สถานที่ร่อนแร่แม่น้ำหนานกูตั้งอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนจีน-พม่าเป็แม่น้ำสายย่อยจากแม่น้ำหนานหว่าน้าของแม่น้ำหนานกูคือแถบสินแร่ของชายแดนจีนและเป็ส่วนหนึ่งของสายพานรัดน้ำอัญมณีแห่งจีน-พม่า
ระหว่างรุยลี่และพม่า มีแถบสินแร่ดีๆ แห่งหนึ่งในแม่น้ำหนานกูที่มักจะผลิตอัญมณีสีแดงและสีเขียวออกมา ใน่ร้อยปีที่ผ่านมาที่นี่มีการจัดตั้งโรงงานพลอยมาก่อนแล้ว ทั้งเล็กและใหญ่แต่เนื่องจากความกระจัดกระจายของพลอยงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในการสกัดแร่ก็ค่อนข้างสูง เมื่อขาดแคลนงบประมาณจึงทำให้ที่นี่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้
แต่ว่า อย่างไรที่นี่ก็ยังมีพลอยอยู่ดี ดังนั้นคนรุยลี่จึงมีความคิดดีๆขึ้นมา ด้วยการจัดทำให้ที่นี่กลายเป็สวนสนุก!
เพียงคุณจ่ายค่าธรรมเนียม คุณก็จะได้รับชุดอุปกรณ์และสามารถไปร่อนแร่ที่บริเวณแถบสินแร่ของแม่น้ำหนานกูได้สองชั่วโมง พลอยทั้งหมดที่คุณหามาได้มานั้นก็จะเป็ของคุณ
ริมแม่น้ำหนานกู มีสถานร่อนแร่รุยลี่ถูกจัดตั้งขึ้นไม่เพียงแค่สามารถร่อนแร่ได้เท่านั้น และยังมีบริการเสริมที่ช่วยประเมินราคาอีกทั้งอัญมณีที่ขายที่นี่ต่างก็เป็ของแท้ทั้งสิ้น
หลิ่วเจิงอธิบายกฎของที่นี่ในหลินลั่วหรานฟังไปพร้อมกับจัดการจ่ายเงินค่าใช้จ่าย
เพียงจ่ายเงินคนละห้าสิบ ก็จะได้รับอุปกรณ์ในการร่อนแร่และสิทธิ์ในการใช้ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงมาพลอยที่หามาได้ใน่เวลานี้ต่างก็สามารถนำติดตัวออกไปได้ทั้งหมด
สถานที่ที่เต็มไปด้วยการเล่นสนุก อีกทั้งยังมีพลอยสวยงามเมื่อมองไปยังคู่รักคู่หนึ่งที่กำลังจับมือกันร่อนแร่หลินลั่วหรานก็รู้สึกเขินขึ้นมา ทำไมหลิ่วเจิงถึงเลือกสถานที่แบบนี้มาได้นะ
ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันดูจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเอาได้ง่ายๆ
“ไปเถอะ มีเวลาแค่สองชั่วโมงเอง พวกเราต้องรีบกันหน่อยแล้ว” หลิ่วเจิงถือตะกร้ากรองทรายเอาไว้ในมือ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับหลินลั่วหรานดูเหมือนว่าตัวเขาจะดูเด็กลงมาก ไม่เหมือนกับหัวหน้าที่เต็มไปด้วยความรอบคอบและความสุภาพของหลิ่วชื่ออีกแล้ว
หลินลั่วหรานส่งยิ้มกลับไป และตัดความอึดอัดออกไปได้บ้างแล้วเธอก้าวเท้าเดินตามหลิ่วเจิงเข้าไปด้านใน
ตอนนี้เป็วันที่สาม หลังจากการผ่าแร่แล้วผู้คนต่างก็กระจายแยกย้ายกันไปเหมือนกับตอนที่มาคุณลุงของหลิ่วเจิงเองก็เดินทางกลับไปพร้อมกับแร่ทั้งหลาย แถมยังเอาหินแร่ห้าก้อนที่หลินลั่วหรานจ่ายเงินกว่าหนึ่งล้านซื้อมาจากชายพม่ากลับไปด้วย
ที่หลิ่วเจิงพาเธอมาที่นี่ ก็เพื่อทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้เมื่อวันก่อน
“อันนี้ใช้ยังไงเหรอคะ?” พลอยและหยกนั้นไม่เหมือนกันสักนิดพลังในการตรวจหาหยกของเธอ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยเมื่ออยู่ที่นี่ เมื่อมองไปยังกองอุปกรณ์เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปแล้ว
ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกของหลิ่วเจิงเขาถอดรองเท้าออกไว้ที่ชายฝั่งด้วยความคุ้นเคย พร้อมทั้งพับขากางเกงขึ้นก่อนจะเดินลงไปในน้ำ เขายืนอยู่บนผืนทรายละเอียด และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ที่ชายฝั่งถูกคนหาไปหมดแล้วล่ะ พวกเราต้องเดินเข้าไปหน่อย ถึงจะร่อนแร่ได้”
หลินลั่วหรานจึงได้แต่ถอดรองเท้าบูตออกตามและม้วนขากางเกงของตัวเองขึ้นมาจนถึงบริเวณหัวเข่าจากนั้นก็เดินลงไปในน้ำด้วยความว่องไว
“เย็นจัง!” อากาศที่รุยลี่ดีขนาดนี้เธอไม่คิดเลยว่าน้ำในแม่น้ำแห่งนี้จะเย็นไปถึงกระดูก จนต้องเผลอส่งเสียงร้องออกมา
หลิ่วเจิงหันหน้าไปอีกทางพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองมองไปยังท่อนขาเนียนขาวของหลินลั่วหราน พร้อมทั้งอธิบาย “เพราะว่าน้ำเย็นแบบนี้ไง ถึงได้สร้างเม็ดพลอยขึ้นมาได้เป็จุดมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเลยล่ะ”
เท้าของหลินลั่วหรานััลงบนทรายละเอียดแสงตะวันของรุยลี่สาดส่องลงมายังตัวของเธอ เท้าทั้งสองถูกแช่อยู่ในน้ำมือทั้งสองก็จับตะกร้าในมือเอาไว้เพื่อเรียนรู้การขุดหาพลอยภายใต้ทรายเหนียวใต้เท้าจากหลิ่วเจิง
ทั้งสองขุดหาพลอยอยู่บริเวณหาดตื้นอยู่สักพัก โดยไม่ได้อะไรเลยสักชิ้นหลินลั่วหรานจึงพูดทั้งรอยยิ้ม “วันนี้ไม่มีโชคด้านขุดพลอยเลยหรือไงนะ?”
เธอพูดพร้อมทั้งเทตะกร้าทรายที่เพิ่งขุดขึ้นมาในมือลงหลิ่วเจิงมือไวตาไวพอ เขาจับเข้าที่ข้อมือของเธอด้วยความรวดเร็ว “อย่าขยับ!”
เมื่อมือเรียวยาวที่เต็มไปด้วยแรงของผู้ชายััลงที่ข้อมือของตัวเองและััได้ถึงกลิ่นไอในแบบของผู้ชายของหลิ่วเจิง หลินลั่วหรานก็ได้แต่ยืนตัวแข็งพร้อมกับความร้อนที่ค่อยๆ ไล่ขึ้นมาบนใบหน้า
หลิ่วเจิงจับข้อมือของเธอเอาไว้ก่อนจะใช้มือหยิบก้อนหินสีดำรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่กว่าเล็บมือเล็กน้อยออกมาจากตะกร้าเม็ดทราย
“ใครบอกว่าไม่มีโชค นี่ไม่ใช่ไพลินหรือไง?”
เธอมองไปยังก้อนหินรูปร่างประหลาดบนมือของหลิ่วเจิง เปลือกนอกสีดำ และเมื่อนำไปเทียบกับอัญมณีที่ผ่านการเจียระไนจนถูกวางสาดส่องแสงในร้านของเจินเป่าเซวียนแล้วหลินลั่วหรานรู้สึกว่าของทั้งสองสิ่งนี้ไม่น่ามีอะไรเกี่ยวโยงกันได้เลย
“นี่คือ...ไพลิน?”
เมื่อเห็นอาการใของหลินลั่วหรานที่มักจะสงบนิ่ง หลิ่วเจิงก็เผลอยิ้มออกมา “ก็เหมือนกับที่หยกถูกคลุมเอาไว้นั่นแหละ พลอยที่ยังไม่ได้ผ่านการขัดเกลาก็หน้าตาแบบนี้ทั้งนั้น”
เมื่อพูดจบเขาก็นำเอาพลอยชิ้นนั้นวางลงบนมือของหลินลั่วหราน “อันนี้เธอหาเจอ ต้องเก็บไว้ให้ดีๆ นะ”
หลินลั่วหรานรับมันมาอย่างว่าง่าย แต่บริเวณใบหน้ายังคงรับรู้ได้ถึงกลิ่นของหลิ่วเจิงทำให้เธอรู้สึกอายขึ้นมา ก่อนทั้งสองจะรู้ตัวว่ามือของหลิ่วเจิงที่เกาะกุมอยู่บริเวณข้อมือของเธอยังไม่ถูกปล่อยออก...
“ฮ่าๆ จะวิ่งไปไหน!” เด็กวัยรุ่นคู่หนึ่งวิ่งผ่านมาบริเวณใกล้ๆพวกเขา ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเป็คู่รักกัน เด็กสาวควักน้ำขึ้นสาดใส่เด็กชายเด็กชายยิ้มแย้ม ก่อนจะวิ่งเข้ามาทางหลินลั่วหรานหยาดน้ำเย็นะเืกระเด็นเข้าสู่ใบหน้าของเธอ เมื่อหลินลั่วหรานได้สติขึ้นมาใครจะรู้ว่าใต้เท้าของเธอจะเกิดลื่นขึ้นมาพอดี
“อ๊ะ...” เมื่อมือที่จับหินก้อนนั้นเอาไว้คลายออกก้อนหินก็เตรียมพร้อมที่ไหลหลุดออกไป ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่อยากจะให้มันหายไปเธอจึงรีบพุ่งตัวยื่นมือออกไปคว้ามันเอาไว้
“ระวัง!” หลิ่วเจิงคิดว่าเธอสูญเสียการทรงตัวจึงรีบเข้าไปดึงตัวของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ว่าหลินลั่วหรานเพียง้าจะเก็บก้อนหินเท่านั้นแต่เมื่อโดนหลิ่วเจิงดึงเอาไว้ เธอถึงได้สูญเสียความทรงตัวไปจริงๆ!
“ตู้ม” ทั้งสองร่วงลงไปในน้ำทันที!
ร่างกายของหลิ่วเจิงล้มลงไปรับตัวของหลินลั่วหรานเอาไว้ เพื่อรับแรงกระแทกส่วนมากเอาไว้แทนจนแม้แต่แว่นตาสีทองก็กระเด็นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
หลินลั่วหรานลูบหยาดน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะพบว่าท่าทางของเธอและหลิ่วเจิงตอนนี้ออกจะน่าอายไปหน่อยจึงรีบดันตัวลุกยืนขึ้น
หลิ่วเจิงไม่ทันได้รู้ตัวนัก เขาจึงถามออกมาด้วยความกังวล “เป็อะไรไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
หลิ่วเจิงที่ไร้แว่นตาบดบังแววตาของเขาดูนุ่มนวลราวกับก้อนหยกที่ยังไม่ได้ผ่านการขัดเกลาหลินลั่วหรานนิ่งไปชั่วครู่ จนเมื่อได้ยินเสียงย้ำถามของหลิ่วเจิงเธอจึงได้สติกลับมา
“ไม่เป็ไรค่ะ ไม่เป็ไร แล้วแว่นตาของคุณล่ะ?”
หลิ่วเจิงเพิ่งจะรู้สึกได้ว่า หลินลั่วหรานที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นดูไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ทั้งสองช่วยกันคลำหาแว่นตาในน้ำอยู่สักพักกว่าจะหาแว่นของเขาพบ โชคดีที่มันไม่ได้แตกหักอะไร
จากนั้นคู่รักตัวปัญหาก็รีบวิ่งเข้ามาขอโทษด้วยความรู้สึกผิดเมื่อได้รับคำยกโทษ ก็พากันจับมือวิ่งออกไป
เพียงแต่ในตอนนั้น แม้ว่าจะมีเวลาเหลืออยู่แต่ทั่วทั้งตัวของหลิ่วเจิงและหลินลั่วหรานก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำอีกทั้งน้ำในแม่น้ำนั้นก็เย็นมาก พวกเขาหาพลอยกันต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงต้องกลับมาที่ฝั่งก่อนเวลา
หลังจากทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วหลิ่วเจิงก็พาหลินลั่วหรานไปยังจุดในบริการเสริม ผู้เชี่ยวชาญมอบรอยยิ้มด้วยความยินดีมาให้ “อัญมณีเม็ดนี้นับได้ว่าดีทีเดียวนะ โชคดีกันจริงๆเดี๋ยวจะทำเป็แหวนให้กับคุณหนูนะ จะได้เก็บเป็ที่ระลึกด้วย พวกเธอโอเคไหม?”
หลิ่วเจิงคิดว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่ได้แย่ จึงหันไปหาหลินลั่วหรานพร้อมถามความเห็นของเธอผ่านทางสายตา
แหวน ที่ระลึก หัวใจของหลินลั่วหรานสั่นไหวขึ้นมาเบาๆก่อนจะเปลี่ยนไปเป็ความสงบ ไม่ว่าผู้ชายตรงหน้าจะดีแค่ไหน แต่ก็ยังติดป้ายของเป่าเจียเอาไว้แล้วอย่างไรเธอก็ควรที่จะไม่ไปรู้สึกอะไรกับมัน
“ทำเป็จี้ดีกว่าค่ะ!”
เมื่อน้ำเสียงเ็าของหลินลั่วหรานดังขึ้นภายในแววตาของหลิ่วเจิงก็ปรากฏความผิดหวังเล็กๆ ออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้