พูดถึงมู่เทียนหนานที่เมื่อขับรถออกมาถึงประตูใหญ่ของบ้านหลินใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ นิ่งลง ก่อนจะค่อยๆ ยู่ยี่ขึ้นทีละน้อยแม้ริมฝีปากของเขาจะถูกปิดเอาไว้สนิท แต่เืสีสดก็ยังคงไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
มู่เทียนหนานใช้มือข้างเดียวในการจับพวงมาลัย เขาใช้หลังมือเช็ดคราบเืบริเวณปากของตัวเองก่อนจะเหม่อลอยไปสักพัก แล้วก็เผยรอยยิ้มออกมาเสียเฉยๆ
“เป็ผู้หญิงที่โเี้จริงๆ เลยนะ!”
แต่ว่าแบบนี้แหละฉันชอบ...มู่เทียนหนานหันกลับไปมองประตูสีแดงแสดของบ้านหลินก่อนที่รอยยิ้มที่ไม่แน่ใจในความหมายนัก จะปรากฏออกมาบนใบหน้าของเขา
อีกครั้งที่รอยแผลภายในส่งผลกระทบจนทำให้ปวดร้าวจนต้องตีมือลงที่พวงมาลัยเพื่อระบายความเ็ป แล้วสตาร์ทรถก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว
คนโหดร้ายอย่างหลินลั่วหราน ไม่ได้รู้เื่อะไรของมู่เทียนหนานเลยแม้แต่น้อยหรือแม้ว่าเธอจะรู้ เธอก็คงจะได้แต่หัวเราะเยาะ เธอเองก็ไม่ใช่คนโง่ไร้สมองถูกคนบุกเข้ามาในห้องแล้วยังจะทำเื่น่ารังเกียจแบบนั้นอีกถ้ากล้าที่จะมองข้ามชื่อเสียงของเธอไป หมัดนั้นก็ถือว่าสมน้ำหน้าแล้วล่ะ!
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า ในมัดนั้นบรรจุเต็มไปด้วยพลังอย่างแ่าหลินลั่วหรานก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ โดนหมัดนั้นเข้าไปก็คงจะต้องทรมานไปสักระยะหนึ่งเลย
ส่วนเื่ที่พลังของเธอจะหลุดลอดออกไปหรือไม่หลินลั่วหรานไม่ได้แม้แต่จะคิดถึงเื่นี้เลยเส้นทางการฝึกศาสตร์หลังจากนี้ยังคงอีกยาวไกล แน่นอนว่าจะต้องมีเื่ทรมานและแรงกดดันจากโลกภายนอกอีกมากหากเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอจะไปเผชิญกับเื่เหล่านี้ได้อย่างไร?
ในใจของเธอคิดถึงเื่ที่ต้องทำขึ้นมาก่อนจะหยิบมีดเล่มเล็กเข้าไปในพื้นที่ลึกลับ
ในการไปรุยลี่ครั้งนี้ เธอได้รับพลังกลับมาไม่น้อยหลินลั่วหรานไม่สามารถจะรับมันเข้าไปได้หมด ดูเหมือนว่ามันจะส่งผลเล็กๆมาถึงภายในพื้นที่ลึกลับด้วย ภายใต้พลังที่เต็มที่สมบูรณ์เหล่าสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้ก็ได้รับโอกาสไปด้วย
ต้นไม้สีมรกตที่อยู่ข้างบ่อน้ำไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ ดอกของต้นนี้มีสีดำั้แ่ครั้งก่อนที่ผลิดอกบานออกมา ขยายขอบเขตจิตรับรู้ของหลินลั่วหรานไปสุดท้ายดอกไม้สีดำนั่นก็กลายเป็ฝุ่นผง ส่วนที่เหลืออยู่ก็ได้แต่อยู่ที่เดิมโดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ ผู้มาอยู่อาศัยคนแรกของที่แห่งนี้ ต้นห่อสิ่วโอวที่แต่แรกเริ่มถูกหลินลั่วหรานซื้อมาจากตลาดนั้นในที่สุดดอกของมันก็ผลิบานออก!
ไม่เพียงแค่นั้น โสมที่ล้อมรอบห่อสิ่วโอวอยู่ทั้งเจ็ด...โอ้ ไม่สิเอาไปให้อาจารย์เจี่ยแล้วหนึ่งต้น ดังนั้นตอนนี้พวกมันจึงเหลือแค่หกต้นแล้วสิ่งเล็กๆ ทั้งหกต้นนี้ ใบของมันมีสีเขียวราวกับก้อนหยกบริเวณ่โคนใบเริ่มที่จะมีก้อนเล็กๆ ตูมๆ ปรากฏขึ้นหรือว่านี่จะเป็ดอกตูมของต้นโสมกัน?
เมื่อลองนับเวลาดู หลังจากที่ปลูกลงไปจนมาถึงวันนี้ตอนแรกเป็่ปลายฤดูใบไม้ร่วง จนตอนนี้มาถึง่หน้าหนาวแล้วเป็เวลากว่าสามเดือนแล้ว โสมที่ปลูกนี้ถูกปลูกเอาไว้ภายในพื้นที่ลึกลับก็น่าจะกลายเป็โสมที่มีฤทธิ์เท่ากับโสมอายุร้อยปีแล้วใช่ไหม?
แม้ว่าหลังจากนั้นเธอจะซื้อโสมที่คนเพาะมาปลูกเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับอีกแต่สิ่งที่หลินลั่วหรานให้ความสำคัญ ก็ยังคงเป็โสมที่ได้มาต้นแรกๆพวกนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าเธออาจจะได้เก็บเกี่ยวเมล็ดของพวกมันหลินลั่วหรานก็ดีใจขึ้นมา
ในเมื่อต้นห่อสิ่วโอวผลิดอกออกมาแล้วดูเหมือนว่าจะสามารถเก็บผลได้ในอีกไม่กี่วันจากที่ตอนแรกหลินลั่วหรานตั้งใจว่าจะถอนมันออกไปทำอย่างอื่นมาถึงตอนนี้จึงยังไม่อยากจะลงมือเลยในทันที
รออีกสักพักจะดีกว่าไหม?
เมื่อคิดถึงมีดเล็กในมือ เธอก็ไม่อยากจะเอามันมาโดยเสียเปล่าในระหว่างที่เธอกำลังใช้ความคิด เธอก็คิดไปถึงสมุนไพรธรรมดาที่ปลูกเอาไว้ได้
โอ้ ตังกุยนี่ก็ดูดีเลยนะ อย่างไรคุณภาพก็น่าจะดีกว่าที่ขายกันด้านนอกไปกว่าครึ่งเลยเอาอันนี้ก็แล้วกัน!
ส่วนรากสนอันนี้หลินลั่วหรานจำได้ว่าเก็บมาจากตอนที่เธอขึ้นเขาไปกับพ่อครั้งก่อนตอนนั้นยังไม่รู้จักชื่อของมัน เพียงแค่รู้สึกว่ามีพลังอยู่มากกว่าพืชอื่นๆหลังจากนั้นเธอก็ได้ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเหล่าสมุนไพรที่เธอเก็บมาด้วยการอ้างอิงจากความหนาแน่นของพลังเ่าั้ให้มากขึ้น
และเพราะแบบนั้น จึงมีสมุนไพรจำนวนมากที่ไม่ได้มีข้อมูลบันทึกเอาไว้หลินลั่วหรานเห็นว่าพวกมันมีพลังที่ดีจึงได้แต่สงสัยหรือว่าพวกมันจะเป็สมุนไพรที่คนระดับที่สูงใช้กัน อย่างเช่นผู้ฝึกศาสตร์
แน่นอนว่านี่เป็เพียงสิ่งที่หลินลั่วหรานเดาขึ้นมาเองความเป็จริงนั้นจะเป็อย่างไร ยังคงต้องรอให้เธอไปสืบค้นเพิ่มเติมหลังจากนี้
ต้นเก๋ากี้เองก็เติบโตขึ้นมาได้ดีทีเดียว กลุ่มใบของมันแ่าจนเกือบจะรุกรานไปถึงบริเวณของต้นหวยหนิวซีที่อยู่ข้างเคียงเก็บผลเก๋ากี้สีแดงเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังหากเหลืออยู่เยอะก็จะได้เอาไปต้มเหล้าให้กับพ่อ
ดูเหมือนว่าหวยหนิวซีเองก็ต้องใช้ โถ อนิจจาวันนี้หวยหนิวซีเองก็ยากที่จะหลีกหนีได้
เมื่อเก็บบรรดาสมุนไพรที่้าจะใช้มาได้ครบ หลินลั่วหรานก็ไปซื้อโถวซีจี้มาจากร้านขายยาเธอต้องใช้มันในการแช่เหล้า และเธอก็ไม่ได้ปลูกมันเอาไว้
นอกจากห่อสิ่วโอว สมุนไพรต่างๆ ที่้าจะใช้ก็ถูกเก็บมาเรียบร้อยแล้วหลินลั่วหรานจึงเริ่มทำงานที่ด้านหลังบ้านของเธอ วิธีการทำยาจีนนั้นเต็มไปด้วยความละเอียด วัตถุดิบและวิธีการที่แตกต่างกันก็จะทำให้ฤทธิ์ยานั้นต่างกันออกไปด้วย
เหมือนกับสิ่งที่หลินลั่วหรานรู้มาก็คือ การจัดการสมุนไพรส่วนมากต่างก็ต้องผ่านการแช่เหล้า จากนั้นก็นำออกไปตากแห้ง เพื่อรอให้ปรากฏฤทธิ์ยา
และการจุ่มเหล้ากับระยะเวลานั้น ก็แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นหวยหนิวซีก็ต้องจัดการนำใบและเม็ดออก หลังจากนั้นก็แช่เหล้าเอาไว้หนึ่งวันจากนั้นก็ยังไม่สามารถนำไปตากแห้งได้ในทันทีแต่ต้องรอเอาไปตุ๋นพร้อมกับห่อสิ่วโอวเสียก่อน
ขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับมันขึ้นมาแต่ก็ต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าหากว่าวันไหนที่เธอมีเตายาของผู้ฝึกศาสตร์อย่างในนิยายบวกกับยาไฟ ก็อาจจะสามารถนำสมุนไพรทั้งหลายใส่ลงไปในเตา แล้วก็รอรับเม็ดยาเลยก็ได้?
หลินลั่วหรานรู้สึกสงสัยขึ้นมา ขนาดการทำยาของคนธรรมดาทั่วไปยังต้องละเอียดอ่อนขนาดนี้ ยุ่งยากขนาดนี้ เหมือนว่านักฝึกศาสตร์ในนิยายพวกนั้นจะโม้เอาแล้วล่ะ
เมื่อเห็นลูกสาวกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ที่หลังบ้านเทเหล้าลงไปในขวดเพื่อหมักสมุนไพรอยู่ไม่ขาด ผู้เป็พ่อและแม่เฝ้าดูอยู่นานจนเมื่อมาถึงวันที่ห้าก็ต่างพากันทนไม่ไหวผู้เป็พ่อจึงส่งให้ผู้เป็แม่เข้ามาก่อน
“เสี่ยวหราน เหล้ายาของลูกเนี่ย จะดองเอาไว้ให้พ่อบำรุงร่างกายเหรอ?นี่มันยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า!”
เหงื่อไหลรินลงมาบนหน้าผากของหลินลั่วหรานที่แท้พ่อกับแม่ก็กำลังคิดว่าเธอกำลังดองเหล้าอยู่นี่เองเธอคงควรจะอธิบายให้เข้าใจ ว่าตั้งใจจะกลั่นยาให้กับหวังเมี่ยวเอ๋อ พูดไปหลายรอบกว่าจะทำให้พ่อกับแม่เข้าใจขึ้นมาได้ แน่นอนว่าท้ายที่สุดเธอก็ต้องเอาเก๋ากี้ที่เก็บมาจากในพื้นที่ลึกลับส่งให้พ่อของตัวเองเพื่อเป็วัตถุดิบในการดองเหล้าที่แท้จริง
ไม่ใช่ว่าหลินลั่วหรานไม่รักดีถึงได้ไม่นำเอาโสมและห่อสิ่วโอวที่อยู่ในพื้นที่ลึกลับออกมาให้พ่อกับแม่บำรุงร่างกายแต่ตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอเป็เพียงคนธรรมดาทั่วไปภายในร่างกายยังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่มากหากกินโสมเข้าไปอาจจะเป็การทำร้ายร่างกายเสียมากกว่าหลินลั่วหรานคอยให้พ่อกับแม่กินผักจากในพื้นที่ลึกลับ เพื่อที่จะค่อยๆจัดการไล่สิ่งแปลกปลอมออกไปจากร่างกายของพวกเขา การทำแบบนี้แม้ว่าจะช้าแต่ก็มั่นคงและปลอดภัย
เมื่อมาถึงคืนของวันที่สิบ นับได้ว่าเป็วันที่หนึ่งร้อยพอดี ในคืนนั้นดอกบนเถาของต้นห่อสิ่วโอวก็แห้งเหี่ยว และออกผลสีเขียวเล็กๆ ออกมาในที่สุด
หลินลั่วหรานอดทนต่อมาอีกสองวัน เมื่อเห็นว่าผลของมันเริ่มเห็นเป็รูปเป็ร่างแล้วก็จัดการรดน้ำลงบริเวณรากของต้นห่อสิ่วโอวและเก็บเมล็ดของมันเข้าไว้ด้วยความระมัดระวัง
ห่อสิ่วโออายุร้อยปี อีกทั้งยังเป็ของที่ได้จากพื้นที่ลึกลับเมล็ดเ่าั้น่าจะไม่ได้มีคุณภาพเพียงแค่ห่อสิ่วโอวที่เธอซื้อมาจากตลาดแล้วหากนำไปปลูกอีกครั้ง จะต้องได้รับสมุนไพรที่มีคุณภาพเทียบเท่าโสมพวกนั้นแน่ ถึงตอนนั้นก็คงจะสามารถเรียกได้อย่างโสมและเห็ดหลินจือแล้วว่าเป็ “ยาแห่งสี่ธาตุ”!
ส่วนต้นห่อสิ่วโอวต้นนี้ ช่างดูน่าสงสาร มันโดนหลินลั่วหรานถอนขึ้นมาแม้แต่เถาก็กลายเป็ “โชวู” แห้งเก็บเอาไว้
การทำยาครั้งแรกของผู้ฝึกศาสตร์ฝึกหัดหลินลั่วหราน ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้