บทที่ 156 อาสะใภ้สามคิดสั้นะโน้ำ
คืนนั้นนอนหลับฝันดี เช้าวันรุ่งขึ้นสวี่จือจือตื่นขึ้นมา ลู่จิ่งซานยังคงอยู่ข้างๆ จนเธออดถามไม่ได้ “เป็อะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
คนที่ออกกำลังกายทุกเช้าไม่เคยขาด วันนี้กลับไม่ออกไปข้างนอก?
ไม่ปกติเลย!
“อยากนอนต่อสักพักน่ะ” ลู่จิ่งซานพูด “ขาดีขึ้นมากแล้ว เมื่อคืนคุณนวดให้แล้วรู้สึกสบายขึ้นเยอะ”
ไม่รอให้สวี่จือจือถาม เขาก็พูดต่อ “ไม่อยากออกไป ข้างนอกอาสามกับอาสะใภ้สามกำลังทะเลาะกัน คุณก็อย่าออกไปเลย นอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
สวี่จือจือได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไร ล้มตัวลงนอนต่อทันที
“สองคนนั้นทะเลาะกันทำไมเหรอ?” สวี่จือจือพลิกตัวหันมองลู่จิ่งซานแล้วถาม “เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
ลู่จิ่งซานไม่ได้ฟังว่าทะเลาะกันเื่อะไร
“คุณว่า” สวี่จือจือลุกขึ้นนั่งด้วยความตื่นเต้น “อาสามอาจจะเดาเื่นี้ออกแล้วหรือเปล่า?”
ยังไงก็คนใกล้ตัว แม้เริ่นอิ๋งอิ๋งจะทำทุกอย่างรัดกุม ลู่หวยเฟิงจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดได้ยังไง?
“คงอย่างนั้นมั้ง” ลู่จิ่งซานพูด แล้วถามเธอ “เื่นี้คุณคิดจะทำยังไง?”
เขาเองก็ไม่คิดว่าคนที่หลอกให้สวี่จือจือออกไปจะเป็เริ่นอิ๋งอิ๋ง
“ถ้าอาสามยืนยันจะปกป้องเธอล่ะ?” สวี่จือจือถาม
“คุณคือภรรยาของผม” ลู่จิ่งซานพูด “เขาจะปกป้องภรรยาของเขา ผมจะปกป้องภรรยาของผมบ้างไม่ได้เหรอ?”
ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่แค่เื่เล็กๆ แต่เป็เื่ที่ถึงชีวิต
สวี่จือจือมองเขาด้วยสายตานับว่าคุณรู้ความ เธอลุกขึ้นนั่งแล้วพูดยิ้มๆ “ลุกได้แล้ว พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดใจใคร พวกเราไม่ต้องอาย ใครจะอายก็ให้เขาอายไป”
ลู่จิ่งซานยิ้มกว้าง “คุณไม่โกรธเลยเหรอ?” เขาถาม
“โกรธสิ!” สวี่จือจือยิ้มหวาน “รู้ไหมว่าอะไรทรมานที่สุด? การเฉือนเนื้อด้วยมีดทื่อยังไงล่ะ”
“มีดที่แขวนอยู่เหนือหัว ไม่รู้ว่าจะตกลงมาเมื่อไหร่ ความรู้สึกนี้แหละทรมานที่สุด” เธอพูดขณะสวมเสื้อผ้า “ให้พวกเขาได้ทรมานไปสักสองสามวันก่อน”
“ขอแรก เพื่อให้คุณย่ามีเวลาทำใจ ข้อสอง ฉันอยากรู้ว่าเื่นี้ยังมีใครที่เกี่ยวข้องอีก”
เริ่นอิ๋งอิ๋งคงเป็แค่หุ่นเชิดที่ถูกสั่ง เธอคาดว่าคนบงการอยู่เื้ัน่าจะเป็เหอเสวี่ยฉิน
“แค่ไม่รู้ว่าแรงจูงใจของเธอคืออะไร” สวี่จือจือสงสัย “ความแค้นที่เธอมีต่อฉันเหมือนจะมากกว่าที่มีต่อคุณเสียอีก”
ตามหลักแล้ว มันไม่น่าจะเป็แบบนี้
“ผมให้คนสืบแล้ว” ลู่จิ่งซานพูดปลอบโยน
ตอนกินข้าวเช้า เริ่นอิ๋งอิ๋งไม่อยู่จริงๆ แต่ก็ไม่มีใครถามว่าเธอไปไหน
หลังกินข้าว คุณนายลู่เรียกลู่หวยเฟิงเข้าไปในห้อง ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ลู่หวยเฟิงจะพูดอะไรได้?
จะบอกว่าเขาสงสัยว่าเริ่นอิ๋งอิ๋งทำอะไรไม่ดีต่อสวี่จือจือ แต่เริ่นอิ๋งอิ๋งไม่ยอมรับ แถมกล่าวหาว่าเขาเข้าข้างคนนอกอีก
เขาโมโหเลยโต้กลับไป จากนั้นเริ่นอิ๋งอิ๋งก็วิ่งออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ
“หล่อนไม่มีบ้านเดิมให้กลับ แล้วจะไปไหนได้?” คุณนายลู่มีสีหน้าดำคล้ำ “ยังไม่รีบไปตามตัวกลับมาอีก?”
นิสัยขี้บิดเบี้ยวแบบนั้น อย่าได้ทำอะไรโง่ๆ นะ
ลู่หวยเฟิงไม่อยากไป ร้องไห้วิงวอนขู่จะผูกคอตาย ละครแบบนี้เริ่นอิ๋งอิ๋งเคยเล่นมาไม่ใช่น้อย
เมื่อก่อนเขายังอดทนปลอบเธอ แต่เื่นี้ลู่หวยเฟิงไม่อยากปลอบแล้ว
ถ้าเริ่นอิ๋งอิ๋งทำอะไรไม่ดีต่อสวี่จือจือโดยไม่รู้ตัวจริงๆ เื่ที่ควรขอโทษก็ต้องขอโทษ เื่ที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบ ลู่หวยเฟิงไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร
แต่ดูจากท่าทางของเริ่นอิ๋งอิ๋งเมื่อวานและการกระทำในวันนี้ หัวใจของลู่หวยเฟิงยิ่งเย็นวาบ
ทุกอย่างบ่งชี้ว่าเริ่นอิ๋งอิ๋งน่าจะรู้เื่
ลู่หวยเฟิงคิดถึงตรงนี้ก็โกรธ โกรธแล้วก็กลัว เพราะในใจเขา ภรรยาคนนี้เคยเป็คนอ่อนโยนและใจดีเสมอ
เพียงแต่หลายปีมานี้ไม่มีลูก ความกดดันเลยทำให้เธอนิสัยแปลกไปบ้าง แต่ภรรยาในใจเขาไม่ใช่คนใจร้ายที่ลงไม้ลงมือถึงชีวิตคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เป็ลูกหลานในครอบครัว
“มีอะไรหรือพูดอะไรก็คุยกันตรงๆ ต่อหน้ากัน” หญิงชราพูด “อย่ารอให้เกิดเื่แล้วมาเสียใจภายหลัง”
ลู่หวยเฟิงถึงยอมออกไปตามหาเริ่นอิ๋งอิ๋งอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อลู่หวยเฟิงไปแล้ว คุณนายลู่ก็เรียกสวี่จือจือและลู่จิ่งซานเข้าไป “เื่นี้เกี่ยวข้องกับเริ่นอิ๋งอิ๋งเหรอ?”
สวี่จือจือชะงัก เธอมองไปที่ลู่จิ่งซาน
“ไม่ต้องมองเขา” หญิงชราพูด “พวกแกไม่ต้องเป็ห่วงฉัน หญิงชราอย่างฉันชีวิตแข็งแกร่ง เื่แค่นี้จะเป็อะไร”
เมื่อวานเริ่นอิ๋งอิ๋งทำท่าทางเหมือนเห็นผี คุณนายลู่จะไม่รู้ได้ยังไง
“ค่ะ” สวี่จือจือพูด “วันนั้นหนูกำลังนอน อาสะใภ้สามก็มาเคาะประตู บอกว่าจิงจิงจากศูนย์พักยุวปัญญาชนเรียกหนู”
ตอนนั้นเธอก็ไม่ระวังพอ
ใครจะคิดว่าเธอระวังเหอเสวี่ยฉินแล้ว แต่คนที่ทำกลับเป็เริ่นอิ๋งอิ๋ง
“นี่มัน…” คุณนายลู่โมโหจนอยากด่าคน
รู้สึกเ็ปและเสียใจ
“ฉันสงสารที่หล่อนเป็เด็กกำพร้า พ่อแม่ไม่มี หลายปีมานี้ที่ไม่มีลูก ฉันก็ไม่เคยพูดจาหนักๆ กับหล่อนเลยสักคำ” หญิงชราทุบหน้าอกตัวเอง “คนที่น่าสงสารย่อมมีจุดที่น่าชิงชังจริงๆ”
“คุณย่า” สวี่จือจือจับมืออีกฝ่าย “เื่นี้ไม่เกี่ยวกับคุณย่านะคะ”
“หนูแค่ไม่เข้าใจว่าหนูไปทำอะไรให้อาสะใภ้สามแค้นกันแน่?” เธอพูด
ระหว่างทางที่ถูกลักพาตัวก็คิดไม่ตก กลับมาก็ยังคิดไม่ตก
คุณนายลู่ถอนหายใจลึก
เริ่นอิ๋งอิ๋งนิสัยบิดเบี้ยวมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังเก็บกด มีอะไรในใจชอบเก็บไว้ไม่ยอมพูด บางครั้งแม้แต่ลู่หวยเฟิงก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
“เื่นี้ พวกแกคิดยังไง?” เธอถามลู่จิ่งซาน
“พวกเราอยากตามหาคนที่อยู่เื้ั” ลู่จิ่งซานพูด “นิสัยของอาสะใภ้สาม…”
ง่ายต่อการถูกใช้เป็เครื่องมือ
หญิงชราพยักหน้า แต่ก็อดเจ็บใจไม่ได้
“สืบไป” เธอพูด “มีอะไร ย่าจะคอยหนุนให้แก”
สิ่งที่หญิงชราอย่างเธอทำได้ก็มีแค่นี้
หวังว่าก่อนตาย จะได้เห็นสองสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้อยู่ดีมีสุขนะ
“คุณย่า” ลู่จิ่งซานมองเธอด้วยความกังวล
หญิงชราโบกมือ “ร่างกายฉัน ฉันรู้ดี พวกแกวางใจได้”
ขณะที่คนในห้องกำลังคุยกัน เสียงโกลาหลดังมาจากข้างนอก ประตูบ้านถูกเตะเปิดอย่างแรง ก็เห็นลู่หวยเฟิงอุ้มคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?” คุณนายลู่ถามอย่างร้อนใจ
คนที่ตามมาคือลู่ซือหยวน “อาสะใภ้สามคิดสั้นะโน้ำค่ะ”
ะโน้ำ?
“หนูจะไปดู” สวี่จือจือพูด “หนูเรียนจุดช่วยชีวิตจากหมอกู่มา”
“รีบไปเร็ว” คุณนายลู่พูด
ลู่จิ่งซานพยักหน้า แต่เขาเป็ผู้ชายและอายุน้อยกว่า จึงไม่ได้ตามไปด้วย
เพียงแต่ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อมา เขาคงไม่ยอมให้สวี่จือจือไปช่วยคน หรืออย่างน้อยก็ต้องตามไปด้วย
.............................