มู่หรงฉือลอบพิจารณาว่าเขากำลังมีโทสะหรือไม่ ดูจากสีหน้าเ็าและใบหน้าที่นิ่งสงบของเขา เหมือนจะไม่โกรธ นางจึงค่อยๆ วางใจลง
ปลายนิ้วของมู่หรงอวี้ไล่ระมาตามหน้าผากของนาง เป็การกระทำที่แ่เบาและอ่อนโยนนัก “หลายวันมานี้คล้ายเ้ากำลังหลบหน้าเปิ่นหวาง”
นางอดทนไม่ยกมือขึ้นปัดมือเขาออก “ที่ไหนกัน? เปิ่นกงกระหายน้ำ ที่นี่มีชาให้ดื่มหรือไม่?”
“ไม่มี มีแต่ของกิน”
“มีอะไรหรือ?”
“ตรงนี้” เขาชี้ไปยังริมฝีปากของตนเอง
“หน้าไม่อาย” นางอดกลอกตาใส่เขาไม่ได้ นี่ เ้าเป็อวี้หวางนะ ช่วยอย่าทำตัวเป็เด็กเช่นนี้ได้หรือไม่
“เปิ่นหวางเป็คนน่าไม่อายน่ะ”
พูดยังไม่ทันจบ มู่หรงอวี้ก็ก้มหน้าลงมาอย่างไม่ลังเล เชยคางนางขึ้นเตรียมจะกดจูบลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของนาง
ก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำเข้ามา มู่หรงฉือก็ย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว หลบหนีจากการควบคุมของเขา แม้จะต้องทั้งคลานทั้งกลิ้งก็ยอม
เขาที่ไม่ได้เตรียมตัวจึงปล่อยให้นางหลบหนีไปได้ ดวงตาได้แต่มองแผ่นหลังของนางที่กำลังหนีไปอย่างรวดเร็ว มุมปากพลันปรากฏความอ่อนโยน
เมื่อกลับถึงตำหนักบูรพา มู่หรงฉือพูดเื่ที่กงจวิ้นหาวได้รับาเ็กับฉินรั่วและหรูอี้ ซึ่งทั้งสองคนต่างมีสีหน้างงงวย
ความจริงแล้ว มู่หรงฉือเองก็มีความรู้สึกซับซ้อนมากมาย ไม่รู้ว่าจะต้องสืบหาจากตรงไหน
“สรุปแล้วเป็องค์หญิงที่พูดโกหกหรือว่าคุณชายกงพูดโกหกกันแน่?” หรูอี้เอาสองมือเท้าแก้ม พูดอย่างสับสน
“เตี้ยนเซี่ย มีความเป็ไปได้หรือไม่ว่าสองคนนี้ต่างโกหกทั้งคู่เพคะ?” จู่ๆ ฉินรั่วก็พูดขึ้นมา ในหัวมีแสงแล่นวาบ
“ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้” มู่หรงฉือพูดอย่างยินดี “เพื่อผลประโยชน์ของตนเองจาวฮวากับกงจวิ้นหาวต่างให้ความเท็จ ความจริงมีเพียงพวกเขาสองคนที่รู้ ไม่มีผู้ใดอีก”
“เตี้ยนเซี่ย มิสู้คิดหาวิธีให้หนึ่งในพวกเขาพูดความจริงเล่าเพคะ” ฉินรั่วเสนอความเห็น
“หากพวกเขาตั้งใจจะพูดปด เช่นนั้นจะพูดความจริงออกมาได้อย่างไร?” หรูอี้กะพริบตาพูด
“เปรียบดั่งการพูดความจริงออกมาหลังเมาสุรา ขอเพียงหาวิธีดีๆ ก็ย่อมทำให้พวกเขาพูดความจริงออกมาได้” ฉินรั่วพูดออกมาอย่างยินดี
“เช่นนั้นเ้าก็คิดหาวิธีดีๆ ให้เตี้ยนเซี่ยสักหน่อย” หรูอี้บอก
ฉินรั่วถลึงตาใส่นาง แล้วถอนหายใจหนักๆ “คิดไม่ออก”
มู่หรงฉือคิดมาทั้งคืนก็คิดหาวิธีไม่ได้ วันต่อมานางไปเยี่ยมจาวฮวาที่ตำหนักจิ่งหง เฉียวเฟยกับนางกำนัลอยู่เป็เพื่อนมู่หรงฉางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว กังวลว่านางจะทำเื่โง่ๆ
มู่หรงฉางซึมเศร้า ใบหน้าซีดขาวราวหิมะ แววตาหม่นหมองไม่พูดไม่จา มักจะนั่งเหม่อมองไปยังจุดๆ หนึ่ง หรือไม่จู่ๆ น้ำตาก็จะไหลออกมาไม่หยุด คนรอบตัวปลุกปลอบอย่างไรก็ไม่เป็ผล
เฉียวเฟยที่อยู่ด้านข้างพูดกับมู่หรงฉือพลางเช็ดน้ำตา “เปิ่นกงรู้ว่าในใจของจาวฮวาเป็ทุกข์อย่างยิ่ง แต่เปิ่นกงกลับช่วยอะไรนางไม่ได้...”
หยวนซิ่วพูดอย่างกังวลใจ “หนูปี้พูดปลอบประโลมองค์หญิงอยู่ครู่หนึ่ง แต่องค์หญิงไม่พูดสิ่งใดสักคำ ทั้งยังไม่รู้ว่าได้ยินหนูปี้บ้างหรือไม่”
เฉียวเฟยพูดพลางร้องไห้ “เหตุใดจาวฮวาถึงต้องพบเจอเื่เช่นนี้? เดิมคิดว่าฝ่าาพระราชทานการแต่งงานให้จะเป็เื่ดี คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนมาเป็เช่นนี้...”
“มิสู้เปิ่นกงพาน้องสาวออกจากวังไปเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจสักหน่อย” มู่หรงฉือเสนอความเห็น
“ไม่เลว ดีกว่าอุดอู้อยู่ในตำหนัก เปิ่นกงกังวลว่านางจะทำเื่โง่ๆ” เฉียวเฟยพูดเสียแหบต่ำด้วยสีหน้าเ็ป ใจสลายแทนบุตรสาว
“เฉียวเฟยเองก็เหนื่อยแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนสักสองสามชั่วยามก่อนเถิด”
“ก็ดีเหมือนกัน”
นางกำนัลข้างกายประคองเฉียวเฟยออกจากตำหนักจิ่งหงไป
หยวนซิ่วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มู่หรงฉาง จากนั้นก็พานางขึ้นรถม้าออกจากวังไปกับมู่หรงฉือ
รถม้าคลาคล่ำอยู่บนท้องถนน เสียงพูดคุยดังครึกครื้น หยวนซิ่วจับองค์หญิงของตนไว้แน่น กังวลว่าองค์หญิงจะพลัดหลงไป
มู่หรงฉางยังคงเหม่อมองไปข้างหน้า ใจลอย แต่ในที่สุดก็มีการตอบรับพวกเขา พวกนางถามอะไร นางจะพยักหน้าหรือส่ายหน้า
“ไป๋ถางเกา[1] ไป๋ถางเกาอร่อยๆ!”
ข้างถนนมีบุรุษคนหนึ่งะโร้องขายของ
หยวนซิ่วนึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้ “เตี้ยนเซี่ย องค์หญิงชอบทานไป๋ถางเกาที่ขายตามตลาดเป็ที่สุดเพคะ ทุกครั้งที่ออกมาก็จะซื้อกลับไปทานทุกครั้ง”
มู่หรงฉือยิ้มแล้วพูด “เช่นนั้นเปิ่นกงจะไปซื้อมา พวกเ้ารออยู่ด้านข้างนี่”
ฉินรั่วไม่ได้ตามไป แต่อยู่คอยคุ้มกันองค์หญิง
มู่หรงฉือซื้อไป๋ถางเการ้อนๆ มาหนึ่งถุงเล็ก พ่อค้าที่มาตั้งร้านเป็คนนิสัยดี ให้นางชิมก่อนหนึ่งชิ้น “ฝีมือการทำไป๋ถางเกาของร้านข้าได้รับการสืบทอดกันมาั้แ่บรรพบุรุษ มีประวัติยาวนานเป็ร้อยปีแล้ว ร้านรวงข้างถนนรวมถึงเพื่อนบ้านต่างบอกว่าไป๋ถางเการ้านข้านั้นอร่อยที่สุดแล้ว ต่อไปคุณชายก็มาทานบ่อยๆ”
นางยิ้มรับคำ จ่ายเงินแล้วหยิบไป๋ถางเกากลับไป
แต่กลับเห็นพวกมู่หรงฉางสามคนยืนอยู่ริมถนน มีสตรีแปลกหน้าสองคนยืนอยู่ตรงหน้าพวกนาง ทั้งสองฝ่ายเหมือนกำลังพูดคุยกันอยู่
มู่หรงฉือเดินเข้าไปอย่างสงสัยใคร่รู้ แต่กลับเดินไปทางด้านข้าง
“พวกเ้าจำผิดคนแล้ว! ยังไม่รีบเดินไปอีก?” หยวนซิ่วตวาดเสียงดุ
“แม่นาง เ้าเหมือนคุณชายผู้หนึ่งที่ข้ารู้จักมากจริงๆ ขอถามสักคำว่าเ้าเป็น้องสาวของคุณชายหรงหรือไม่?” สตรีอายุประมาณสิบแปดปีถามมู่หรงฉางด้วยความอยากรู้เป็อย่างมากด้วยสีหน้ายินดี
มู่หรงฉางจ้องสตรีคนนั้น แววตาพลันเปลี่ยนไป เหมือนได้รับความใอย่างรุนแรง
สายตาของหยวนซิ่วคมปลาบ นางผลักแม่นางคนนั้น “คุณชายหรงอะไรกัน? คุณหนูของข้าไม่รู้จักคุณชายหรงอะไรสักหน่อย!”
สตรีผู้นั้นถอยหลังล้มลงไป โชคดีที่สาวใช้ข้างกายของสตรีผู้นั้นประคองไว้ได้ทัน
สาวใช้ผู้นั้นโกรธแทนเ้านายของตนจึงตวาดเสียงแหลม “เ้าลงมือทำร้ายคนเช่นนี้ได้อย่างไร? ใต้พระบาทโอรส์ยังมีกฎหมายหรือไม่?”
“ตาไหนของเ้าที่เห็นข้าทำร้ายคน?” หยวนซิ่วถามเสียงกร้าว
“ตาทั้งสองข้างของข้าเห็นว่ามือข้างนี้ของเ้าผลักคุณหนูของข้า!” สาวใช้คนนั้นตอบโต้อย่างไม่พอใจ
คนที่ผ่านไปมาหันมาดูพลางซุบซิบกัน
หยวนซิ่วตวาด “ข้าบอกแล้วว่าพวกเ้าจำคนผิด ยังจะมาถามอะไรอีก? รีบไสหัวไป!”
สตรีที่สวมชุดดูดีหน้าตางดงามคนนั้น ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความกังวล “แม่นางท่านนี้อย่าได้โกรธไปเลย เป็พวกเราที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาถาม”
มู่หรงฉือเดินเข้าไปหา ก่อนจะส่งขนมไป๋ถางเกาให้หยวนซิ่ว ยิ้มพลางเอ่ย “แม่นางไม่ใช่คนเมืองหลวงใช่หรือไม่? เ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”
“คุณชาย ข้ามีนามว่าเซี่ยเสี่ยวลู่ เป็คนจินโจว ข้ากับชุนเถาคนรับใช้มาถึงที่เมืองหลวงได้สี่วันแล้ว พักอยู่ที่โรงเตี๊ยม” เซี่ยเสี่ยวลู่สวมชุดคอจีนสีขาวปักลายดอกไม้สีฟ้ากระโปรงหลัวบาน ราวกับบุปผาที่งดงามดอกหนึ่ง “คุณชาย ข้ามาเมืองหลวงเพื่อตามหาคน แต่น่าเสียดายที่มีคนมากมายเต็มไปหมด ข้าจึงไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน”
“ไม่ทราบว่าแม่นางตามหาผู้ใดอยู่หรือ?” มู่หรงฉือถามด้วยความเกรงใจ รู้สึกว่าแม่นางคนนี้พูดจาอ่อนหวาน เป็ผู้มีการศึกษาผู้หนึ่ง
“หาผู้ใดก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเรา” หยวนซิ่วพูดอย่างรำคาญ “คุณชาย คุณหนูยืนอยู่นานแล้ว นางไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ พวกเราไปกันเถิดเ้าค่ะ”
“เ้านายพูดอยู่ เ้าพูดแทรกขึ้นมาทำไม?” ฉินรั่วตำหนิเสียงเบา “หากคุณหนูเหนื่อยแล้ว เ้าก็พาคุณหนูไปพักที่ร้านน้ำชาด้านข้างก่อน”
หยวนซิ่วอ้าปาก สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรอีก
ส่วนมู่หรงฉือสีหน้าราบเรียบเหมือนเื่ราวรอบด้านไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
เซี่ยเสี่ยวลู่หลุบตาลงอย่างเขินอาย “ข้ามาเมืองหลวงเพื่อตามหา...คนรักเ้าค่ะ”
สาวใช้ของนางพูดเสริม “คุณหนูของข้ากับคุณชายหรงชอบพอกัน คุณชายหรงรับปากคุณหนูว่าจะมาสู่ของนาง”
ความคิดของมู่หรงฉือถูกสะกิดเล็กน้อย แซ่หรงอีกแล้ว “คุณชายหรงที่แม่นางชอบนั้นเป็คนเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวลู่พยักหน้า “คุณชายหรงบอกกับข้าเองว่าเขาเป็คนเมืองหลวง คุณชายเป็พี่ชายของแม่นางผู้นี้หรือ?”
มู่หรงฉือพยักหน้า สายตาของเซี่ยเสี่ยวลู่มองสลับไปมาระหว่างนางกับมู่หรงฉาง จากนั้นก็พูด “เป็ข้าที่หุนหันพลันแล่นไปเอง ขอทุกท่านโปรดอภัย ชุนเถา พวกเราไปกันเถิด”
หยวนซิ่วพูดพึมพำ “กลางวันแสกๆ ยังจะเข้ามาทักมั่วซั่ว”
มู่หรงฉือมองสองนายบ่าวค่อยๆ หายไปท่ามกลางฝูงชน ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “หยวนซิ่ว เ้าดุร้ายยิ่งกว่าฉินรั่วเสียอีก”
หยวนซิ่วรีบก้มหน้าทันที พูดอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงอารมณ์ไม่สู้ดี หนูปี้เพียงกังวลว่าองค์หญิงจะถูกเื่กระทบกระเทือนใจเพคะ”
มู่หรงฉือไม่ได้พูดอะไรอีก ความรู้สึก้าปกป้องของหยวนซิ่วก็นับว่าเป็ความซื่อสัตย์
“น้องสาว เ้าชิมไป๋ถางเกาดูสักหน่อย” นางหยิบขนมไป๋ถางเกาอุ่นๆ ชิ้นหนึ่งส่งไปยังปากของมู่หรงฉาง
“อืม” มู่หรงฉางอ้าปากทานเข้าไป
“องค์หญิงทานแล้ว!” หยวนซิ่วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “องค์หญิงชอบทานไป๋ถางเกาเป็ที่สุด”
“เช่นนั้นก็ทานเข้าไปสักหลายชิ้น” มู่หรงฉางส่งขนมไป๋ถางเกาให้หยวนซิ่ว แล้วส่งสายตาไปให้ฉินรั่ว
“ไอหยา เตี้ยนเซี่ย หนูฉายปวดท้องเพคะ...” ฉินรั่วจู่ๆ ก็กุมท้องขึ้นมา ร่างกายงองุ้มเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่นท่าทางปวดมาก
“ทานอะไรไม่ดีจนท้องเสียมาอีกแล้วหรือ? เ้าอยากจะไปห้องน้ำหรือไม่?” มู่หรงฉือถาม
“อยากเพคะ เตี้ยนเซี่ย องค์หญิง พวกท่านไม่ต้องรอหนูฉายแล้วเพคะ อีกประเดี๋ยวหนูฉายค่อยตามกลับวังไปเพคะ” ฉินรั่วกุมท้องของตน
“ฉินรั่วเป็อะไรไปหรือเพคะ?” หยวนซิ่วขมวดคิ้วสงสัย
“บางทีอาจจะทานแตงโมเมื่อตอนสายมากเกินไป” มู่หรงฉือพูดอย่างไม่คิดอะไร “น้องสาว พวกเราไปพักเท้าที่ร้านน้ำชากันดีกว่า”
มู่หรงฉางพยักหน้าหน้านิ่ง
...
นั่งฆ่าเวลาในร้านน้ำชาราวครึ่งชั่วยาม มู่หรงฉือก็พามู่หรงฉางกลับวัง
ฉินรั่วกลับมายามอาทิตย์อัสดง พร้อมกล่าวรายงาน “เตี้ยนเซี่ย หนูฉายเฟ้นหาไปตามถนนถึงสองเส้นถึงจะหาแม่นางเซี่ยเจอเพคะ”
มู่หรงฉือถาม “นางพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมไหน?”
“พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเค่อซื่ออวิ๋นหลายเพคะ หนูฉายถามเถ้าแก่โรงเตี๊ยมแล้ว แม่นางเซี่ยนายบ่าวมาจากเมืองจินโจวจริง มาที่เมืองหลวงได้สี่วันแล้ว และมาเพื่อตามหาคนเพคะ”
“เหตุใดพวกนางถึงจำน้องหญิงผิดไปได้? เ้าเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นให้ฟังหน่อย”
“หนูฉาย องค์หญิง และหยวนซิ่วกำลังยืนอยู่ข้างถนน แม่นางเซี่ยกับสาวใช้ของนางเดิมก็เดินอยู่บนถนน แต่หันมาเห็นพวกเราโดยบังเอิญ จากนั้นแม่นางเซี่ยก็เบิกตากว้าง แล้วรีบเดินเข้ามาหาพลางจ้ององค์หญิงเขม็ง” ฉินรั่วเล่าอย่างละเอียด
ในตอนนั้น เซี่ยเสี่ยวลู่มองมู่หรงฉางด้วยความยินดีเป็อย่างมาก “หรง...ขอถามแม่นางได้หรือไม่ แม่นางแซ่หรงหรือไม่?”
แววตาของหยวนซิ่ววาวโรจน์ขึ้นมา แต่ไม่ยอมตอบ เซี่ยเสี่ยวลู่กับชุนเถาจึงมองหน้ากันก่อนจะถามอีก “ขอถามแม่นาง เ้าแซ่หรงใช่หรือไม่?”
หยวนซิ่วโกรธจัดก่อนจะตอบกลับไป “คุณหนูของข้าไม่ได้แซ่หรง”
“แม่นาง ขอถามได้หรือไม่ว่าเ้ารู้จักคุณชายหรงหรือไม่?” เซี่ยเสี่ยวลู่ทั้งร้อนใจทั้งดีใจ “ข้าตามหาคุณชายหรงเพราะมีเื่ด่วน หากเ้ารู้จักคุณชายหรง ขอเ้าโปรดบอกข้าด้วยเถิด”
“คุณหนูของข้าไม่รู้จักคุณชายหรง! พวกเ้าจำคนผิดแล้ว! ยังไม่รีบไปอีก!” หยวนซิ่วพูดจาไม่ดีใส่
เื่ราวต่อจากนั้นก็เป็ไปตามที่มู่หรงฉือรู้ นางมีท่าทางครุ่นคิด
ฉินรั่วไม่เข้าใจยิ่งนัก “เตี้ยนเซี่ย แม่นางเซี่ยผู้นั้นมาเมืองหลวงเพื่อตามหาบุรุษ เหตุใดนางถึงได้มาถามองค์หญิงว่ารู้จักคุณชายหรงคนรักของนางหรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1] ไป๋ถางเกา เป็ขนมของจีนชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งข้าวเ้า น้ำตาลทรายขาว น้ำ และหัวเชื้อ รสชาติจะออกหวานๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้