เมื่อเย่เฟิงเห็นความเร็วของอีกฝ่ายก็ใ
“ความเร็ว... เคลื่อนที่ได้หนึ่งร้อยเมตรภายในสี่วินาที?” โชคดีที่ความเร็วยังเทียบเท่าย่างก้าวไร้เงาไม่ได้ จึงทำให้เขาเบาใจลง “ฉันจะเล่นกับแกสักหน่อยแล้วกัน...”
ชายหนุ่มะโมาอีกฝั่งเพื่อรักษาระยะห่างจากอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็เริ่มโคจรพลังชี่ให้ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณอย่างรวดเร็วเตรียมใช้กระบวนท่ากรงเล็บั
ก่อนหน้านี้เขาอ่านคัมภีร์โบราณจึงเข้าใจแก่นแท้ของวิชากรงเล็บั ต้องพัฒนาถึงขั้นที่สองเท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังชี่เคลื่อนย้ายสิ่งของได้ การบรรลุวิชากรงเล็บัขั้นที่สองเป็เื่ยากมาก แต่สำหรับเย่เฟิงแล้วไม่มีอะไรที่เป็ไปไม่ได้ เขากล้าพูดเลยว่าการควบคุมพลังชี่ของตนอยู่ในระดับปรมาจารย์
ด้วยฝีเท้าแ่เบา เย่เฟิงแยกมือสองข้างกลางอากาศ พลังชี่ก่อตัวบนมือปรากฏเป็กรงเล็บั!
เพียงพริบตาหมวกสักหลาดสีน้ำตาลบนศีรษะของชายประหลาดก็ถูกเย่เฟิงจับไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วโยนมันออกไป!
ศีรษะไร้เส้นผมปรากฏตรงหน้าเย่เฟิง ตาของมันส่องประกาย เบ้าตาลึก ใบหน้าเหลือง ลักษณะเหมือนคนติดยา
“แกเป็ตัวอะไรกันแน่?” เย่เฟิงตัวสั่นสะท้าน เ้านี่มันตัวอะไรกันแน่? ซอมบี้ ปีศาจ หรือคนติดยา?
หากเย่เวิ่นเทียนเห็นว่าเย่เฟิงสามารถใช้วิชากรงเล็บัขั้นที่สองได้เร็วขนาดนี้ต้องตกตะลึงจนกรามค้างแน่นอน! เขาคืออัจฉริยะ!
แม้พลังชี่และพลังภายในแตกต่างกันจนทำให้การปลดปล่อยปราณภายในได้ยาก แต่สำหรับเย่เฟิงแล้ว การปลดปล่อยพลังชี่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะความจริงที่ว่าเขามีพร์สูงส่ง
หลังจากหมวกของชายประหลาดถูกโยนออกไป เย่เฟิงก็ไม่รีรอ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทิ้งเพียงภาพติดตาไว้เื้ั ขณะเดียวกันก็วาดมือไปมาอย่างต่อเนื่องเพื่อแสดงกระบวนท่ากรงเล็บั ชายร่างประหลาดคว้าได้เพียงภาพติดตาของเย่เฟิง ชายหนุ่มสบโอกาสใช้กรงเล็บักระชากเสื้อคลุมของฝ่ายตรงข้ามโยนออกไป
ร่างกายของมันปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาล!
“เฮ้ย หรือมันเป็กอริลลา?” ภาพที่ได้เห็นทำเอาเย่เฟิงใไปครู่หนึ่ง หรือหมอปีศาจของตระกูลจ่วนอย่างคุณชายไช่จะชื่นชอบการดัดแปลงพันธุกรรม?
ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว ใช่แล้ว เตาปาเคยบอกว่าพวกเหยื่อของยาชนิดใหม่ เมื่อผ่านไปหนึ่งปีก็จะหายตัวไป เหตุการณ์เ่าั้อาจเกี่ยวพันกับพวกยอดฝีมือลึกลับอย่างนั้นหรือ?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันน่ากลัวขนาดไหน เห็นได้จากที่เย่เฟิงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วแล้วทิ้งภาพติดตาเอาไว้ มันก็ปล่อยหมัดหนักห้าร้อยกิโลกรัมใส่ภาพติดตาของเย่เฟิง น่าเสียดายที่เ้านี่มีไอคิวต่ำไปหน่อยจนแยกไม่ออกว่าอันไหนคือภาพติดตาหรือร่างที่แท้จริงของเขา มันเพียงต่อสู้ไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น
“งั้นคงไม่มีจำเป็ต้องกลัวแล้ว” เย่เฟิงตัดสินใจว่าจะไม่หนีอีกจึงหันกลับมา ทันใดนั้นกระบี่เจินชี่สีส้มก็สว่างวาบ
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นเมื่อร่างประหลาดใช้ลำแขนที่มีขนยาวป้องกันการโจมตีของเย่เฟิง!
“แข็งเสียจริง” เย่เฟิงคิดว่าถึงไอ้หมอนี่เจอปืนก็คงไม่กลัว ความคมของกระบี่เจินชี่ทรงพลังไม่ต่างจากอาวุธหนัก
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! แกร๊ก! ฉัวะ!
เย่เฟิงไม่ยอมแพ้ เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วแล้วโจมตีใส่ลำคอของชายร่างประหลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากลงมือไปห้ากระบวนท่า หัวของมันก็ขาดกระเด็น เหลือเพียงร่างไร้ศีรษะ! และเขาก็ค้นพบว่ามันมีิัที่บางมากซึ่งถูกปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาล แต่ใต้ิักลับมีชั้นเหล็กหนาทั่วร่างกาย
เมื่อศีรษะขาดกระเด็นไปไกล ร่างของมันก็ล้มลงไม่ไหวติง แต่กลับไม่มีเืไหลออกมาสักหยดเหมือนกับซากศพที่ตายไปนานแล้ว
“ประหลาดจริง...” เย่เฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากระยะไกล จึงรีบสลายกระบี่เจินชี่แล้วหนีจากที่นี่ทันที
เย่เฟิงไม่กลัวหากต้องเผชิญกับตัวประหลาดนั่นเพียงตัวเดียว แต่ถ้าจำนวนมากเกินไป การจัดการให้หมดทุกตัวคงยากมากทีเดียว อีกทั้งไม่รู้ว่าคุณชายไช่ได้ของแบบนี้มาได้อย่างไร?
ชายหนุ่มไม่คิดไปมากกว่านี้เพราะต้องรีบไปจากที่นี่ เหตุการณ์เมื่อสักครู่คงดึงดูดตำรวจอีกครั้ง และเขาไม่้าสร้างปัญหาอีก ตอนนี้โหมวเจิ้นเฉียงคงตื่นแล้วแต่กลับไม่มาหาหรือสร้างความยุ่งยากให้เขา เย่เฟิงก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไม เขาไม่อยากคิดให้ปวดหัวจึงมุ่งหน้ากลับวิลล่าชิงเฟิง
เมื่อมาถึงป่าข้างวิลล่า ขณะจะถอดหน้ากากกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ เขาเห็นไฟในบ้านดับไปนานแล้ว เสียงแมลงร้องระงมทั่วป่า แสงจันทร์ส่องสว่างจนมองทางเดินได้สะดวก เขาเห็นชายในเสื้อคลุมยาวสีม่วงคนหนึ่งยืนมือไขว้หลังอยู่หน้าประตูบ้านของเขาราวกับรอใครสักคน
“ใคร?” เย่เฟิงระวังตัวมากขึ้นขณะเดินไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ ชายชุดม่วงเป็ชายอายุราวสามสิบปี ท่าทางสงบนิ่งให้ความรู้สึกปลอดภัย
“ใบหน้าแบบนี้... คนตระกูลหลงงั้นหรือ? หน้าเหมือนหลงโม่หรานมาก...” เย่เฟิงสับสนยิ่งกว่าเดิม คนจากตระกูลหลงมาหาเขา เพราะรู้ว่าเขากลับมาแล้วจึง้าติดตามเบาะแสของชายสวมหน้ากากงั้นเหรอ?
เหตุผลนี้มีความเป็ไปได้สูงมาก อย่างไรก็ตามทำไมชายคนนี้ถึงมายืนอยู่หน้าบ้านเขา หรือไม่กล้าเข้าไป? หากชายคนนี้เข้าไปในบ้านแล้วรู้ว่าเย่เฟิงไม่ได้อยู่ข้างใน จะต้องสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเขาและชายสวมหน้ากากแน่
“ดูท่าเราต้องรีบฝึกฝนพลังลมปราณให้ถึงระดับสิบปีให้เร็วกว่านี้ จะได้ใช้ทักษะแยกเงาได้สักที” เย่เฟิงคิด
หากมีระดับพลังลมปราณสิบปี เขาจะใช้ทักษะแยกเงาได้และแยกได้หลายๆ ที่ แม้บางกรณีร่างเงาจะไร้ประโยชน์เมื่อต้องต่อสู้ แต่บางครั้งก็สามารถใช้ร่างเงาสร้างความสับสนแก่ผู้อื่นได้หากชำนาญพอ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมโหมวเจิ้นเฉียงถึงไม่มาให้เขารำคาญใจ เพราะคนของตระกูลหลงมาหาเขาถึงที่แล้วนั่นเอง...
เย่เฟิงสังเกตอย่างระมัดระวังสักพักก่อนพบว่าชายชุดม่วงไม่แม้แต่จะขยับขาเลย ยืนนิ่งราวรูปสลักหินจ้องไปทางบ้านเย่เฟิง เขาไม่รู้เลยว่าชายคนนี้คิดอะไรอยู่
“แย่ล่ะ ถ้าชายคนนี้ยืนถึงเช้า เราก็เข้าบ้านไม่ได้สิ?” ชายวัยกลางคนของตระกูลหลงคนนั้นดูมีวรยุทธ์สูงกว่าหลงหว่านเอ๋อร์ หากเย่เฟิงเข้าบ้านจะต้องถูกจับได้แน่นอน
“นั่นใคร?” ทันใดนั้นชายชุดคลุมม่วงพลันส่งเสียงถามไปทางที่เย่เฟิงซ่อนตัวอยู่
‘แย่จริง แค่หายใจแรงเพราะร้อนรนทีเดียวก็ถูกจับได้ซะแล้ว!’เย่เฟิงใจนไม่กล้าซ่อนตัวอีก
“ฮ่าๆๆ” เย่เฟิงซึ่งอยู่ใต้หน้ากากหัวเราะขึ้นมาก่อนเดินออกจากที่ซ่อน “คนตระกูลหลงมีธุระอะไรงั้นหรือ? ทำไมถึงอยากเข้าไปในอาณาเขตของตระกูลเย่กันล่ะ?”
ชายหนุ่มเดาว่าเพราะนี่คือบ้านของเย่เวิ่นเทียน ชายหนุ่มตระกูลหลงคนนั้นจึงไม่กล้าย่างกรายเข้าอาณาเขตบ้านโดยพลการ และเย่เฟิงก็สนุกที่ทำให้อีกฝ่ายใแบบนี้
“ข้าชื่อหลงจื่อเป็คนของตระกูลหลง ท่านคือโม่จิ่วเกองั้นหรือ?” เมื่อชายชุดม่วงเห็นเขาก็ผงะไปชั่วขณะราวกับไม่คาดคิดว่าจะได้เจอชายสวมหน้ากากง่ายดายเช่นนี้
“ใช่ คุณมีเื่อะไรอยากชี้แนะเหรอ?” เย่เฟิงถามเสียงต่ำ
“ฮ่าๆ งั้นคนจริงใจอย่างฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมล่ะนะ” หลงจื่อยิ้มอีกครั้งเพื่อแสดงความจริงใจ “ท่านจอมยุทธทำอะไรหลงหว่านเอ๋อร์ของเรา ฉันคงไม่จำเป็ต้องพูดให้มากความหรอกจริงไหม? ขอพูดตามตรงเลยว่าฉันแค่อยากคุยกับคุณ...”
ทันทีที่จบประโยค เย่เฟิงก็มองการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของหลงจื่อ ขณะเดียวกันหลงจื่อก็ะโสูงเพื่อเตะไปทางที่ชายหนุ่มยืนอยู่
“จะทดสอบงั้นหรือ?” สีหน้าของเย่เฟิงกลับมาตึงเครียด
ทักษะเฉพาะของตระกูลหลงคือเพลงกระบี่ ลือกันว่าเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราเป็สุดยอดเพลงกระบี่ที่ทรงพลังของตระกูลหลง แต่หลงจื่อผู้นี้ไม่ได้ใช้กระบี่เลยแต่ใช้แค่กระบวนท่าเตะเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาฆ่าเย่เฟิงจริงๆ
รูปแบบป้องกัน!
ทันใดนั้นเย่เฟิงก็เข้าสู่สภาวะปลดปล่อยพลังอย่างสมบูรณ์ เขายกมือคล้ายกรงเล็บขึ้นกลางอากาศพลางปลดปล่อยพลังชี่เพื่อเตรียมใช้รูปแบบเมฆาของกระบวนท่ากรงเล็บั
หลงจื่อไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถปลดปล่อย ‘พลังภายใน’ ออกมาได้ ข้อเท้าของหลงจื่อถูกกรงเล็บัจับไว้กลางอากาศจนสีหน้าของหลงจื่อเปลี่ยนไปทันที!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้