หากย้อนเวลากลับไปได้...
เขาพลันยิ้มเยาะเย้ยตนเอง ด้วยนิสัยที่ตรงไปตรงมาและหุนหันพลันแล่นนี้ของตน อย่างไรก็คงเลือกหนทางนี้
เจียงเฉิงเยว่พักอยู่ครู่หนึ่ง เลิกคิดเสียใจกับตนเอง เขาลุกขึ้นแล้วเดินโซเซเพื่อออกจากป่าทึบแห่งนี้ ช่างน่าเสียดายที่เดินมาเป็เวลานานแล้วกลับยังเดินวนอยู่ที่เดิม เขารู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่าตอนที่เขาตกลงไปในอ่างอาบน้ำ ในอ่างมีค่ายกลเคลื่อนย้ายจึงส่งเขามาที่แห่งนี้? ยามนี้ไม่เห็นร่องรอยของ ‘ฮูหยินชี’ ที่แปลกประหลาดผู้นั้นแล้ว เจียงเฉิงเยว่้าจะพบผู้ใดบ้างกลับไม่เจอสักคน
เขาเคลื่อนไหวอยู่เป็เวลานานจึงมองเห็นความเป็ไปได้ว่า ป่าทึบนี้ถูกควบคุมโดยค่ายกลเช่นกัน ทุกครั้งที่ตนเองััขอบของค่ายกลจะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก เขาทำได้เพียงคลำไปตาม ‘กำแพง’ ที่มองไม่เห็นนั้นอย่างช้าๆ จนกระทั่ง ‘กำแพง’ ยื่นเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งบนเนินเขาพร้อมกับไอปีศาจที่แผ่ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่จำเป็ต้องเอ่ยอะไร นั่นคือต้นกำเนิดของค่ายกลนี้
เจียงเฉิงเยว่หายใจเข้าลึก ตัดสินใจลองเสี่ยงบุกเข้าไป ถึงอย่างไรสู้จนตัวตายยังดีกว่าถูกขังจนตายกระมัง
เมื่อเขาเข้าไปในถ้ำ เขาเห็นพืชคล้ายเถาวัลย์ชนิดหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างที่คาดไว้ มีกลีบดอกไม้สีชมพูคล้ายกับก่อนหน้านี้ที่ยกไปให้ ‘ฮูหยินชี’ ส่วนเถาวัลย์นั้นเหมือนกับเถาวัลย์ที่พันธนาการเขาเมื่อครู่ทุกระเบียดนิ้ว ไม่ต้องบอกเลยว่าปีศาจตนนั้นต้องบ่มเพาะในถ้ำนี้อย่างแน่นอน
เจียงเฉิงเยว่เพิ่มความระแวดระวัง เขาจับโม่หลงไว้ในมือและพลิกไว้ด้านหลังแขน ก้าวอย่างเชื่องช้าทีละก้าว ในถ้ำฝังไว้ด้วยไข่มุกราตรี[1] หลายขนาด แสงสลัวสาดส่องมวลดอกไม้ที่อยู่เต็มพื้นดิน บรรยากาศคลุมเครือเป็อย่างยิ่ง ครั้งนี้ไม่มีการขวางกั้นของค่ายกล กลิ่นหอมของดอกไม้ที่รุนแรงช่างอบอวลจนทำให้เขาวิงเวียนศีรษะและตาพร่าเล็กน้อย
เขาเดินตรงไปจนถึงส่วนลึกของถ้ำ ภายในถ้ำยังคงเงียบงันไร้สุ้มเสียง เจียงเฉิงเยว่อดสงสัยไม่ได้ หรือว่าเ้าของถ้ำไม่อยู่? เมื่อเขาหยุดฝีเท้าแล้วมองไปโดยรอบ ภายในถ้ำที่กว้างขวาง ทันใดนั้นกลับมีสายลมพัดมา ก่อนที่เสียงหัวเราะที่เหมือนกับระฆังเงินของหญิงสาวจะดังขึ้นรอบด้าน
เจียงเฉิงเยว่จ้องมองก่อนเหม่อลอยในทันที ทั้งถ้ำเต็มไปด้วยหญิงสาวเปลือยกาย ความงามล่มเมืองที่ละลานตาล้วนมีทั้งหมด หลังมองไปยังผิวสีเนื้อราวกับน้ำใส เหล่าหญิงสาวต่างยิ้มหวานหยาดเยิ้ม พร้อมล่อลวงสรรพชีวิตทั้งหมด
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว กำลังจะด่าว่า ‘ไร้ยางอาย’ กลับรับรู้ได้ว่าร่างกายของตนมีการตอบสนองตามสัญชาตญาณ เขาตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ไม่สนใจที่จะด่าทออีก กลับละอายใจที่ตนเองไร้ค่าอย่างยิ่ง ทั้งยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยพบภูตผีที่้าจะล่อลวงเขาในปรโลกมาก่อน แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหน้าแดงและหายใจถี่เช่นนี้ หรือว่าร่างกายขององค์ชายเฉินจะไม่ได้เื่กัน? เมื่อคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาจึงเริ่มเข้าใจ กลิ่นหอมของดอกไม้นั้นมีบางอย่างประหลาด!
หลังจากคิดถึงตรงนี้ เขากลั้นหายใจทันที ก่อนใช้พลังิญญาผนึกประสาทรับกลิ่นของตนเอง
เมื่อนางปีศาจเห็นท่าทางนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉิงชางจวินเพิ่งกลั้นหายใจยามนี้ ไม่คิดว่าสายเกินไปหรือ?” เจียงเฉิงเยว่มองตามเสียงกลับเห็นว่าเป็ ‘ฮูหยินชี’ ที่เคยพบ ยามนี้คลุมตัวด้วยแพรโปร่งที่จะปิดบังก็ไม่มิด จะเปิดเผยก็ไม่ทั้งหมดกำลังยืนยืนอยู่ท่ามกลางสตรี
เจียงเฉิงเยว่รู้ว่าตนเองมาถูกทางแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด เขาเพียงจ้องนางอย่างเ็า ทว่าภาพตรงหน้ากลับแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าสตรีดูเหมือนกำลังลอยอยู่ในอากาศ งอกปีกออกมาคล้ายกับผีเสื้อบินผ่านใบหน้าเขา หลงเหลือสายลมที่มีกลิ่นหอมและเสียงหัวเราะแ่เบา ทั้งยังถามด้วยน้ำเสียงหยาดเยิ้มแฝงความออดอ้อน “เซียนจวินไม่ชอบข้าเลยหรือ...”
“เหตุใดเซียนจวินต้องอดทน”
เจียงเฉิงเยว่ยังคงไม่วางใจแล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดจมูก อีกมือหนึ่งฟาดโม่หลงไปยังพวกนางด้วยความโกรธ นางปีศาจที่ถูกเขาฟันไปนั้นกลับกระจายไปในอากาศราวกับไอหมอก เริ่มส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดชั่วร้ายข้างหู
‘ฮูหยินชี’ ยืนอยู่ไกลๆ ปิดปากยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ห้องนี้เต็มไปด้วยความงามอันน่าทึ่ง ถึงกับไม่มีผู้ใดที่ฉิงชางจวินถูกใจเลยหรือ? แต่ก็ไม่เป็ไร ฉิงชางจวินรู้ไหมว่ากลิ่นนี้เรียกว่าอะไร? กลิ่นนี้เรียกว่า ‘น้ำค้างแห่งรัก’ ฉิงชางจวินโปรดวางใจเถิด แม้ว่าที่นี่จะไม่มีคนที่ฉิงชางจวินชอบ แต่ก็สามารถสร้างคนผู้หนึ่งออกมาเพื่อให้ท่านสานสัมพันธ์ เซียนจวินเข้ามาในถ้ำขายิญญาของข้าแล้ว หากไม่ขายิญญาแล้วจะออกไปได้อย่างไรเล่า ฮิๆๆๆๆ”
ขณะที่นางพูด เจียงเฉิงเยว่รู้สึกว่าเส้นขนบนร่างราวกับถูกใครััด้วยเจตนาร้าย แต่เมื่อก้มศีรษะลงกลับเห็นเถาวัลย์ดอกไม้เ่าั้เมื่อครู่ เจียงเฉิงเยว่เคยได้รับความทรมานจากสิ่งนี้จึงตั้งใจที่จะต่อต้าน เขาให้โม่หลงฟาดฟันอย่างไม่ไว้ไมตรี
ในที่สุดเขาก็โมโหจึงด่าทอด้วยความโกรธ “ปีศาจชั่ว! แค่ภาพมายาหื่นกามเล็กน้อย คิดจะจัดการข้าหรือ? ไม่ประมาณตนเสียจริง!” กล่าวจบเขาะโขึ้น โม่หลงถูกตนทำให้กลายเป็หลายชิ้นส่วนราวกับพร้อมระบายความแค้น เขาสาบานว่าจะต้องกำจัดนางปีศาจที่ไร้ยางอายในห้องนี้ให้จงได้ ทันใดนั้นกลับมีเสียงเรียกแ่เบาที่ข้างหู “เสด็จพี่...”
เจียงเฉิงเยว่ตะลึงงัน ่เวลาที่ตกตะลึงอยู่ ทั้งร่างพลันถูกบางสิ่งรัดไว้อย่างโเี้จนเคลื่อนไหวไม่ได้ หลังกลับมามีสติก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงอย่างคาดไม่ถึง และบนเตียงนั้น ห้องนั้น คนผู้นั้น...เขาคุ้นเคยเป็อย่างยิ่ง นั่นเคยเป็ห้องนอนของเขา และเตียงของเขาที่วิหารหลิงเซียวบนเขาฉีหวนกับคนที่นอนบนเตียงเดียวกับเขา ไม่จำเป็ต้องบอก นั่นคือหลี่อวิ๋นหังที่ดูอายุราวสิบสี่ปี
เจียงเฉิงเยว่เบิกตากว้างอย่างสั่นสะท้าน แม้จะรู้ชัดเจนว่านี่คือภาพมายากลับยังลังเลอยู่สักพัก
หลี่อวิ๋นหังกอดเขาแน่นอย่างออดอ้อน วางหน้าไว้ที่หลังลำคอแล้วถามเสียงนุ่ม “ฝันร้ายหรือ? ทำไมเหงื่อเย็นไปทั้งร่าง?” ขณะที่พูดเขายื่นมือเข้ามาในปกเสื้อ ลูบไล้บนผิวที่ลื่นและชื้นของตนแ่เบา
“อา อาหัง” เจียงเฉิงเยว่ร่างแข็งทื่อราวกับรูปปั้นดินเหนียว ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
“เสด็จพี่” หลี่อวิ๋นหังจูบที่ติ่งหูเล็กของเขา ลมหายใจร้อนที่พ้นิัอันเย็นเยียบช่างแผดเผาและยั่วยวน ฝ่ามือนั้นยังคงไม่ยอมหยุด เหมือนกับการโจมตีและรุกรานรอบตัวเมือง สุดท้ายกลับยื่นมือมาที่เอวของเขาแล้วดึงสายรัด
ทันใดนั้น เจียงเฉิงเยว่ใราวกับถูกสายฟ้าฟาด ความละอายใจพลุ่งพล่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และความละอายใจนี้เองทำให้ตัณหาที่มีอย่างขาดสติ เริ่มทุเลาลง กลับมาคงสติไว้ได้เล็กน้อย เขารีบคว้ามือของหลี่อวิ๋นหัง ขณะเดียวกันก็อุทานพร้อมส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ได้ๆ ไม่ได้นะ!”
หลี่อวิ๋นหังยังไม่ยอมปล่อยมือ อีกฝ่ายจูบที่ริมฝีปากของเขาแล้วถามอย่างไม่พอใจ “เพราะเหตุใด...ข้าชอบเสด็จพี่ เห็นได้ชัดว่าเสด็จพี่เองก็ชอบข้าไม่ใช่หรือ?”
ขณะที่เจียงเฉิงเยว่กำลังจะอ้าปาก ริมฝีปากอ่อนนุ่มเผยอออกเล็กน้อย ลิ้นของหลี่อวิ๋นหังสอดเข้ามาราวกับงูิญญาจ้องหาโอกาส จูบที่ลึกซึ้งเริ่มขายิญญาทำลายกระดูก ทั้งร่างของฉิงชางจวินกลับมาสั่นสะท้าน
ทั้งจิตสำนึกและสติต่างจมดิ่งลงไปพร้อมกัน ทว่าในก้นบึ้งหัวใจยังมีบางสิ่งที่ดึงเขาไว้อย่างแ่า บอกกับเขาว่าไม่ถูกต้อง เื่เช่นนี้ไม่ถูกต้อง!
ใช่ เขาชอบหลี่อวิ๋นหัง และหลี่อวิ๋นหังเองก็ชอบเขาด้วย...ทำไมถึงทำไม่ได้กันเล่า?
เจียงเฉิงเยว่ตื่นขึ้นโดยพลัน จากนั้นผลักอีกฝ่ายออก “ไม่ได้ๆ ทำเช่นนี้ไม่ได้ เ้า เ้ายังเด็กเกินไป! ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้!”
“เสด็จพี่”
หลังจากตระหนักถึงบางสิ่ง ในที่สุดเจียงเฉิงเยว่ก็เรียกคืนสติได้เล็กน้อยจากภาพมายา ไม่ นี่ไม่ใช่หลี่อวิ๋นหังเลยอย่างสิ้นเชิง!!! หลี่อวิ๋นหังที่เคยจูบเขาในอดีต หลี่อวิ๋นหังที่อายุสิบสี่ปียังไม่บรรลุนิติภาวะ จูบนั้นช่างไร้เดียงสานัก ถึงกับมีความเลื่อมใสและความเคารพ แม้ว่าจะเป็เพียงััเบาๆ แต่รสชาตินั้นช่างหอมหวานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่ไม่ใช่อาหังของเขา! เป็เพียงปีศาจที่กลายร่างจากภาพมายาเท่านั้น!!!
เจียงเฉิงเยว่ครุ่นคิด ราวกับว่ามีใครลอบดูความปรารถนาส่วนลึกที่สุด ซึ่งเป็ความลับที่น่าอับอายที่สุดในก้นบึ้งจิตใจ ปีศาจเช่นนี้ ปีศาจเช่นนี้กล้าดีมาเทียบกับอาหังของข้าได้อย่างไร?!
“โม่หลง!” เขาะโอย่างโกรธจัดราวกับฟ้าคำราม ถือโม่หลงคว่ำลงก่อนที่ร่างจะลอยขึ้น ้าฟันภาพมายาตรงหน้า แม้ว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือใบหน้าที่เขาถวิลหาและตราตรึงอยู่ในหัวใจ โดยที่ใบหน้านั้นเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปต่อหน้าต่อตาเขา ความอ่อนเยาว์และไร้เดียงสาจางหาย ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็ลึกล้ำและเ็า ทว่ายังคงงดงามและดูดีเพียงพอที่จะพลิกคว่ำสรรพชีวิต
เจียงเฉิงเยว่โกรธมากอย่างไม่อาจควบคุม! เขาพาดโม่หลงไว้ที่ลำคอของปีศาจ จากนั้นพลิกตัวนั่งบนร่างของปีศาจตนนั้น ก่อนที่จะฟาดดาบยังไม่ลืมที่จะด่าทอด้วยความโกรธ “ปีศาจชั่วไร้ยางอาย! เ้าคิดจริงหรือว่าเปลี่ยนเป็รูปลักษณ์ปัจจุบันของเขาแล้วจะสามารถล่อลวงข้าได้อีก?!” หากลองคิดดูแล้ว หากปีศาจตนนั้นได้ยินที่เขาคิดว่าหลี่อวิ๋นหังยังเด็กเกินไปจึงกลายร่างเป็หลี่อวิ๋นหังวัยผู้ใหญ่ เขาถูกผู้อื่นเปิดโปงความคิดอย่างไร้ไมตรีอีกครั้ง เจียงเฉิงเยว่จะไม่โมโหได้อย่างไรกัน?!
หลี่อวิ๋นหังที่ถูกกดอยู่ใต้ร่างของเขากลับนอนลงบนพื้น เผยความตะลึงเล็กน้อย
สายลมหนาวพัดมาปะปนกับกลิ่นหอมของหญ้าสีเขียว ทำให้ตัณหาที่เดือดพล่านในปัจจุบันของฉิงชางจวินจากความหื่นกามสงบลงชั่วคราว กระทั่งเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาเริ่มเหม่อลอยจึงไม่ได้ฟาดดาบให้ทันเวลา
“ท่านอาจารย์!”
“ฉิงชางจวิน!”
เสียงเรียกที่ค่อนข้างอึดอัดใจสองเสียงะโออกมาพร้อมกัน เสียงนั้นช่างคุ้นเคยยิ่งนัก เจียงเฉิงเยว่รีบเงยหน้ามอง กลับเห็นไป้เอ๋อร์กับอี้จื่ออีที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ริมฝีปากอ้าค้าง
เจียงเฉิงเยว่นิ่งค้าง ไม่ฟื้นคืนสติอยู่เป็เวลานาน
สถานการณ์แปลกๆ นี้ยังคงดำเนินไปสักพัก หลังจากนั้นเจียงเฉิงเยว่ก้มศีรษะลงมองหลี่อวิ๋นหังที่นอนอยู่ใต้ร่างเขาด้วยความงุนงง เขาถึงค่อยๆ เข้าใจขึ้นมา เกรงว่าจะไม่ใช่ภาพมายา และเป็...หลี่อวิ๋นหังตัวจริงอย่างแท้จริง!
ขณะนี้ หลี่อวิ๋นหังเก็บความรู้สึกประหลาดใจลงไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองเป็ประกายมองตรงไปที่อีกฝ่าย ดวงตาคู่นั้นเผยความซับซ้อนที่ตนเองไม่เข้าใจ ทั้งยังร้อนจัดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถึงอย่างนั้นกลับดูเ็า
ฉิงชางจวินรู้สึกอับจนหนทางเป็อย่างมาก เสื้อผ้าของเขาที่เปียกโชกยามอยู่ในน้ำเมื่อครู่ยังไม่แห้งดี ทั้งยังเปียกชื้นติดอยู่บนร่างกาย แป้งสีขาวกับเครื่องสำอางหนาบนใบหน้าถูกน้ำในทะเลสาบล้างจนสะอาดเกลี้ยง เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มขาวนวล ผมสีหมึกราวกับก้อนเมฆบนศีรษะดึงไว้ด้วยหวนจี้[2] คู่ของสตรี เขาใมากเกินไป แม้กระทั่งริมฝีปากยังดูซีดเซียว กลับยิ่งทำให้ดูน่าเวทนามากขึ้น
แววตาที่ว่างเปล่าของเขาสบกับดวงตาของหลี่อวิ๋นหัง เขาตกตะลึงอีกครั้งก่อนที่ราวกับจะถูกปลุกขึ้นมา เขา เขา เขานั่งทับซ่างเซียนจากแดน์ และเป็เ้าแห่งวังหลิงปี้ไว้ใต้ร่าง!!! เดิมทีเขาตัดสินใจแล้วว่าจะติดต่อกับหลี่อวิ๋นหังคนปัจจุบันเป็อย่างดี จะประจบสอพลอ เพราะท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายคือเซียนจวินที่ถูกส่งลงมาเพื่อสืบสวนตนเอง นับว่าเป็ผู้กุมอำนาจความเป็ตาย แม้ว่ายังมีความแค้นในอดีตต่อกัน อย่างไรก็ไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองใจโดยเด็ดขาด...ถึงอย่างนั้นแล้ว เกรงว่าครั้งนี้จะทำให้ขุ่นเคืองใจไปจนถึงบ้านยาย[3] เสียแล้วกระมัง!
หลังจากตกตะลึงอยู่นาน ตัณหาที่เกิดจากความหื่นกามที่ไม่เคยได้ระบายออกจึงหวนกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เจียงเฉิงเยว่ยังคงอยู่บนร่างของซ่างเซียนแห่งวังหลิงปี้ในยามนี้ เมื่อตระหนักได้ เขากลับตกตะลึงไม่หยุด รีบพลิกตัวลงมาจากร่างของหลี่อวิ๋นหังล้มลงไปนั่งกับพื้น เท้าถีบพื้นที่อยู่ตรงหน้า ขยับไปด้านหลังทีละนิดอย่างไม่รีรอ จนกระทั่งแผ่นหลังไปชนกับลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังจึงจำเป็ต้องหยุด
ชั่วขณะนี้ ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็สีแดงอมม่วง
เจียงเฉิงเยว่เหลือบไปเห็นว่าตรงเป้ายังคงดันเสื้อผ้าขึ้นมาอยู่ จึงงอขาราวกับ้าซ่อนเร้น ฝ่ามือทั้งสองโอบรอบเข่าแล้วนิ่งเงียบไป
ตอนนี้เขาอยากจะตายไปเสีย!
หากในโลกนี้มีใครที่ตายเพราะอับอายมากเกินไปได้จริง เขาคือคนแรก ณ ตอนนี้เขาเพียงอยากใช้มือขุดรอยแยกบนพื้นแล้วมุดหนีไป
“ท่านอาจารย์...” ไป้เอ๋อร์น้อย้าวิ่งไปกอดเพราะเป็ห่วงอาจารย์มากเกินไป อี้จื่ออีที่อยู่ด้านหลังกลับกอดเอวเขาไว้เพื่อหยุด รีบบอก “อย่าไป กลิ่นหอมบนตัวอาจารย์ของเ้ามันแปลกยิ่ง!”
เจียงเฉิงเยว่ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หลังจากนั้น เขาฝังใบหน้าที่ร้อนจัดไว้ที่ระหว่างเข่าแล้วขดตัวกลม
------------------------
[1] ไข่มุกราตรี หมายถึง ไข่มุกที่เปล่งแสงแวววาวยามค่ำคืนได้
[2] หวนจี้ หมายถึง มวยผมสองข้างของสตรีในยุคโบราณ
[3] บ้านยาย เป็การอุปมา หมายถึง สถานที่ห่างไกล
