นางอึ้งไปชั่วขณะจนลืมตอบโต้
การกระทําของเสิ่นม่านเมื่อครู่ราวกับเป็ความสามารถของเ้าของร่างเดิม นางสามารถผลักนางโจวออกไปได้ในฝ่ามือเดียว
“โจวชุ่ยหลาน นั่นลูกชายข้า! ลองกล้าแตะต้องเขาอีกครั้งสิ?!”
รูปร่างของเสิ่นม่านแม้จะอวบไปสักนิด การออกแรงแค่นี้ก็ไม่ได้นับว่ามีพลังอะไร แต่กลับสามารถผลักนางโจวที่ร่างใหญ่ล้มลงกับพื้นจนก้นจ้ำเบ้าได้ นางโจวนั่งอึ้งอยู่นานก็ยังลุกขึ้นไม่ได้
เสิ่นม่านปกป้องเด็กน้อยไว้ด้านหลัง แม้จะเพิ่งยอมรับว่ามีลูกชายคนนี้ แต่ว่า… มโนธรรมของนางนั้นมีติดตัวมาั้แ่เกิด!
นางโจวถูกผลักอย่างแรง จนต้องใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะได้สติ จากนั้นจึงเชิดหน้าขึ้นถลึงตามองอีกฝ่าย “นังเสิ่นม่านตัวดี ไม่คืนเงินแล้วยังกล้าลงไม้ลงมืออีก เห็นทีการสั่งสอนครั้งที่แล้วยังไม่พอสินะ? วันนี้มารดาจะตีเ้าให้ตายคามือ!”
นางโจวลุกขึ้นจากพื้นพลางม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อจะกระชากผมของเสิ่นม่าน
เสิ่นม่านไม่ได้โง่จนปล่อยให้คนอื่นมาทุบตีอย่างไร้เหตุผล นางหลบไปด้านข้าง พอเห็นช่องว่างก็ยกเท้าขึ้นถีบข้อพับเข่าของนางโจวทันที
อีกฝ่ายไม่ทันระวังจึงล้มลงในท่าคุกเข่าคำนับ หน้าผากจรดพื้น ศีรษะจมลงไปในแอ่งน้ำโคลนพอดี พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ใบหน้าก็ดำเปรอะเปื้อนราวกับอาบังอินเดีย
เมื่อเห็นว่านางโจวกำลังดิ้นรนจะลุกขึ้นมาจัดการตน เสิ่นม่านก็ถอยไปด้านข้าง วินาทีนั้นนางเจอท่อนฟืนที่วางอยู่ข้างเตียง จึงคว้าท่อนฟืนมาฟาดลงบนตัวนางโจวโดยไม่ต้องคิด
จังหวะที่อีกฝ่ายล้ม ยิ่งต้องซ้ำ! ห้ามเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบเด็ดขาด
ไม้ที่ฟาดรัวลงไป ราวกับฝนดาวตกกระหน่ำลงบนร่างและศีรษะของนางโจวอย่างไม่มีท่าทีจะหยุด จนนางร้องโอดโอย “นังบ้า! วันนี้แกป่วย… โอ๊ย! เลิกตีได้แล้ว!”
เสิ่นม่านไม่ฟังและฟาดลงไปเต็มแรงอีกหลายที ตีจนอีกฝ่ายไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน จึงได้หยุดมือ “ข้าขอเตือนเ้า หากครั้งหน้ายังกล้ามาข่มเหงรังแกพวกข้าสองแม่ลูกอีก ข้าจะตีเ้าให้ิญญาออกจากร่าง! วันนี้เป็เพียงการตักเตือน รีบไสหัวไปเสีย!”
นางหายใจหอบ แต่ละครั้งที่ฟาดลงไป ช่างใช้พลังมหาศาลเหลือเกิน
นางโจวลุกขึ้นจากพื้นด้วยสภาพน่าสมเพช บนร่างไม่รู้ว่าเปรอะเปื้อนสิ่งปฏิกูลหรือดินโคลนกันแน่ สายตาที่มองอีกฝ่ายจึงมีความหวาดกลัวปนอยู่
สตรีผู้นี้ ไม่เจอเพียงไม่กี่วัน เหตุใดจู่ๆ ถึงวิวาทเก่งเช่นนี้!?
แม้ในใจจะตื่นตระหนก แต่ปากของนางโจวยังคงไม่ยอมแพ้ “นังบ้า เ้าคอยดูเถิด! เื่วันนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”
ยังกล้าด่าต่ออีกหรือ
เสิ่นม่านหยิบท่อนฟืนขึ้นมาหมายจะไล่ตีอีกครั้ง ทว่าอีกฝ่ายกลับวิ่งหนีหางจุกตูดราวกับกระต่าย ไม่ทันจะหนีพ้นก็โดนประตูที่ถูกปลวกแทะจนเหลือเพียงครึ่งเดียวทำให้สะดุด แต่นางไม่มีเวลามาสนใจฝุ่นที่เปื้อนตามตัว นางโจวรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีทันที
“เก่งจริงอย่าหนีสิ ถ้ายังกล้ากลับมาอีก ข้าจะส่งเ้าไปนอกโลกเสีย” เสิ่นม่านเท้าสะเอวตวาด
หลังจากปัดฝุ่นในมือ นางถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเหนื่อยจนทนไม่ไหว พอก้มศีรษะก็เห็นเด็กน้อยที่ถูกตีเมื่อครู่กำลังจ้องมองตนอย่างหวาดกลัว
เอิ่ม… เมื่อมองดูบุตรชายที่น่าสงสารคนนี้ เสิ่นม่านก็ยังคงทำตัวไม่ค่อยถูก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลังจากนี้ยังต้องพึ่งพาอาศัยและใช้ชีวิตกับเขา นางจึงทำได้เพียงยอมรับ
นางย่อตัวลงตรงหน้าเขา จากนั้นช่วยเช็ดเืกำเดาบนหน้าเขาอย่างอ่อนโยน แล้วเผยรอยยิ้มที่คิดว่าเมตตาที่สุด “ต้าเป่า ไม่ต้องกลัวนะ คนชั่วไปแล้ว”
เด็กน้อยยืนห่างไปราวครึ่งเมตรจากจุดที่นางอยู่ เขากะพริบตาปริบๆ ใบหน้าตื่นใ “ท่านแม่ ท่านแม่ของข้าเสียสติไปแล้ว”
เสิ่นม่าน “…”
การขัดขืนครั้งเดียว กลายเป็เสียสติในสายตาเด็กไปแล้ว?
เสิ่นม่านกำลังคิดว่าจะสื่อสารกับเด็กน้อยวัยสี่ขวบอย่างไร ระบบก็ส่งเสียงเตือนอย่างร้อนรน “พลังงานน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ระบบจะถูกปิดในครึ่งชั่วโมง โปรดชาร์จพลังงานโดยเร็วที่สุด”
เสิ่นม่าน “?”
ให้ตายสิ เมื่อคืนลืมชาร์จไว้หรือนี่ จะอนาถไปถึงไหน?
เสิ่นม่านใจแตกสลาย นางควานหาทั่วห้องเพื่อหาของที่ใช้ชาร์จพลังงานได้ แต่ในห้องที่ไม่มีแม้กระทั่งของกิน แล้วจะมีแหล่งพลังงานได้อย่างไร?!
ทว่าในยุคศตวรรษที่ยี่สิบสองของแบบนั้นสามารถหาได้ทั่วไป แค่ออกไปเดินเล่น สแกนหน้าก็ชาร์จพลังได้เต็ม แต่ในยุคที่เต็มไปด้วยาและอาวุธ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีไวฟาย แล้วจะไปหาที่ชาร์จจากที่ไหน
เสิ่นม่านเริ่มหงุดหงิด
เดิมทีคิดว่ามีระบบอยู่ นางก็คงเหมือนกับที่เคยอ่านในนิยาย ที่สามารถสร้างตัวในสถานที่ทุรกันดารแบบนี้พร้อมกับเลี้ยงลูกสักคนได้ จากนั้นก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีสีสัน
ปรากฏว่า… มารดามันเถอะ! ทำไมเมื่อคืนถึงลืมชาร์จแบตได้นะ!
กลับไปก็ไม่ได้ หรือว่าต่อไปนางต้องใช้ชีวิตกับลูกอย่างเคว้งคว้างในโลกที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้?
ไม่…
เสิ่นม่านก้มหน้าร้องไห้โอดครวญจนเกือบจะเอาศีรษะโขกพื้น เมื่อนางเงยหน้าอีกครั้งก็พบว่าเด็กน้อยที่ถูกตีจนเืกำเดาไหลเมื่อครู่นี้ได้เดินออกไปและกลับเข้ามาใหม่
ใบหน้ามอมแมมของต้าเป่าเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘หวาดกลัว’
ทั้งที่ใบหน้าตนเองยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งดี แต่เด็กน้อยกลับสะกดความกลัวและเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง พลางปลอบโยนเสียงเบา
“ท่าน… ท่านแม่ ไม่เป็ไรนะ ต้าเป่าจะออกไปหาเงินมารักษาท่านเอง ท่านอย่าร้องไห้เลยนะ...”
เสิ่นม่านตกตะลึง ขณะนี้ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง ทั้งยังบ้าคลั่งเสียสติ เดาว่าคงทำให้เด็กกลัว
เด็กน้อยที่น่าสงสาร สมัยก่อนแม่แท้ๆ ของเขาทำกับเขาอย่างกับสัตว์ร้ายป่าเถื่อน เขาไม่เพียงไม่หนี แต่ยังบอกให้แม่อย่าถอดใจในการรักษา ช่างเป็เด็กกตัญญูอะไรเช่นนี้!
เสิ่นม่านกวักมือเรียกเขา จากนั้นเค้นรอยยิ้มเปี่ยมรักออกมา “ต้าเป่า มานี่”
ต้าเป่าตกตะลึง ปฏิกิริยาแรกของเขาคือกลัวถูกทุบตี เขาลังเลชั่วขณะก่อนจะเดินเข้าไปหา
เสิ่นม่านััแผลที่หางตาของเขา “เจ็บหรือไม่?”
“ไม่เจ็บขอรับ” ต้าเป่าตอบ จากนั้นค่อยๆ เปิดเสื้อออกเผยให้เห็นหน้าท้องที่สกปรกมอมแมม เขาหยิบมันเผาไหม้เกรียมออกจากอ้อมอก จากนั้นยื่นให้นางราวกับมันคือของล้ำค่า
“ท่านแม่ ท่านกินสิ”
เสิ่นม่านมองดูมันเผาก้อนสีดำและเอ่ยถาม “เอามาจากไหน?”
ต้าเป่าตอบเสียงเบา “พี่ตงข้างบ้านแอบยัดให้ข้าเมื่อวาน”
พูดถึงครอบครัวของนางโจว นอกจากนางโจวแล้ว เด็กฝาแฝดชายหญิงคู่นั้นเหมือนจะสนิทสนมกับต้าเป่า แม้ตนเองจะอดอยากและหนาวเหน็บ แต่ก็ยังมิวายแอบเอาของกินให้ต้าเป่าลับหลังนางโจวอยู่บ่อยครั้ง
“ท่านแม่ รีบกินเร็ว อีกเดี๋ยวมันจะเย็นแล้ว” ต้าเป่าถือมันเผาในมือราวกับของล้ำค่า กลัวว่ามันจะหล่น
เสิ่นม่านมิอาจทำใจได้จึงบอกให้เขากินเอง
ทว่าต้าเป่ากลับส่ายหน้า ดวงตาจับจ้องที่มันเผาลูกนั้นไม่ไปไหน “ข้าไม่หิว ท่านแม่ไม่สบายต้องกินอาหาร กินแล้วจะได้หายเร็วๆ” พูดจบ เขาก็เลียริมฝีปาก
ฮือๆ ช่างเป็ลูกกตัญญูยิ่งนัก!
ทันใดนั้น เสิ่นม่านก็มีความคิดในใจ ในเมื่อมีระบบข้ามมิติมาด้วย เช่นนั้นของที่นางเคยเก็บในระบบก็ต้องยังอยู่สินะ?
เสิ่นม่านกระแอมก่อนจะส่งเสียง “พลังงานปาลาลา”
“ฉันอยู่นี่” เสียงในหัวของนางดังขึ้นอีกครั้ง
เสิ่นม่านเหลือบมองต้าเป่า เด็กน้อยขี้มูกโป่งกำลังอ้าปากค้างมองนาง
ดีที่เขาไม่ได้ยินเสียงของระบบ เสิ่นม่านหลับตาลงและให้ระบบช่วยตรวจสอบว่า อาหารที่นางเก็บไว้ในคลังสามารถเอามาใช้ในโลกนี้ได้หรือไม่
-----