เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกับเฉินเทียนหยวนที่ออกจากข่ายปราณเห็นองค์หญิงโยวเยว่ปลดผ้าปิดหน้า รอยดาบบนใบหน้าของนางนั้นไม่อาจนับเป็อย่างไรได้ แต่ทำไมมู่หรงลวี่กวงถึงต้องอาเจียนด้วย?
องค์หญิงโยวเยว่จากอับอายกลายเป็โทสะ ในอดีตนางเคยได้รับคำชมจากผู้คนมาตั้งกี่มากน้อย ต่อให้หลังจากที่อาณาจักรล่มสลายก็ไม่เคยมีใครกังขาในฐานะหญิงงามลำดับหนึ่งแห่งราชวงศ์ชือกุ่ยของนาง แต่เป็เพราะรอยดาบนี้เ้ากลับรู้สึกว่าข้าน่าเกลียดจนถึงกับต้องอ้วกออกมาเลยหรือ?
“มู่หรงลวี่กวง เ้า เ้าจะทำเกินไปแล้วนะ ฮึ่ม!” องค์หญิงโยวเยว่แค่นเสียงเย็นอย่างโกรธจัด
ในตอนนั้น องค์หญิงโยวเยว่ได้ตัดความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อมู่หรงลวี่กวงออกไปจากใจจนหมดสิ้น
แม้ว่าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกับเฉินเทียนหยวนจะไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าเข้าใจดี
เมื่อสัจปราณขุ่นขุมนั้นเข้าไปในรูจมูกของมู่หรงลวี่กวง ดวงตาของจางเจิ้งเต้าก็กลายเป็กลมกว้าง สีหน้าฉายแววตื่นเต้นยินดีออกมา สุดท้ายก็มีอีกหนึ่งคนที่ต้องลิ้มรสชาติความเ็ปแบบเดียวกันกับข้า ช่างน่าเบิกบานใจอะไรอย่างนี้
แต่หวังเค่อกลับแสนเสียดาย อย่างไรเสียสัจปราณขุ่นที่มู่หรงลวี่กวงรับไปมีจำนวนแค่เพียงน้อยนิด แถมมู่หรงลวี่กวงเองก็ทนทายาดกว่าจางเจิ้งเต้าอยู่นิดหน่อยก็เลยทำเพียงแค่อ้วกออกมาไม่หยุดเท่านั้น หากว่าเ้าน้ำลายฟูมปากด้วยจะดีสักแค่ไหนกันนะ?
แต่เสียดายก็ส่วนเสียดาย เวลาที่ควรจะกระหน่ำซ้ำเติมก็ไม่อาจปรานีได้!
“ศิษย์พี่มู่หรง ท่านทำเกินไปแล้ว! รอยแผลเป็บนใบหน้าขององค์หญิงมันทำไมงั้นหรือ? ข้าหวังเค่อชมชอบรอยดาบแบบนี้ยิ่งนัก! องค์หญิงไม่ถือสาท่าน แต่ท่านก็ยังคงไร้ความจริงใจ?” หวังเค่อถลึงตาก่นด่าอย่างไม่ไว้หน้า
“อ้วก อ้วก อ้วก!”
มู่หรงลวี่กวงถอยร่นไม่เป็กระบวน อาเจียนจนหยาดน้ำร่วงแหมะจากตา
“องค์หญิง ท่านมายืนอยู่หลังข้าดีกว่า มู่หรงลวี่กวงเป็พวกตีสองหน้า อีกเดี๋ยวจะต้องหาข้ออ้างมาปะทุอารมณ์อีกแน่ อย่าให้มันทำร้ายท่านได้!” หวังเค่อะโเสียงดัง
แม้ว่าจะกำลังพูดอยู่กับองค์หญิงโยวเยว่ แต่ในความเป็จริงมันกำลังบอกเฉินเทียนหยวนกับเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่อยู่ไม่ไกลอยู่ต่างหาก
จริงดังคาด เฉินเทียนหยวนพลันนิ่วหน้าด้วยความเคลือบแคลงทันที จากนั้นก็ขยับตัวเข้ามาตระเตรียมลงมือ
หลังสูดรับกลิ่นเหม็นเข้าไปจนมิอาจหายใจหายคอได้ มู่หรงลวี่กวงท้ายที่สุดก็ฟื้นตัวขึ้นมาไม่น้อย อย่างไรเสีย มู่หรงลวี่กวงก็ไม่ได้สูดรับเข้าไปมากมาย เหตุการณ์น่าขายหน้าที่เพิ่งเกิดขึ้นแม้แต่ตัวมันเองก็ยังคงไม่อาจเข้าใจ แต่มู่หรงลวี่กวงก็สามารถตัดความไม่น่าจะเป็ออกไปได้ ใครในที่นี้ที่มีแนวโน้มว่าจะวางพิษมัน?
“หวังเค่อ? เป็เ้า เ้าจงใจทำให้ข้าต้องขายขี้หน้า? หวังเค่อ เ้าหาที่ตายซะแล้ว!” มู่หรงลวี่กวงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนกระโจนเข้าใส่หวังเค่อ
แต่เฉินเทียนหยวนอยู่ที่นี่ด้วย หวังเค่อยังจะต้องกลัวอะไร? คนเชิดหน้ายืดอก ปกป้ององค์หญิงโยวเยว่ที่อยู่ด้านหลัง ท่วงท่าเหมือนวีรบุรุษให้การคุ้มครองโฉมสะคราญ
“ฮึ่ม!” เฉินเทียนหยวนแค่นเสียงเย็น
“ตูม!”
เสียงดังคราหนึ่ง หัตถ์ปราณข้างหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ ฟาดใส่ร่างของมู่หรงลวี่กวงอย่างรุนแรง ฟาดมันปลิวไปชนต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นไปต้นหนึ่ง ฝุ่นควันตลบอบอวลไปทุกทาง
แต่หัตถ์ที่ว่ากลับไม่ได้มาจากเฉินเทียนหยวน หากแต่เป็เนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
ศิษย์ของตัวเองเกิดการคลุ้มคลั่งอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าอาจารย์ต้องเป็คนสั่งสอนจัดการ
“ลวี่กวง เ้าเป็บ้าอะไรขึ้นมา?” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยถามเสียงเย็น
มู่หรงลวี่กวงตะกายขึ้นจากพื้นด้วยความอับอายขายขี้หน้าก่อนชี้นิ้วไปทางหวังเค่อที่อยู่ไม่ไกลออกไป “ท่านอาจารย์ เป็มัน มันปรักปรำข้า! มันวางพิษใส่ข้า มัน...!”
จางเจิ้งเต้าทางด้านข้างยิ้มอย่างเป็ต่อ พิษ? ผิดแล้ว! นั่นคือลมตดต่างหาก ใช่พิษเสียที่ไหน! เ้าถูกลมตดเล่นงาน อย่างเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจะดูไม่ออกเชียวหรือว่ามีพิษอยู่หรือไม่? เห็นกันอยู่ว่าเ้าไม่ได้ถูกพิษเลยสักนิด เ้าพูดแบบนี้ไม่เท่ากับเป็การ ‘ปรักปรำ’ หวังเค่อเอาหรือ?
ไม่ต้องสงสัย หวังเค่อที่อยู่ไม่ไกลให้ความร่วมมือโดยการเผยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ออกมาทันที
มู่หรงลวี่กวงยังนึกอยากแก้ต่างให้กับตัวเอง
“หุบปาก!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยถลึงตา
“ข้า…!” มู่หรงลวี่กวงสีหน้าไม่น่าดู
“วันนี้ที่พาเ้ามาก็เพื่อจะให้เ้าได้สะสางความเข้าใจผิดกับหวังเค่อ แต่เ้ากลับไม่สำนึก ไม่คิดปล่อยวางเปิดใจให้กว้าง นี่เ้ายังมีความเป็ศิษย์พี่ใหญ่อยู่บ้างไหม? องค์หญิงโยวเยว่ไม่มีใจให้เ้า แต่เ้าก็ยังจะตามราวีนางไม่เลิก? ก่อนหน้านี้ข้าเคยสอนเ้าไว้ว่าอย่างไร?” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกล่าวเสียงเย็น
“ข้า ข้า…!” มู่หรงลวี่กวงสีหน้าไม่น่าดู
แต่ตอนนั้นมีศิษย์พรรคเทพหมาป่า์จับจ้องอยู่ทุกแห่ง มู่หรงลวี่กวงจึงไม่กล้าผิดใจกับอาจารย์ของตนเอง เพียงแต่ยิ่งแค้นใจหวังเค่อที่ทำให้ตนต้องเสื่อมเสียหน้าตาจนหมดสิ้นไปเมื่อครู่
“หากภายภาคหน้าเ้ายังเพ่งเล็งหวังเค่ออยู่อีก อย่าบอกใครว่าเ้าเป็ศิษย์ข้า!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยยื่นคำขาด
“ท่านอาจารย์!” มู่หรงลวี่กวงคอตกอย่างทุกข์ระทม
แต่หวังเค่อที่อยู่ไม่ไกลกลับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ทำไมเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยถึงได้ให้ท้ายข้า? นี่ไม่น่าเป็ไปได้ นางคืออาจารย์ของมู่หรงลวี่กวงนะ! ต่อให้นางรู้สึกไม่ชอบใจแค่ไหนก็ไม่น่าถึงขนาดหักหน้าศิษย์ตัวเองเพื่อปกป้องข้าเลยนี่
จางเจิ้งเต้าเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ หันหน้ามองไปทางเฉินเทียนหยวน “อย่าบอกนะว่าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมีอะไรในกอไผ่กับท่านประมุข?”
“เอาล่ะ เ้าตำหนักเนี่ย ศิษย์ทั้งพรรคดูอยู่ ท่านไม่ต้องดุด่าว่ากล่าวมันขนาดนี้ก็ได้ ไม่งั้นแล้วเกียรติประวัติศิษย์พี่ใหญ่ของมันคงต้องด่างพร้อยแล้ว!” เฉินเทียนหยวนถอนหายใจบาง
“น่าขายหน้าจริงๆ มัวโอ้เอ้อะไรอยู่ ยังไม่รีบกลับไปทบทวนตัวเองอีก!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกลับเอ่ยออกมาเสียงเย็น
ในดวงตาของเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคล้ายมีแววร้อนใจอยู่ เป็ความร้อนใจชนิดที่อยากให้ลูกศิษย์ของนางคนนี้ได้ดิบได้ดีในท้ายที่สุด
เพราะเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมองออกแล้วว่าสิ่งที่มู่หรงลวี่กวงพูดมาเมื่อครู่เป็ความจริง มันเสียรู้ให้หวังเค่อจริงๆ แม้แต่นางเองก็ไม่ทราบชัดว่าอีกฝ่ายใช้วิธีอะไรกันแน่
ไม่รู้ว่าโดนดีได้อย่างไรแต่ก็ยังจะะเิอารมณ์? ที่แท้เ้าวางอุบายอะไรเอาไว้กันแน่? พอเห็นอิสตรีเข้าหน่อยสมองก็ลัดวงจรไปเลยรึไง?
มู่หรงลวี่กวงยังนึกอยากอธิบาย แต่พอเห็นสายตาเยียบเย็นของเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมันก็ได้แต่ประสานมือคารวะอย่างหดหู่ “ทราบ!”
หลังจากหันมามองหวังเค่ออย่างอาฆาตทีหนึ่งก็ขี่กระบี่บินจากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยถึงค่อยเลื่อนสายตามาทางหวังเค่อ
หวังเค่อหน้าแข็งทื่อ ใบหน้าพิฆาตคนของนางน่าสะพรึงกลัวโดยแท้! หรือว่านางจะมองออกถึงตื้นลึกหนาบางเข้าแล้ว?
“หวังเค่อ?” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยขานชื่อมันออกมาเสียงต่ำ
“ศิษย์อยู่นี่ขอรับ!” หวังเค่อรีบประสานมือรับคำเร็วจี๋
“เ้าเป็ศิษย์ของท่านประมุข เดิมทีข้าไม่ควรจะเป็คนที่ออกมาพูดกับเ้า แต่ท่านประมุขเป็คนใจอ่อน เกรงว่าคำบางคำท่านคงจะพูดออกไปไม่ได้ ดังนั้นข้าก็เลยต้องขอพูดแทน!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยพูดเสียงเย็น
เฉินเทียนหยวนนิ่วหน้าลงเล็กน้อย หากก็ไม่ได้ห้ามปราม
หวังเค่อเองก็ทำหน้างง แต่ก็ยังตอบรับอย่างนอบน้อม “ศิษย์ล้างหูรอฟังแล้วขอรับ!”
“เ้าชอบองค์หญิงโยวเยว่ในทางชู้สาวหรือไม่?” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยถามเสียงเครียด
หวังเค่อผงะไป นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ผู้าุโพรรคเซียนสมัยนี้ชอบข่าวซุบซิบนินทากันหรือนี่ แม้แต่เื่นี้ท่านก็ยังจะสนใจ?
องค์หญิงโยวเยว่เองก็ตะลึงไป คิดไม่ถึงว่าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจะถามอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ องค์หญิงโยวเยว่หน้าขึ้นสีเล็กน้อย หากก็ยังเหลือบมองมาทางหวังเค่อ
“ถูกแล้วขอรับ!” หวังเค่อไม่ได้ปฏิเสธ
ใน่เวลาแบบนี้ ต่อหน้าองค์หญิงโยวเยว่ มันจะปฏิเสธได้ยังไง? มันไม่ได้โง่ซะหน่อย!
“ตัดใจซะ!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไร้ความปราศรัย
“ห๊ะ?” หวังเค่อตะลึงงัน
ไม้ตะบองตียวนยางนี้มาอย่างปุบปับไปหน่อยหรือไม่?[1] ต้องตรงไปตรงมาขนาดนี้เลย? หวังเค่อมองไปทางเฉินเทียนหยวน แต่อีกฝ่ายกลับปิดปากเงียบ
องค์หญิงโยวเยว่เองก็ทำหน้างง
“เ้าตำหนักเนี่ย พูดเช่นนี้แปลว่าอะไร?” หวังเค่อถามด้วยสีหน้าไม่เป็มิตร
“เ้าคือศิษย์ของท่านประมุข ไม่งั้นข้าก็คงจะไม่เปลืองน้ำลายกับเ้า นี่ก็เพื่อตัวเ้าเอง!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเอ่ยอย่างขึงขัง
หวังเค่อ “...!”
ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อรึไง? ให้ข้าตัดใจ ศิษย์ของท่านจะได้มาเสียบแทนที่ข้างั้นสิ? ล้อกันเล่น? อีกอย่าง ต่อหน้าองค์หญิงคิดว่าข้าจะถอยได้ไหมล่ะ? ตลอดหลายปีที่อยู่บนดาวดวงนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนทำให้ข้ารู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าแล่นเข้าหัวใจเชียวนะ!
“เ้าตำหนักเนี่ย ท่านมีคนที่หมายตาต้องใจบ้างหรือไม่?” หวังเค่อย้อนถาม
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยหน้าหม่นลงทันควัน เสมือนมีรังสีสังหารแผ่ออกมาจากตัวเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย ส่งผลให้อากาศรอบด้านเย็นตัวลงหลายองศา
“หวังเค่อ อย่าเสียมารยาท!” เฉินเทียนหยวนหน้าเปลี่ยนสี ตวาดออกมา
หวังเค่อพอเห็นท่านอาจารย์โมโหก็เป็อันเข้าใจ ตนคงจะไปจี้ใจดำเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเข้า เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยผู้นี้คงจะเคยได้รับการกระตุ้นมา ตนยังคงอย่าได้ไปกระตุ้นนางเลยจะดีกว่า
“เ้าตำหนักเนี่ย ที่ข้าจะบอกก็คือว่าเื่ของคนหนุ่มสาว ก็ให้คนหนุ่มสาวจัดการกันเองเถอะ!” หวังเค่อรีบร่วมมือกับอาจารย์เอ่ยปลอบเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยสูดลมหายใจลึก สะกดความรู้สึกระคายเคืองและความเ็าลงไป ก่อนจะมองดูหวังเค่ออีกครั้ง
“เ้ารู้จักองค์หญิงโยวเยว่มานานแค่ไหนกัน? เ้ารู้จักนางดีแล้วหรือ? เ้ารู้ฐานะของนางงั้นหรือ? เ้าคู่ควรกับนางงั้นหรือ? เ้าก็แค่มุ่งหวังแต่เรือนร่างของนางล่ะสิ?” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเอ่ยเสียงต่ำ
หวังเค่อผงะไป “ก็ใช่น่ะซี ไม่งั้นจะเรียกว่าชอบได้อย่างไร?”
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ย “…!”
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเกือบจะพูดออกมาว่า ‘ต่ำ’ แต่ไม่รู้ทำไม นางกลับถูกหวังเค่อทำเอาสะอึกไป เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเหลือบมองเฉินเทียนหยวนราวกับจะบอกว่าท่านรับศิษย์แบบไหนเข้ามากัน? ฟังคำข้าไม่เข้าใจเลยรึไง? แล้วจะให้ข้าพูดยังไงต่อไปได้อีก?
“ช่างเถอะ ข้าไม่พูดแล้ว ท่านประมุข ท่านพูดกับมันเองก็แล้วกัน ฮึ่ม!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยสะบัดแขนเสื้อจากไป
เฉินเทียนหยวนมองหวังเค่อด้วยแววตาพิกล
“ท่านอาจารย์ ศิษย์พูดอะไรผิดไปหรือ? เมื่อกี้เ้าตำหนักเนี่ยจะพูดอะไรกับข้าหรือ แถมยังทำดีต่อข้าอีกด้วย?” หวังเค่อถามอย่างสงสัย
เฉินเทียนหยวนเปิดปาก แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไร
“เ้าตำหนักเนี่ยนางเป็คนน่าสงสาร! ต่อไปอย่าได้นินทานางลับหลัง! เมื่อกี้นางหวังดีต่อเ้าจริงๆ!” เฉินเทียนหยวนสุดท้ายก็ถอนหายใจบาง
หวังเค่อ “…!”
องค์หญิงโยวเยว่ทางด้านข้างนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร
“ประเดี๋ยวอาจารย์จะต้องไปข้างนอกแล้ว! ระหว่างที่ข้าอยู่ข้างนอก เ้าต้องปกป้ององค์หญิงโยวเยว่ให้ดี!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงต่ำ
“ขอรับ ท่านอาจารย์!” หวังเค่อรับปากอย่างไม่ลังเล
“เดิมทีข้านึกว่าเ้าจะเลือก《เคล็ดเทพวายุ》เหมือนกับอาจารย์ อาจารย์จะได้ถ่ายทอดเคล็ดกระบี่ให้เ้าได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่เ้าเลือก 《เคล็ดเทพอัคคี》เคล็ดกระบี่ของข้าไม่รู้ว่าจะเหมาะกับเ้าหรือเปล่า! แต่ข้าก็จะถ่ายทอดให้เ้าอยู่ดี เคล็ดกระบี่ของข้าเรียกว่า ‘เคล็ดหมื่นกระบี่!’ เดี๋ยวอาจารย์จะส่งเจตกระบี่ให้เ้าสายหนึ่ง เ้าก็ลองดูว่าจะสามารถเริ่มฝึกได้เลยหรือไม่!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยอย่างเป็การเป็งาน
หวังเค่อค้อมรับ “รบกวนท่านอาจารย์แล้ว!”
เฉินเทียนหยวนขยับวาดนิ้ว ปลายนิ้วคล้ายปรากฏกระบี่สีเขียวขนาดเล็กออกมาเล่มหนึ่ง พริบตาที่แตะัักับหว่างคิ้วของหวังเค่อ เจตกระบี่นั้นก็หายเข้าไปทันที หวังเค่อปิดตารับรู้เงาแสงบางประการ ไม่นานก็ได้รับเคล็ดกระบี่มาชุดหนึ่ง
ชั่วพริบตานั้นหวังเค่อแน่นิ่งไม่ขยับตัว จมจ่อมอยู่ในภวังค์ไปโดยสิ้นเชิง
“นี่ก็คือการเข้าฌาน? ท่านประมุข เจตกระบี่นี้ร้ายกาจปานนี้เชียว? สามารถสอนกันแบบนี้ก็ได้ด้วย? งั้นก็ช่วยสอนข้าบ้างสิ! ข้าเองก็อยากฝึกเพลงกระบี่เหมือนกันนะ!” จางเจิ้งเต้าตาแดงด้วยความอิจฉา
เ้าหวังเค่อจะดวงดีเกินไปแล้ว กราบไหว้เฉินเทียนหยวนที่มีวิถีกระบี่แสนร้ายกาจเป็อาจารย์ แถมยังสามารถผนึกเจตกระบี่เพื่อสอนศิษย์ของมันได้อีกต่างหาก?
เฉินเทียนหยวนไม่สนใจจางเจิ้งเต้าแต่หันมามองลูกน้องของหวังเค่อแทน
“ยิ่งหวังเค่อเข้าฌานนานเท่าไหร่ ความรู้ความเข้าใจก็จะยิ่งลึกล้ำมากขึ้นเท่านั้น นี่อาจกินเวลาหลายวัน พวกเ้าจงปกป้องหวังเค่อกันให้ดี อย่าให้ใครมารบกวนมันได้!” เฉินเทียนหยวนสั่ง
“ทราบ!” เหล่าลูกน้องของหวังเค่อเปล่งเสียงตอบรับ
“องค์หญิงโยวเยว่ ่นี้คงต้องรบกวนให้ท่านพำนักอยู่บนยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ไปพลางๆ ก่อน คอยข้ากลับมา!” เฉินเทียนหยวนเปิดปากกล่าววาจา
‘การสารภาพรัก’ ต่อหน้าธารกำนัลของหวังเค่อ องค์หญิงโยวเยว่ยังใจเต้นไม่หาย ตอนนี้นางแค่อยากกลับห้องตัวเองให้ไว ไหนเลยจะฟังคำอื่นเข้าหู
เฉินเทียนหยวนหลังจากจัดแจงเื่ราวให้หวังเค่อแล้วก็เหยียบกระบี่บินพุ่งออกไปจากพรรคเทพหมาป่า์ในพริบตา ไม่ช้าก็หายไปจากกรอบสายตาของทุกคน
ปากทางเข้าออกตำหนักหมาป่าบูรพา เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมองส่งเฉินเทียนหยวน ดวงตาปรากฏแววสำนึกผิดวาบผ่าน
“ท่านประมุข นี่เป็ครั้งสุดท้ายแล้ว ขอข้าทำตามอำเภอใจเถอะ!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยยิ้มขื่น
นางหันไปทางยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ จับจ้องเคหาสน์ขององค์หญิงโยวเยว่ แววตาฉายประกายสังหาร
[1] หมายถึงแยกคู่รักออกจากกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้