“เ้าเป็อย่างไรบ้างซานจวิน เจ็บหนักมากหรือไม่”
เมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักเืออกเจ็ดทวารนอนพังพาบอยู่กับพื้น เหลียนวั่นซงก็รู้สึกโกรธจัดจนทะลุปรอท ดวงตาเผยไฟโทสะที่ไม่อาจสะกดกลั้น กล้ามเนื้อหางตากระตุกอย่างรุนแรง
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พวกท่านต้องล้างแค้นให้ข้านะ ต้องสับเ้าเดรัจฉานนั่นให้เป็หมื่นชิ้นเลย” เมื่อมีคนมาช่วยแล้ว เหลียนซานจวินที่าเ็หนักก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ดวงตาโกรธแค้นจ้องไปทางเยี่ยเฉินเฟิง เอ่ยคร่ำครวญเสียงดัง
“เยี่ยเฉินเฟิง ขยะเช่นเ้าช่างกล้าดีเสียจริง แม้แต่น้องชายของข้าเหลียนอวี้หลงเ้ายังกล้ารังแก ข้าว่าเ้าคงไปกินดีหมีหัวใจเสือมาสินะ”
ในฐานะที่เป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักฝึกยุทธ์ไป๋ตี้ เหลียนอวี้หลงจึงหยิ่งผยองเป็อย่างมาก เขาจะไม่ยอมให้ใครมารังแกหรือทำตัวอยู่เหนือกว่าตระกูลเหลียนของเขาโดยเด็ดขาด
“อะไรกัน เ้าอยากจะออกหน้าแทนน้องชายหรือ?” เยี่ยเฉินเฟิงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเ็า
แม้ว่าเหลียนอวี้หลงจะแข็งแกร่งมากแต่ตอนนี้มันต่างจากในอดีตที่ผ่านมา เหลียนอวี้หลงไม่อาจกดข่มเยี่ยเฉินเฟิงได้อีกต่อไป
“เ้าทุบตีน้องชายของข้า ข้าไม่มีสิทธิ์จะทวงความยุติธรรมคืนให้เขาหรืออย่างไร?” เหลียนอวี้หลงแค่นเสียงเ็า กลิ่นอายความแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา พลังกดดันพุ่งเป้าไปที่เยี่ยเฉินเฟิง
“ถ้าเช่นนั้นเ้าก็หมายความว่าข้าควรจะยื่นคอรอให้น้องชายเ้ามาตัดไปโดยไม่ตอบโต้อย่างนั้นหรือ?” เยี่ยเฉินเฟิงแค่นเสียงในลำคอ ตอกหน้าอีกฝ่ายกลับแบบไม่คิดจะรักษาน้ำใจ ร่างสูงโปร่งยืนหยัดอย่างผ่าเผยไม่หวั่นไหวต่อพลังกดดันของเหลียนอวี้หลง
“เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเยี่ยเฉินเฟิง เขาถูกผู้หญิงคนนี้ใส่ร้ายป้ายสีก่อนแล้วก็ถูกเหลียนซานจวินยั่วยุท้าท้ายซ้ำ ข้าคิดว่าทุกคนในที่นี้สามารถเป็พยานให้ได้”
แม้ตระกูลไป๋และตระกูลเหลียนจะมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ไป๋ซีหย่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมเกะกะระรานและมองไม่เห็นหัวใครของสองพี่น้อง จึงยืนหยัดออกมาเป็พยานให้กับเยี่ยเฉินเฟิง
“งั้นหรือ? ข้าอยากรู้นักว่าใครหน้าไหนจะกล้าออกมาเป็พยานให้”
เหลียนอวี้หลงกล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม สายตาล้ำลึกทอประกายดุร้ายที่ทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น กวาดมองผู้คนที่อยู่รอบๆ
เมื่อถูกสายตาของเหลียนอวี้หลงข่มขู่จึงไม่มีใครกล้าออกมาเป็พยานเลยแม้แต่คนเดียว หญิงสาวยั่วยวนคนนั้นถึงกับหน้าซีดเซียวไร้เืฝาด เพียงพริบตาเดียวบรรยากาศก็มาคุขึ้นอย่างฉับพลัน
“ข้าเป็พยานได้ น้องชายของเ้าหาเื่ใส่ตัวเอง”
ทุกตระกูลในเมืองไป๋ตี้ต่างกลัวถูกเหลียนอวี้หลงหมายหัวแต่จีชิงเสวี่ยไม่ใช่หนึ่งในนั้น นางปลดปล่อยพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหลียนอวี้หลงออกมา เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเยี่ยเฉินเฟิง แล้วกล่าวอย่างไม่ยี่หระ
“เ้าเป็ใคร?”
เหลียนวั่นซงและเหลียนอวี้หลงมาร่วมงานช้าจึงไม่รู้ว่าจีชิงเสวี่ยเป็ใคร ทว่าในยามที่เหลียนอวี้หลงมองสำรวจนางอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็พบว่าจีชิงเสวี่ยงดงามกว่าไป๋ซีหย่ามิใช่น้อย ดวงตาพลันทอประกายร้อนแรง ในใจเกิดความคิดมิดีมิร้าย
“เ้าไม่คู่ควรพอจะรู้หรอกว่าข้าเป็ใคร”
ไม่ว่าเหลียนอวี้หลงจะแข็งแกร่งแค่ไหน ศักยภาพไร้ขีดจำกัดเพียงใด จีชิงเสวี่ยก็ไม่คิดจะสนใจใยดีเขาเลยสักนิด นางกล่าวอย่างดูถูกดูแคลน
“อย่างนั้นหรือ? แต่วันนี้ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเ้าเป็ใคร”
กล่าวจบ พลังิญญาในห้วงสมองของเหลียนอวี้หลงก็แผ่ออกมา กลุ่มก้อนพลังิญญาเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปบนอากาศคล้ายควันไฟแจ้งเตือนภัย หลอมรวมกลายเป็จิตอสูรจระเข้ขนาดตัวสามเมตรปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำเงาทั่วทั้งตัว ขากรรไกรด้านหน้าแข็งแรงและทรงพลัง ฟันเหล็กแข็งแรงรูปกรวยเรียงซี่สวย ตัวจิตอสูรทอประกายแสงสีขาวแสบตา
“ผู้ใช้อสูริญญาระดับหก เหลียนอวี้หลงผู้นี้ทะลวงผ่านเขตแดนผู้ใช้อสูริญญาระดับหกแล้ว”
โดยทั่วไปเมื่อบรรลุเขตแดนผู้ใช้อสูริญญาระดับหกจิตอสูรจะเปล่งแสงสีขาวนวลอ่อน แต่จิตอสูรของเหลียนอวี้หลงกลับเปล่งแสงสว่างแสบตา เห็นได้ชัดเลยว่าพลังที่แท้จริงของเขาอยู่ขั้นสูงสุดของเขตแดนแล้ว อีกแค่นิดเดียวก็จะทะลวงผ่านสู่เขตแดนปรมาจารย์อสูรมายาระดับหนึ่ง
“เฮ้อ หนุ่มสาวสองคนนั้นช่างโชคร้ายเสียจริง”
“ใครใช้ให้พวกเขาตามืดบอดจนไปล่วงเกินตระกูลเหลียนกันล่ะ คิดว่าวันนี้ต่อให้มีชีวิตรอดไปได้แต่ก็คงต้องถูกถลกหนังออกมาอยู่ดี” ได้เห็นพลังของเหลียนอวี้หลง ผู้คนรอบข้างก็เริ่มซุบซิบนินทาอย่างออกรสและมีอีกหลายคนที่รู้สึกแย่แทนพวกเยี่ยเฉินเฟิง
ในตอนที่ทุกคนกำลังไว้อาลัยให้พวกเยี่ยเฉินเฟิงอยู่นั้น จีชิงเสวี่ยก็ปลดปล่อยพลังเรียกจิตอสูรวิหคน้ำแข็งของตัวเองออกมา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น อุณหภูมิรอบข้างก็ลดฮวบ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหนาวะเื
“เ้าเป็ใครกันแน่?”
เหลียนอวี้หลงไม่คิดว่าจีชิงเสวี่ยจะอยู่ในระดับเดียวกับตน อีกทั้งจิตอสูรยังสูงส่งกว่าจระเข้ฟันเหล็กของเขาอยู่หลายขั้น รอยยิ้มหยิ่งผยองบนใบหน้าของเขาถึงกับแข็งค้าง
“ข้าก็บอกแล้วไงว่าเ้าไม่คู่ควรจะรู้หรอกว่าข้าเป็ใคร?” จีชิงเสวี่ยคลี่ยิ้มเ็า พูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
เยี่ยเฉินเฟิงเห็นจีชิงเสวี่ยยืนหยัดออกหน้าช่วยตนเอง ในใจจึงรู้สึกซาบซึ้งอยู่เล็กน้อย มุมมองที่มีต่อนางแปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“ข้าไม่สนใจหรอกว่าเ้าจะเป็ใคร แต่ที่นี่คือเมืองไป๋ตี้ ถ้าหากวันนี้เ้าไม่มีคำอธิบายให้ตระกูลเหลียนของข้า ตระกูลเหลียนของข้าก็จะไม่ยอมปล่อยพวกเ้าไปง่ายๆ” เหลียนวั่นซงมองจีชิงเสวี่ยและเยี่ยเฉินเฟิงอย่างโกรธแค้น พูดขึ้นด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ฮึ วาจาโอหังใช้ได้นี่ หากตระกูลเหลียนของพวกเ้าอยากจะเป็ศัตรูกับตระกูลจีของข้านัก ข้าก็พร้อมจะสนองให้ทุกเมื่อ แต่เกรงว่าพวกเ้าคงไม่มีปัญญาแบกรับผลที่จะตามมาหรอก” จีชิงเสวี่ยแค่นเสียงเย็น ประกาศฐานะและขุมอำนาจเื้ัของตนเองออกมา
“ตระกูลจี เ้าเป็คนของตระกูลจีจากนครหลวง”
หลังจากทราบฐานะของจีชิงเสวี่ย ใบหน้าของเหลียนวั่นซงก็เปลี่ยนสีทันทีเขาไม่คิดเลยว่าเื้ัของนางจะล้ำลึกถึงเพียงนี้ ดวงตาเผยแววหวาดหวั่นอย่างมาก
“ท่านอาเหลียน ชิงเสวี่ย วันนี้เป็วันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของท่านปู่ข้า พวกท่านได้โปรดเห็นแก่หน้าตระกูลไป๋ของพวกเราแล้วปล่อยผ่านเื่ในวันนี้ไปเถอะ อย่าก่อเื่อะไรกันอีกเลย”
ในตอนที่เหลียนวั่นซงเริ่มจะรักษาสีหน้าไม่ไหว ในหัวที่กำลังคิดหาวิธีรับมือสถานการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น ไป๋ซีหย่าก็พูดไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายอย่างเป็กลาง
“ได้ วันนี้ข้าจะเห็นแก่หน้าของตระกูลไป๋จบเื่ราวทุกอย่างไว้แค่ตรงนี้ หลงอวี้ไปประคองซานจวินมา พวกเรากลับ”
แม้ตระกูลเหลียนจะเป็ตระกูลยิ่งใหญ่ในเมืองไป๋ตี้ แต่หากเทียบกับตระกูลจีแล้วพลังอำนาจของทางฝั่งนั้นเหนือชั้นกว่าจนเทียบไม่ติด เหลียนวั่นซงจึงต้องยอมอ่อนข้อให้อย่างไร้ทางเลือก
ในขณะที่เหลียนอวี้หลงหมุนตัวเดินจากไปพร้อมใบหน้าถมึงทึง เยี่ยเฉินเฟิงก็ตรวจจับจิตสังหารอันน่ากลัวในแววตาของอีกฝ่ายได้
ชัดเจนว่าเหลียนอวี้หลงหวาดกลัวฐานะของจีชิงเสวี่ยแต่ไม่เกรงกลัวตัวตนของเยี่ยเฉินเฟิง จึงได้เกิดความคิดจะปลิดชีพเขาทิ้ง
ทว่าเยี่ยเฉินเฟิงไม่ได้เก็บเื่นี้มาใส่ใจ ถ้าหากเหลียนอวี้หลงกล้าลงมือฆ่าเขาลับหลังจริงๆ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะกลืนกินจิตอสูรของอีกฝ่ายและสวดส่งเขาสู่ขุมนรก
“ขอโทษด้วยนะเฉินเฟิง ชิงเสวี่ย ข้าไม่คิดเลยว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้นได้”
หลังจากกลุ่มของเหลียนอวี้หลงจากไปแล้ว ไป๋ซีหย่าก็เดินเข้ามากล่าวขอโทษขอโพย ดวงตากลมสวยมองสำรวจเยี่ยเฉินเฟิงอย่างต่อเนื่องเพื่อเสาะหาร่องรอยพิรุธ
“ไม่ใช่ความผิดของเ้าหรอก ต้องโทษที่พวกเขาหยิ่งผยองมากเกินไป” เยี่ยเฉินเฟิงกล่าวเสียงนุ่มนวลและยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย เื่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อจิตใจของเขา
“เฉินเฟิง ไม่คิดว่าเ้าก็ร้ายกาจเหมือนกันนะเนี่ย” จีชิงเสวี่ยพูดกับเขาอย่างยิ้มๆ สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นเมื่อครู่นี้สะกิดความสงสัยในใจของนางอย่างรุนแรง
สงสัยว่าเขาไม่มีจิตอสูรแท้ๆ ทำไมเยี่ยเฉินเฟิงถึงมีพลังกายอันร้ายกาจขนาดนั้นได้ มันออกจะผิดแผกไปจากกฎเกณฑ์ทั่วไป
เพราะอารมณ์สุนทรีถูกทำลายโดยคนตระกูลเหลียน เยี่ยเฉินเฟิงและจีชิงเสวี่ยจึงอยู่ร่วมงานต่ออีกเพียงไม่นานก็ขอตัวกลับออกมา
หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดของไป๋ซีซานผ่านไปเพียงสามวัน ข้อมูลเื่จีชิงเสวี่ยและเยี่ยเฉินเฟิงตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันก็แพร่กระจายไปทั่วแคว้นจื่อจิน
หลังจากทราบเื่ ตระกูลเจียงซึ่งเป็ตระกูลอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อจินก็โมโหโกรธาเป็อย่างมาก ตระกูลเจียงและตระกูลจีเริ่มจะแตกหักกัน นอกจากนี้ตระกูลจียังแอบส่งนักฆ่าไปลอบสังหารเยี่ยเฉินเฟิงถึงที่เมืองไป๋ตี้อีกด้วย
ทว่าเยี่ยเฉินเฟิงกลับไม่ได้รับรู้เื่ราวเหล่านี้เลยสักนิด เพราะในยามนี้ตัวเขาได้กลับไปที่ส่วนลึกของเทือกเขาไป๋อวิ๋นอีกครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมหลอมกายเข้ากับเม็ดยาเพลิงผลาญ ให้สามารถฝึกฝนจนทะลวงผ่านเคล็ดวิชาเทพดาราหกชีพจรขั้นที่สองได้
