ณ บ้านตระกูลหาน เมืองเย่ว์เซียน
“ท่านปู่ ครั้งนี้ให้ข้าไปร่วมงานประมูลของเมืองอันหวาเถิด! ได้ยินว่าอีกสามตระกูลส่งลูกหลานไปแล้ว” หานเฉินพูดกับหานจี้เซิ่ง ตอนนี้ตระกูลหานมีเขาคนเดียวที่ไปได้
หานจี้เซิ่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดกับหานเฉินว่า “ได้ยินมาว่า ครั้งนี้องค์ชายสาม...สุ่ยเย่ว์หรูหวา ก็ไปด้วย ดูเหมือนว่าราชวงศ์จะ้ากุญแจไขไปสู่ซากวัตถุโบราณนี้”
เมื่อได้ยินว่าองค์ชายสามไป หานเฉินพูดอย่างขบฟันกรามว่า “สิ่งเนรคุณนั่นก็ไปรึ งั้นข้ายิ่งต้องไป” หานเฉินโกรธแค้น ถึงเขาจะต่อยสุ่ยเย่ว์หรูหวาสักหมัดไม่ได้ ทว่าเขาอาจหาเื่ให้สุ่ยเย่ว์หรูหวาเพิ่มได้ เมื่อคิดถึงน้องห้าของเขาที่ถูกสุ่ยเย่ว์หรูหวาทำร้ายกับมือ เขาระงับความโกรธไม่ได้ ตระกูลหานของเขามีแต่ความภักดี บัดนี้ กลับต้องมาอึดอัดใจเช่นนี้
คนที่รังแกมาถึงบ้าน ยังได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บชำน้ำใจ เขาไม่เข้าใจเสียจริงว่าท่านปู่คิดอะไรอยู่ อีกทั้งน้องห้ายังเป็หลานชายที่ท่านปู่รักที่สุด อย่าบอกว่านะว่าผลประโยชน์ของตระกูลสำคัญขนาดนั้น?หานเฉินไม่เข้าใจ
“เ้าไปได้ แต่ห้ามหาเื่องค์ชายสาม เ้าก็รู้ว่าตระกูลของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทน” หานจี้เซิ่งพูดพลางมองหลานชายสี่ของตนเอง พร้อมพูดเสียงเข้มในตอนท้าย
เมื่อคิดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตระกูลหานเมื่อเดือนที่แล้ว หานเฉินกำหมัด พร้อมพูดด้วยตาแดงๆ ว่า “ข้าทราบดี ท่านปู่ ข้าจะอดทน”
“ทำเ้าลำบากแล้ว” หานจี้เซิ่งลุกขึ้นยืนพร้อมเดินมาหาหานเฉิน ตบไหล่ของหานเฉินที่อยู่ข้างกาย พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้างว้างโดดเดี่ยวว่า “ตระกูลหานของเราไม่เหมือนก่อนแล้ว ท่านปู่ก็อายุมาก คงอยู่ได้อีกไม่นาน ต่อไปตระกูลหานต้องพึ่งเ้าและพี่ใหญ่ของเ้า...หานเฟิง ถึงตอนนั้นหากพวกเ้าไม่อยากประคับประคองตระกูลนี้แล้ว ก็ออกไปท่องยุทธภพเถอะ! บางทีที่ผ่านมาปู่คงผิดเอง ไม่ควรให้ตระกูลอยู่เหนือทุกอย่าง”
“่ท่านปู่ ท่านโปรดวางใจ ข้าจะทำให้ตระกูลหานของเรากลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์เหมือนแต่ก่อน” หานเฉินพูดขึ้น พลางมองใบหน้าอ้างว้างและร่างกายที่ไม่แข็งแรงเหมือนก่อนของหานจี้เซิ่ง
“อาเฉิน เ้าจงจำไว้ ตระกูลหานมิใช่ภาระของเ้าและอาเฟิง พวกเ้าไม่ต้องมาแบก ข้าทำไม่ดีต่ออารุ่ย บางทีครานั้นข้าไม่สมควรยอมอ่อนข้อให้ การอ่อนข้อครั้งนั้น ไม่อาจเปลี่ยนให้พวกเขาล่าถอยได้ แต่กลับทำให้พวกเขายิ่งโหดร้ายขึ้น” หานจี้เซิ่งเอ่ยขึ้น ใช้สองมือของประคองหลังพลางมองไปยังที่ไกลๆ
หานจี้เซิ่งนึกถึงหลานชายที่เขาเลี้ยงมาั้แ่เล็กจนโต...หานรุ่ย เขาคงตำหนิเขา มิฉะนั้น ฟื้นฟูพลังปราณแล้วแต่กลับไม่ส่งข่าวมา หากมิใช่เพราะหานเฟิงกลับมาครั้งก่อน และบอกว่าหานรุ่นฟื้นตัว จนบัดนี้เขาก็ยังไม่ทราบ ดูเหมือนว่าเขาจะทำร้ายจิตใจหลานชายจริงๆ เมื่อคิดถึงหนุ่มน้อยจากตระกูลหยุนที่บอกว่า หานรุ่ยใช้ชื่อเสียงของตระกูลหานเบ่งอวดศักดิ์ศรีในบ้านของสามีท่านลุงของเขา หากเป็เช่นนี้ หานรุ่ยยังถือว่าตัวเองเป็คนตระกูลหาน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
หานจี้เซิ่งนึกถึงเมื่อครั้งเขาสืบเื่หานรุ่ยหลังจากแต่งงานได้หกเดือน เขารู้สึกเสียใจที่ตัวเองไม่ดูคนให้ดีๆ ทำให้หานรุ่ยต้องอยู่อย่างยากลำบากมากว่าครึ่งปี ต่อมาไม่ทราบว่าเหตุใดจุนห่าวจึงเปลี่ยนการกระทำที่มีต่อหานรุ่ย ทว่าหานจี้เซิ่งยังคงโกรธแค้นจุนห่าว จุนห่าวเป็แค่ลูกหลานของตระกูลจากเมืองอันห่างไกล ช่างกล้าไม่สนใจหลานชายที่เขาหวงแหน ซ้ำยังเอาใจใส่หญิงอื่น นี่คือสิ่งที่หานจี้เซิ่งคิดไม่ถึง แต่ก็ได้ยินว่าต่อมาจุนห่าวเปลี่ยนไป จุนห่าวและหานรุ่ยมีดวามสัมพันธ์ที่ดี หานจี้เซิ่งถึงทรมานใจจากความละลายน้อยลง
หานจี้เซิ่งคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลหานอีกครั้ง รู้สึกว่าหานรุ่ยไม่กลับมาตระกูลหานนั้นก็ดี เวลานี้ตระกูลหานไม่เพียงช่วยหานรุ่ยไม่ได้ ยังจะลากขาหลังของเขาด้วย ในเมื่อเขาแต่งออกไปแล้ว ก็อย่าให้เขาต้องมายุ่งเกี่ยวเลย ให้เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหมู่บ้านบนูเาเล็กๆ แห่งนั้นเถอะ ตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวของพ่อของหานรุ่ย ถึงเขาจะยังไม่ตาย ก็คงไปอยู่แผ่นดินอื่นแล้ว ดูเหมือนว่าคงหมดหวังที่จะให้กลับมา
หานจี้เซิ่งคิดถึงบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองที่เสียชีวิตในสนามรบเมื่อเดือนก่อน ยังมีหลานคนรองและหลานสามที่มีขาพิการนอนอยู่บนเตียง เมื่อเขานึกถึงพวกเขา หานจี้เซิ่งปวดร้าวใจยิ่งนัก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขาอุทิศให้กับตระกูล แต่สุดท้าย เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนทรยศในตระกูล ฆ่าลูกชายทั้งสองของเขา และทำร้ายหลานชายทั้งสองของเขา นี่เป็ตัดหญ้าถอนโคนหานจี้เซิ่งโดยแท้ โชคดีที่ตระกูลหยุนไม่ปล่อยข่าวการฟื้นตัวของหานรุ่ยออกไป และมีคนไม่กี่คนที่รู้รายละเอียด มิฉะนั้นหานรุ่ยคงเดือดร้อนอย่างแน่นอน อาจพบเจอคนตามฆ่าไม่หยุดหย่อน หานจี้เซิ่งทราบดีว่าที่นี่ต้องมีสายสืบของราชวงศ์แน่ มิฉะนั้นตัวเรือดบางอย่างในตระกูล คงไม่อาจสร้างคลื่นพายุลูกใหญ่เช่นนี้ได้ ราชวงค์...หานจี้เซิงค่อยๆ ก้าวถอยไปเรื่อยๆ ทว่าพวกเขากลับกดขี่ขึ้นเรื่อยๆ คิดถึงตรงนี้ พลังกายของหานจี้เซิ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราชวงศ์กลั่นแกล้งเกินไปแล้ว
หานเฉินเห็นพลังกายของหานจี้เซิ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งกล้าหาญ และปัดเป่าภาวะซึมเศร้าครั้งก่อน แปรเปลี่ยนเป็แรงบันดาลใจ เขาคิดว่าท่านปู่มิได้ถูกความเ็ปครอบงำ เขาก็เช่นกัน กระดูกของคนตระกูลนั้นแข็งยิ่งนัก
หานจี้เซิ่งหันกลับมา มองหานเฉินที่มีจิติญญามุ่งมั่นด้วยความปลื้มใจ เขาพูดกับหานเฉินพลางไขว้มือไว้ข้างหลัง “น้องห้าของเ้าฟื้นตัวแล้ว พลังปราณคงเข้าสู่อีกขั้น” ครึ่งปีก่อนหานจี้เซิ่งได้สืบเื่หานรุ่ย หลังจากนั้นก็มิได้สืบอีกเลย
“น้องห้าฟื้นตัวแล้ว ช่างดีจริงๆ” หลังจากหานเฉินได้ยินข่าวจากหานจี้เฉิน ยืนขึ้นอย่างมีความสุขและพูดหัวเราะเสียงดัง
“ใช่แล้ว น้องห้าของเ้าเป็คนมีโชค” หานจี้เซิ่งกล่าว เริ่มแรกเขาตามหาหมอชื่อดังทั่วทุกสารทิศ ต่างบอกว่าไม่อาจรักษาหานรุ่ยได้ แต่เขากลับไปพบเย้าซือผู้ลึกลับข้างนอก
“ใช่แล้ว น้องห้ามากด้วยบุญญาธิการ าเ็สาหัสขนาดนั้นยังฟื้นตัวได้” หานเฉินเห็นด้วย เขาดีใจกับหานรุ่ย
“ฉะนั้น ต่อไปเ้าต้องหาเื่องค์ชายสามให้น้อยลง เ้าต้องพยายามเช่นกัน เพื่อพี่รองและพี่สามที่พิการของเ้า พี่ใหญ่และน้องห้าคือซวงเอ๋อร์ แม้ว่าคนนอกจะดูไม่ออกว่าพี่ใหญ่ของเ้าคือซวงเอ๋อร์ แต่ตระกูลของเรารู้ดี ดังนั้น ตระกูลจึงเหลือเ้าที่เป็บุรุษคนเดียว หากปู่ตายไป เ้าต้องประคับประคองตระกูลนี้ ถึงตอนนั้นหากตระกูลหานยืนหยัดไม่ไหว เ้าจงพาพวกเขาออกจากเมืองเย่ว์เซียนเถอะ!”
หานจี้เซิ่งกล่าวอย่างเศร้าใจ เขาทำงานหนักมาตลอดชีวิต ในที่สุดกลับพบจุดจบเช่นนี้ กล่าวกันว่าทำงานใกล้ชิดกับคนใหญ่คนโต ย่อมอันตรายเสมือนเสือโคร่ง เื่ราวในโลกหล้านั่นยากจะคาดการณ์
“ท่านปู่ ข้าจะพยายาม ต่อไปข้าจะไม่ทำให้ท่านเป็กังวลอีก” หานเฉินรับประกันกับหานจี้เซิ่ง ก่อนหน้านี้เขามัวแต่เที่ยวเล่น ถึงปล่อยปละละเลยในการบำเพ็ญเพียร แม้ว่าคุณสมบัติของเขาจะสู้พี่ใหญ่และน้องห้าไม่ได้ ทว่าจากนี้ไปเขาจะพยายาม
หานเฉินรับประกันจบ พูดกับหานจี้เฉิงต่อว่า “ท่านปู่ ท่านส่งน้องห้าไปที่ใดหรือ? ก่อนนี้ข้าถามท่านไม่เคยบอกสักนิด” “แต่งงานไปอยู่เมืองเล็กที่แสนห่างไกล สามีของเขาคือตระกูลใหญ่ในพื้นที่ แต่สามีผู้นั้นของเขากลับเป็แค่คนธรรมดาสามัญ” หานจี้เซิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบาก ในเวลานี้เขารู้สึกว่าวิธีการของเขานั้นผิด
“อะไรนะ ท่านให้น้องห้าแต่งงาน ซ้ำยังอยู่ที่ห่างไกล ยิ่งไปกว่านั้น สามีของเขายังแสนจะธรรมดา ท่านปู่ ท่านคิดอะไรอยู่?” หานเฉินเอ่ยถาม เขาคิดมาตลอดว่าท่านปู่ส่งหานรุ่ยไปอยู่ในที่รักษาตัว เขาคิดไม่ถึงว่าท่านปู่จะทำเช่นนี้ การทำเช่นนี้เท่ากับว่าทอดทิ้งหานรุ่ย หานเฉินคิด ตอนนั้นหานรุ่ยจะเศร้าใจขนาดไหนนะ! จากอัจฉริยะกลายเป็สวะ ถูกคู่หมั้นถอนหมั้น จากนั้นก็ไปแต่งงานกับคนแปลกหน้า ซ้ำยังถูกส่งไปสถานที่ที่แห้งแล้งเช่นนั้น ท่านปู่ทำให้หานรุ่ยที่มีาแบนร่างกาย ถูกมีดแทงซ้ำเข้าไปอีก
“ตอนนั้นข้าแค่คิดว่าเขากลายเป็คนธรรมดา หรือแม้กระทั่งชายหนุ่มที่ป่วย หากอยู่ในตระกูลของเราต่อไปจะถูกรังแกได้ เพราะปู่ก็มีชีวิตอีกไม่นาน ข้าจึงคิดว่าให้เขามีครอบครัวที่มั่นคง แบบคนธรรมดาสามัญ ใช้ชีวิตครึ่งนึงที่เหลืออย่างสงบสุข การแต่งงานนี้ หานรุ่ยเองก็เห็นด้วย” หานจี้เซิ่งยากจะที่อธิบายความคิดของเขาในตอนนั้น
“หานรุ่ยมีความสุขดีไหม?” หานเฉินถามอย่างเคืองโกรธ มีพวกเขาเป็พี่น้องอยู่ ใครจะกล้ารังแกหานรุ่ยแห่งตระกูลหาน หากเขารู้คงฆ่าตายแน่ ดูเหมือนว่าท่านปู่จะแก่แล้วจริงๆ ถึงได้เลอะเลือน
“จากที่สืบมา เริ่มแรกไม่ได้ดีนัก แต่ตอนนี้มีความสุขดีแล้ว ได้ยินว่าสามีของเขาดีต่อเขามาก” หานจี้เซิ่งกล่าวปลอบใจหานเฉิน และปลอบใจตัวเองด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าไม่ดี วิสัยทัศน์ของท่านปู่ไม่ดีเอาเสียเลย ขนาดตอนนี้น้องห้าความสุขดีแล้ว ก็ยังไม่มาเยี่ยมตระกูล ต้องเป็เพราะเสียใจมากแน่ๆ”
หานเฉินพูดกับหานจี้เซิ่ง จากนั้นก้มหัวลงและพูดด้วยความโกรธ “เป็เพราะพวกพี่ไม่เอาใส่ใจเขามากพอ ก่อนหน้าข้าก็ไม่เอาการเอางาน พี่ใหญ่จากบ้านั้แ่เล็ก พี่รองและพี่สามยุ่งแต่กับเื่การทหาร จะว่าไปก็ต้องโทษข้า ที่อยู่บ้านว่างๆ ถือว่าไม่สนใจเขามากกว่าใคร” เนื่องจากเื่เกิดไปแล้ว พูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ แปรเปลี่ยนอะไรมิได้ แก้ไขได้แค่ภายหลัง
“ไม่โทษพวกเ้า เป็ข้าที่คิดไม่รอบตอบ ต่อให้ไม่มีข้า ก็ยังมีพวกเ้าพี่น้อง ครานั้นข้าเกรงว่าพวกเข้าจะปฏิบัติต่อเขาไม่ดี ต่อให้พวกเ้าปฏิบัติต่อเขาดี คนอื่นๆ ในตระกูลก็ยากที่จะพูด บัดนี้ตระกูลหานของเรามิใช่แผ่นเหล็กแล้ว ตระกูลใหญ่ขึ้น คนเยอะขึ้น ความคิดก็มีมากขึ้น” หานจี้เซิ่งกล่าวปลงๆ ใจคนเรานั้นโลภไม่สิ้นสุด
“ท่านปู่ ท่านคิดกับเรายังไงกันแน่หรือ ท่านให้การศึกษาพวกเรา ต่อให้ท่านไม่เชื่อใจพวกเรา ท่านก็ควรเชื่อใจตัวเอง ท่านพร่ำสอนพวกเราพี่น้องั้แ่เล็ก ให้รักใคร่กลมเกลียว ความรู้สึกระหว่างพี่น้องของเราท่านย่อมรู้ดี” หานเฉินพูดกับหานจี้เซิ่งอย่างไม่พอใจ
“หวังว่าจากนี้ไปเ้าจะคิดเช่นนี้ อำนาจนั้นชวนให้คนลุ่มหลงนัก” หานจี้เซิ่งพูดจากอารมณ์ส่วนลึก พวกเขาพี่น้องอยู่ใน่วัยหนุ่มนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี และตอนนี้ไม่ถึง่ที่คิดร้ายต่อกัน
“ข้าไม่มีทางแน่... ท่านปู่ ท่านก็รู้ ข้าไม่หลงไหลได้ปลื้มในอำนาจ ข้าถึงทำตามใจตัวเองเช่นนี้” หานเฉินพูดกับหานจี้เซิ่ง
“ปู่เชื่อในตัวเ้า” หานจี้เซิ่งพูดกับหานเฉิน หลานชายของเขาผู้นี้ไม่แยแสต่ออำนาจั้แ่เล็ก และตั้งใจทำตัวเองให้กลายเป็ลูกผู้ลากมาดีที่ไม่เอาไหน เพื่อปิดบังตัวเอง ดังนั้น เขาจึงให้หลายชายคนนี้โอบอุ้มความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้
“ท่านปู่ ตอนนี้บนแผ่นดินปรากฏยาิญญาชั้นเลิศจำนวนหนึ่งขึ้น ท่านว่าใครกันที่ทำขึ้นมา” หานเฉินเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หัวข้อนั้นหนักหนาเกินไป พ่อของเขา ท่านลุงใหญ่ พี่รอง พี่สาม ต่างกลายเป็เหยื่อของการต่อสู้เพื่ออำนาจ ศพของท่านลุงใหญ่และท่านพ่อไม่มีแม้แต่กระดูก ร่างกายพี่รองและพี่สามก็มีแต่พิษ เพื่อให้รอดชีวิต พวกเขาทั้งสองไล่พิษไปยังขาของเขา จนตอนนี้เดินไม่ได้แล้ว และต้องทนต่อความเ็ปแสนสาหัสของพิษอยู่ทุกวี่วัน
“ไม่ว่าใครจะเป็คนทำ เราก็ไม่รังควานคนๆ นั้น เ้าก็รู้ว่าเย้าซือที่ปรุงยาิญญาชั้นเลิศได้นั้น มีพลังแบบที่เ้าไม่อาจจินตนาการได้” หานจี้เซิ่งเตือนหานเฉิน เขาเกรงว่าหลานชายคนนี้จะทำร้ายเย้าซือที่ลึกลับนั้นเพื่อขอยา เวลานั้นคนใหญ่คนโตต่างตามหาเย้าซือผู้ลึกลับนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไร เห็นได้ว่าความสามารถของเย้าซือผู้นี้ยิ่งใหญ่มาก
“ข้ามิได้มีความหมายอื่น” หานเฉินลูบจมูกของเขา พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตน
“เ้าคิดยังไงทำไมข้าจะไม่รู้ เ้าคิดว่าเ้าจะขอยาให้พี่รองและพี่สามของเ้า เ้าต้องใช้ความจริงใจ อย่าใช้ไม้แข็ง” หานจี้เซิ่งพูดอย่างจริงจัง บัดนี้ตระกูลหานของพวกเขาไม่อาจต้านทานคลื่นพายุใดๆ ได้แล้ว
“ท่านปู่ หากคิดจะให้ข้าเริ่มต่อสู้ ก็ต้องตามหาคนที่มีพร์อ่า” หานเฉินพูดกับหานจี้เซิ่งอย่างจนใจ
หานเฉินพูดจบ ทั้งสองคนก็เงียบงัน เย้าซือผู้นี้ลึกลับเหลือเกิน
