บนท้องฟ้า ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงแสดงพลังหมัดโจมตีออกไป ทำให้กระบี่ที่จี๋เล่อน้อยและซูเหยียนประสานร่างสร้างขึ้นมาแตกหัก กลายเป็เศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงไปที่พื้น
แต่ส่วนที่ถูกทำลายไปมากที่สุดคือส่วนปลายกระบี่ แม้ตรงส่วนโคนของกระบี่จะมีรอยแตกร้าว แต่โชคดีที่ยังเป็กระบี่อยู่
ใน่สุดท้าย จี๋เล่อน้อยพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องซูเหยียน แม้ต้องแลกด้วยการที่ร่างตนเองต้องแหลกละเอียดก็ตาม
“หม่าเมี่ยน ออกมา!”
เสิ่นเสวียนะโออกไปแล้ว ทันใดนั้นมิติแห่งนี้ก็ถูกพลังแข็งแกร่งปกคลุมไว้ทั้งหมด
ทุกคนรู้สึกเหมือนได้ลงไปยังแดนนรก รวมไปถึงผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงด้วย ความรู้สึกเย็นะเืนั้นทำให้เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
โดยเฉพาะผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงที่ยืนอยู่กลางอากาศ เขารับรู้ได้ล้ำลึกยิ่งกว่าใคร
ยิ่งพลังแข็งแกร่งมากเท่าไร ยิ่งเข้าใจได้ว่าไอพลังนี้หมายถึงอะไร! ทำให้เขาลืมที่จะโจมตีกระบี่ต่อ
กระบี่ที่ถูกทำลายนั้นร่วงหล่นลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง และยังมีเศษชิ้นส่วนอีกนับไม่ถ้วนกระจายออกไป
าามารทิศเหนือมองเศษกระบี่ที่ร่วงหล่นพร้อมน้ำตาไหลเป็สาย แต่เขาไม่ได้ลงไปด้านล่าง ยังพยายามต้านทานลำแสงนั้นด้วยพลังทั้งหมด แม้จะมีไข่มุกแสงต้านทานอยู่ด้วย แต่พวกเขายังทำได้เพียงต่อสู้อย่างสูสีเท่านั้น หากเขาออกไปจากตรงนี้ เริ่นเสี้ยวเทียนและาามารตะวันตกต้องได้รับาเ็แน่นอน
“ใครกัน”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยแววตาระแวดระวังและสงสัย
ส่วนอำนาจอื่นๆ เบื้องล่าง ตะลึงงันไปนานแล้ว
พวกเขากำลังครุ่นคิดว่าสิ่งใดทำให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์แสดงสีหน้าอารมณ์แบบนั้นออกมา
อานุภาพของลำแสงลดลงและค่อยๆ สลายหายไป เมื่อลำแสงจางหายไปแล้ว พวกเริ่นเสี้ยวเทียนจึงรู้สึกกดดันน้อยลงกว่าเดิมมาก
จากนั้นาามารทิศเหนือจึงกระโจนลงไปด้านล่าง ตรงเข้าหาเศษกระบี่ทันที
เศษกระบี่นี้ยังคงมีขนาดใหญ่มาก ตัวกระบี่ยาวมากกว่าเก้าฉื่อ าามารทิศเหนือใช้มือหยิบเศษกระบี่บางส่วนขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้า
“เหยียนเอ๋อร์ พ่อขอโทษ”
าามารทิศเหนือกล่าวพึมพำ โทษว่าเป็ความผิดของตนเองที่ซูเหยียนต้องตาย เพราะเขาดูแลซูเหยียนไม่ดีเอง ทำให้ซูเหยียนต้องเป็แบบนี้
“ใครกัน ตกลงว่าใคร เลิกซ่อนตัวได้แล้ว ออกมา”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงกลับไปนั่งบนบัลลังก์แล้ว แต่ไอพลังเย็นะเืโดยรอบกลับทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“เ้าไม่ได้ชื่นชอบการทะเลาะวิวาทหรอกหรือ”
เสิ่นเสวียนประคองร่างที่าเ็ให้เหาะอยู่กลางอากาศ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น
ตอนนี้ในด้านของพลัง ในที่สุดเขาก็มั่นใจว่าจะสู้กับอีกฝ่ายได้แล้ว
ในฐานะของคนที่เคยผ่านอดีตมาแล้ว เขารู้ดีถึงพลังที่แตกต่างกันในแต่ละระดับขั้น ยากที่จะใช้พร์เติมเต็มเข้าไปได้
ตอนนี้ไอพลังของหม่าเมี่ยนทำให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงรู้สึกหวาดกลัว
หม่าเมี่ยนนั้นมิใช่ว่าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะเทียบเคียงได้ พลังยุทธ์ของเขาถึงขั้นเซียนิญญาแล้ว แม้จะไม่ได้สูงเท่าหนิวโถว แต่ก็ยังเป็หนึ่งในผู้กุมอำนาจในยมโลก
ด้วยพลังเช่นนี้ ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงจะเทียบเคียงได้เลย
และกระบี่ที่จี๋เล่อน้อยกับซูเหยียนประสานร่างสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ เคยบีบให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์แสดงพลังสูงสุดออกมาแล้ว ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายยังไม่ใช่ผู้ศักดิ์สิทธิ์
พลังยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์เทียบได้กับยอดฝีมือขั้นมหายานในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ยอดฝีมือระดับนี้สามารถมองเห็นวิถี์ได้เหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไป ขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน ขั้นพลังไม่ต่างกัน พลังก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร
ผู้เฒ่าจี๋เล่อคือขั้นศักดิ์สิทธิ์ เื่นี้เสิ่นเสวียนดูออก แต่ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงอะไรนี่ยังไม่ถึงขั้นนั้น
แม้จะไม่ใช่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไร
ตามการคิดคำนวณพลัง พลังที่แท้จริงของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงน่าจะอยู่ในขั้นเกียรติยศระดับสูงสุด เทียบได้กับยอดฝีมือขั้นแยกเทวะระดับปลายในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร
ขั้นแยกเทวะระดับปลายนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเทียบกับขั้นเซียนิญญาแล้ว กลับด้อยกว่ากันมากกว่าหนึ่งขั้น มิอาจเทียบเคียงได้เลย
“เ้ากำลังใช้กลอุบายอะไร”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงโดนไอิญญาที่เย็นะเืปกคลุมจนรู้สึกอึดอัด จึงหันไปถามเสิ่นเสวียนโดยตรง
“กลัวแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนเหาะไปด้านหน้า
“ระวัง!”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่หมดพลังไปมากะโออกไป ไม่อยากให้เสิ่นเสวียนเข้าใกล้อีกฝ่ายมากเกินไป ตอนนี้เขาไม่มีไม้ตายอื่นแล้วจริงๆ
“ไม่เป็ไร เ้าลงไปพักก่อนเถอะ”
เสิ่นเสวียนมาอยู่ข้างๆ เริ่นเสี้ยวเทียน แล้วตบบ่าบอกให้เขาลงไปด้านล่าง
คำของเสิ่นเสวียนทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนรู้สึกถึงความปลอดภัย จึงหันไปสบตากับาามารตะวันตกพลางพยักหน้า
“เ้าระวังตัวด้วย”
จากนั้นทั้งสองก็ประคองกันลงไปที่พื้นด้านล่าง
พวกเขาไม่รู้ว่าเสิ่นเสวียนเอาอะไรมาสู้กับอีกฝ่าย แต่เขารู้สึกได้ว่าเสิ่นเสวียนมั่นใจมากว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ ซึ่งดูจากไอพลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งบริเวณนี้ได้เลย
“เ้าไม่กลัวข้าสังหารเ้าหรอกหรือ”
เห็นเสิ่นเสวียนเข้ามาใกล้ตนเองมากขนาดนี้ ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงรู้สึกขลาดเขลาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าเสิ่นเสวียนสร้างภัยคุกคามให้เขาได้จริงๆ
“เ้าไม่กล้าหรอก”
เสิ่นเสวียนกล่าวเบาๆ เขายืนอยู่กลางอากาศคล้ายมีพลังที่มองไม่เห็นปกคลุมร่างของเขาไว้ ไม่เกรงกลัวพลังโจมตีใดๆ เลย
“ข้าไม่กล้าหรือ”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงได้ยินคำของเสิ่นเสวียนจึงหัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที ใครให้ความกล้ากับเสิ่นเสวียนเช่นนี้ ถึงได้กล่าวอะไรแบบนี้ออกมา
ทว่าหลังจากเขาหัวเราะเสียงเย็นออกไป แม้สีหน้าจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ภายในใจกลับสับสนขึ้นมา
เขาไม่กล้า ไม่กล้าจริงๆ!
ขณะที่เขายังไม่ล่วงรู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่กล้าเลย
แต่ไม่ว่าเขาครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลย เสิ่นเสวียนยังมีไม้ตายอะไรอยู่อีก
ผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ
ผู้ศักดิ์สิทธิ์ในใต้หล้าเขาเคยรู้จักมาหมดแล้ว ไม่มีทางที่ผู้ศักดิ์สิทธิ์จะมาที่นี่ได้
แต่หากว่าไม่ใช่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะแสดงพลังเช่นนี้ออกมาได้ จนถึงขั้นทำให้เขากระวนกระวายใจ
ส่วนขั้นเกียรติยศ เขาไม่เคยกลัว และยังไม่มีทางที่ขั้นเกียรติยศจะมาถึงที่นี่ได้อีกด้วย พลังของเขาไม่ต้องกลัวขั้นเกียรติยศเลย ส่วนไอพลังที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความหวาดกลัว
เป็ความหวาดกลัวอย่างเดียวกับที่พวกเสิ่นเสวียนหวาดกลัวเขา
“เ้าลองดูไหมล่ะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวพลางยิ้ม
“ลองดูก็ลองดูสิ”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงไม่เชื่อ จึงตัดสินใจที่จะลอง
เจตจำนงสังหารวาวโรจน์ขึ้นในดวงตา พร้อมกับลำแสงสองสายพุ่งตรงเข้าใส่เสิ่นเสวียน
ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ฉื่อ ด้วยความเร็วขนาดนี้เสิ่นเสวียนไม่มีทางหลบหลีกได้เลย
ชี่! ชี่!
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ลำแสงสองสายที่พุ่งตรงไปห่างจากเสิ่นเสวียนราวหนึ่งฉื่อครึ่งพลันเลือนหายไปอย่างน่าประหลาด
“เป็ไปไม่ได้!”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หลังจากได้ลองดูแล้วเขาถึงได้รู้ว่าอะไรคือความสิ้นหวัง
“ท่านเซียน ให้ท่านรอนานเลย”
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างเสิ่นเสวียนและผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง
จากนั้นไอพลังเย็นะเืที่อยู่รอบๆ ก็พุ่งเข้ามารวมตัวกันตรงกลาง และมีหมอกสีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ ต่อจากนั้นร่างเงาใหญ่โตร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากหมอกสีดำอย่างเชื่องช้า
ทันทีที่ร่างเงานี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบกริบ แม้แต่เสียงหัวใจเต้นยังได้ยินอย่างชัดเจน
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
นี่คือความน่ากลัวของเซียนิญญาแต่กำเนิด มีเพียงหม่าเมี่ยนเท่านั้นที่จะได้ยิน เขาสามารถวิเคราะห์ถึงอายุขัยได้จากเสียงหัวใจเต้น
เมื่อหมอกสีดำจางหายไป ร่างเงาคนในนั้นก็ชัดเจนขึ้น
เขามีร่างสูงเก้าฉื่อ มีหัวเป็ม้าตัวเป็มนุษย์ มือถือสามง่าม ไอพลังสีดำแผ่ซ่านออกมาจากร่าง พลังน่ากลัวเสียดแทงเข้าสู่จิตสำนึกของผู้คนโดยรอบไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดเขาก็เคลื่อนย้ายร่างออกมาจากยมโลกได้แล้ว ถูกเสิ่นเสวียนเรียกตัวมาได้สำเร็จ