บทที่ 142 เป็ความรู้สึกที่คุ้นเคย
หลายวันมานี้สวี่จือจือทั้งกลัวทั้งกังวล แถมยังเครียดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ
ตอนเจอลู่จิ่งซานในรถ ความสนใจทั้งหมดของเธออยู่ที่ขาของเขา พอถึงสถานีตำรวจ แล้วเล่าทุกอย่างจบ ความตึงเครียดก็คลายลง
คนเราพอผ่อนคลาย ก็สลบไปแบบนั้น
ลู่จิ่งซานไม่พูดอะไรสักคำ เขากอดภรรยาตัวน้อยด้วยสีหน้าเ็า แล้วบอกว่า “หัวหน้าหลิน ผมขอพาเธอไปโรงพยาบาลก่อน”
ส่วนสองคนนั้น เอ้อร์เหมาได้มอบให้ตำรวจสถานีแล้ว
“ได้” หลินิลุกขึ้น “รีบไปเถอะ ถ้ามีอะไรจำเป็ ฉันจะติดต่อนายทันที”
“จิ่งซาน วางใจเถอะ เื่นี้ฉันจะจัดการเอง” เขาบอก
“หัวหน้าหลิน” ลู่จิ่งซานเงียบไปครู่หนึ่ง “พูดตามตรง เธอเป็ภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาไม่นาน ไม่เคยทอดทิ้งผมเลย ครั้งนี้ผมมาหาหมอที่เมืองหลวง เดิมทีเธอจะตามมาด้วย”
“ถ้ารู้ว่าจะเกิดเื่แบบนี้” ลู่จิ่งซานเสียใจ “ตอนนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ต้องพาเธอมาด้วย”
“โทษพวกนายไม่ได้หรอก” หลินิบอก “ไม่มีใครป้องกันโจรได้ทุกวัน”
“ขอบคุณหัวหน้าหลิน” ลู่จิ่งซานบอก
เซียวหังอยู่ข้างหลัง เข็นลู่จิ่งซานออกจากสถานีตำรวจ เซียวหังก็ถาม “จะสำเร็จไหม? ต้องให้ฉันหาคนเพิ่ม…”
“ไม่ต้อง” ลู่จิ่งซานบอก “หลินิเป็คนเกลียดความชั่ว รักความยุติธรรม เื่นี้อยู่ในมือเขา ไม่มีปัญหาแน่”
สมัยทำงานด้วยกัน เขากับหลินิเคยถกเถียงกันจนคอเป็เอ็นบ่อยๆ
“ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็แบบนี้มาก่อน” พอลู่จิ่งซานไปแล้ว หลินิก็บอกลูกน้องคนสนิท “ลูกผู้ชายเหล็กกล้า ยังมีมุมอ่อนแอ”
ลู่จิ่งซานคือใคร?
สมัยอยู่ในหน่วย ใครพูดถึงแล้วไม่ชมกันบ้าง
แต่ตอนนี้ นั่งรถเข็นไม่ว่า ภรรยายังถูกจับไปแบบนั้น
ถ้าไม่โชคดี บางทีอาจถูกเปลี่ยนอวัยวะไปแล้ว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต
หลินินึกถึงตรงนี้ก็โมโห
“ฉันจะไปรายงานผู้กำกับการ” เขาพูดอย่างโกรธจัด
ฝั่งลู่จิ่งซานพาสวี่จือจือไปโรงพยาบาล บังเอิญว่าโรงพยาบาลทหารอยู่ใกล้สถานีตำรวจเขตตะวันตกที่สุด
พอใกล้ถึงโรงพยาบาล สวี่จือจือค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
“เมื่อกี้ฉันเป็อะไรไป?” เธอส่ายหัว “รู้สึกแย่มาก”
“เด็กดี” ลู่จิ่งซานบอก “คุณสลบไปเมื่อกี้ พวกเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันหน่อย”
“ไปโรงพยาบาลของคุณเหรอ?” สวี่จือจือถาม “ฉันไม่เป็ไรแล้ว รีบไปตรวจให้คุณก่อนเถอะ”
หัวใจลู่จิ่งซานเจ็บแปลบ เขากุมมือสวี่จือจือไว้แน่น “ผมรู้ แต่ผมไม่เป็ไร พวกเราไปตรวจให้คุณก่อน”
สวี่จือจือพยักหน้า ยังคงรู้สึกเวียนหัว เธอพิงไหล่เขา “ขอฉันงีบอีกหน่อย”
เสียงของเธอค่อยๆ เบาลง แล้วเหมือนหลับไปอีก
ลู่จิ่งซานใ
โชคดีที่รถถึงโรงพยาบาลแล้ว หลังจากตรวจเสร็จ “อาจเป็เพราะตึงเครียดเกินไป หรือเหนื่อยเกิน เลยเป็แบบนี้”
คุณหมอสั่งน้ำเกลือให้สวี่จือจือ กำชับลู่จิ่งซานแล้วจากไป
“ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็ไร” สวี่จือจือบอก “น้ำเกลือนี่ ฉันว่าไม่ต้องฉีดก็ได้”
ฉีดน้ำเกลือบ่อยๆ ไม่ดี
แต่สีหน้าของลู่จิ่งซานย่ำแย่เกินไป สวี่จือจือไม่กล้าพูดต่อ เธอเร่งเขา “คุณรีบไปให้คุณหมอตรวจเถอะ”
“เซียวหัง รบกวนคุณพาเขาไปหน่อย” สวี่จือจือบอก “ที่นี่โรงพยาบาล คนเยอะแยะ ฉันไม่เป็ไรแน่”
ลู่จิ่งซานไม่อยากไป แต่สวี่จือจือบังคับ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้
“มีอะไระโเรียกนะ” ลู่จิ่งซานยังไม่วางใจ “ผมจะบอกหมอและพยาบาลอีกที”
ยังไงก็ไม่หายกังวล
สวี่จือจือเคยคิด ที่นี่คือโรงพยาบาล แถมเป็โรงพยาบาลทหารของกองทัพ ใครจะกล้ามาก่อเื่?
แต่ปัญหาคือมีคนกล้า
่นี้สวี่จือจือพักผ่อนไม่ดีจริงๆ พอลู่จิ่งซานไป เธอฉีดน้ำเกลือคนเดียว รู้สึกเบื่อ ยุคนี้ไม่มีมือถือให้เล่น เธอเลยหลับตานอน
ไม่นาน เธอก็หลับไป และฝันร้าย
สวี่จือจือเหมือนถูกฝันผีอำ เธออยากดิ้นรน แต่เหมือนถูกสะกด หลุดพ้นไม่ได้
ตอนนั้นเอง เซียวจิ้งเหวินที่สลบเหมือนกัน ถูกตระกูลเซียวพามาที่โรงพยาบาลทหาร
ห้องพักของสวี่จือจือเป็ห้องพักผู้ป่วยสำหรับเ้าหน้าที่ ซึ่งเซียวหังใช้เส้นสายจัดการให้
บังเอิญว่าเซียวจิ้งเหวินก็ถูกจัดมาที่นี่เหมือนกัน
ซ่งจือเอินแม่แท้ๆ ของเซียวจิ้งเหวิน เข้าห้องมาเป็คนสุดท้าย
ข้างหน้าคนเยอะแยะ เธอสู้เบียดเข้าไปไม่ไหว แถมไม่อยากเบียด
สายตาของลูกสาวมองเธอเหมือนศัตรู ทำให้ซ่งจือเอินเ็ป แล้วเธอเห็นเด็กสาวบนเตียงข้างๆ
เด็กสาวดูผิดปกติ หน้าซีดเซียว เหงื่อเต็มหน้าผาก ดูทรมานมาก
หัวใจของซ่งจือเอินเหมือนถูกบีบรัด “แม่หนูคนนี้เป็อะไร?”
เธอเพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงของหวงเหม่ยอวี้ “ฉันว่านะซ่งจือเอิน เหวินเหวินของพวกเรายังสลบอยู่เลย เธอไม่ห่วงลูกตัวเอง กลับไปห่วงคนนอก”
“เธอเป็แม่ที่จิตใจอำมหิตขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
นายท่านเซียวเห็นด้วย แล้วมองซ่งจือเอิน “หมออยู่ไหน? ทำไมยังไม่มาอีก?”
“คุณปู่” ทันใดนั้น เซียวจิ้งเหวินก็ตื่น แล้วร้องห่มร้องไห้ “หนูจะตายหรือเปล่าคะ?”
“เด็กดี” นายท่านเซียวบอก “อย่าพูดจาเหลวไหล ปู่จะทำให้หลานหายแน่”
“แต่คุณพ่อไม่ยอม…”
“วางใจเถอะ” เซียวเจิ้นชวนบอก “ปู่จะทำให้เขายอม”
เซียวจิ้งเหวินยิ้มพอใจ
เทียบกับเด็กสาวที่นอนอย่างโดดเดี่ยวบนเตียงฝั่งตรงข้ามแล้ว อีกฝ่ายน่าสงสารเกินไปจริงๆ
ซ่งจือเอินเห็นน้ำเกลือใกล้หมด แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะตื่น เธอจึงใจดีไปเรียกหมอ
พอกลับมาก็ถูกหวงเหม่ยอวี้เยาะเย้ยอีก
ซ่งจือเอินไม่สนใจ พยาบาลยังไม่มา เธอคิดแล้วก็เดินไป
“แม่หนู ตื่นสิ” ซ่งจือเอินไม่สนหวงเหม่ยอวี้ เขย่าสวี่จือจือ “น้ำเกลือเธอใกล้หมดแล้ว”
สวี่จือจือลืมตา สบกับดวงตาผลซิ่งที่งดงาม
เธอกะพริบตาปริบๆ
ดวงตาคู่นั้นมองเธออย่างอ่อนโยน
เป็ความรู้สึกที่คุ้นเคยและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก!
.............................