เมื่อหลินเฟิงเดินมาออกจากช่องผา ก็เห็นเงาของผู้คนจำนวนมากกำลังวิ่งไปในทิศทางเดียวกันอย่างต่อเนื่อง
“สหาย เกิดอะไรขึ้น?” หลายๆ คนต่างก็รู้สึกสับสนเหมือนกับหลินเฟิง เขายื่นมือไปคว้าแขนของสหายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งไปด้านนั้น แล้วถามอย่างสงสัย
“เ้าไม่รู้หรือ? ที่หุบเขาเฮยเฟิงมีคลื่นสัตว์อสูร พวกสัตว์อสูรปีศาจจำนวนมากเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา ทำให้ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ต่างรีบไปที่นั่น”
“คลื่นสัตว์อสูร?” ดวงตาของคนคนนั้นเปล่งประกายความตื่นเต้นออกมา เขารีบตามคนอื่นๆ ไปยังหุบเขาเฮยเฟิงทันที
นิกายหยุนไห่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี แต่ประวัติศาสตร์ของหุบเขาเฮยเฟิงกลับยาวนานยิ่งกว่า และยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้นการเกิดคลื่นสัตว์อสูรจึงไม่ใช่เื่แปลก แต่ส่วนใหญ่จะเป็แค่คลื่นสัตว์อสูรขนาดเล็ก
เมื่อหลายร้อยปีก่อน หุบเขาเฮยเฟิงได้เกิดคลื่นสัตว์อสูรครั้งใหญ่ขึ้น ซึ่งนั่นก็เกือบทำให้นิกายหยุนไห่ต้องพังพินาศ ครั้งนั้นไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรปีศาจระดับปกติ กระทั่งสัตว์อสูรปีศาจระดับจิติญญา และสัตว์อสูรปีศาจระดับลี้ลับที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ต่างพากันปรากฏตัวขึ้นมา ไม่ว่าพวกมันจะย่างกรายไปที่ใด ที่นั่นล้วนมีแต่ความตายเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน
มีข่าวลือว่าผู้นำของคลื่นสัตว์อสูรในครั้งนั้น เป็สัตว์อสูรปีศาจระดับเวหากลายพันธุ์ตนหนึ่ง
เนื่องจากกาลเวลาผ่านไปนานจนเกินไป ดังนั้นคนที่รู้เื่ราวเกี่ยวกับคลื่นสัตว์อสูรในครั้งนั้นจึงมีน้อยมาก ทุกคนต่างรู้ว่าทุกครั้งที่เกิดคลื่นสัตว์อสูร ถึงแม้มันจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่ทว่าก็เป็โอกาสที่ดี
นอกจากที่พวกเขาสามารถขัดเกลาความแข็งแกร่งของตัวเองได้แล้ว ยังมีโอกาสได้รับแกนอสูรเป็จำนวนมากอีกด้วย
การต่อสู้กับสัตว์อสูรปีศาจ เป็การต่อสู้ด้วยชีวิตอย่างแท้จริง
“ไม่คิดเลยว่า จะเกิดคลื่นสัตว์อสูรก่อนการทดสอบของนิกาย” หลินเฟิงคิดในใจเงียบๆ ก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเฮยเฟิง
หลังจากที่หลินเฟิงจากไปได้ไม่นาน หลิ่วเฟยก็เดินออกมาจากช่องผา หลังจากที่นางทราบข่าว ก็รีบเดินทางไปยังหุบเขาเฮยเฟิงทันที
นิกายหยุนไห่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงของูเาหยุนไห่ประหนึ่งเสาค้ำฟ้า บนพื้นที่อันกว้างขวาง มีเงาร่างของผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังนั่งมองฝุ่นควันที่ลอยคลุ้งอยู่ไม่ไกลจากนิกาย สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียด และบรรยากาศก็อึมครึมเต็มไปด้วยแรงกดดันบางอย่าง ผู้นำของพวกเขาเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของศิษย์หลักนามหลิ้งหูเห่อซาน
“กลิ่นอายของสัตว์อสูรปีศาจช่างรุนแรงยิ่งนัก ดูเหมือนว่าคลื่นสัตว์อสูรในครั้งนี้จะมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว” หลิ้งหูเห่อซานทอดสายตามองไปไกล ขณะที่ลุกขึ้นยืนและก้าวไปข้างหน้า พริบตาเดียวร่างของเขาก็พุ่งไปไกลนับสิบเมตร
“หลิ้งหูทะลวงคอขวดได้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาคงคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่ง 1 ใน 8 ของคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่” ฝูงชนมองไล่หลังหลิ้งหูเห่อซานไป ด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน พวกเขาต่างทราบดีว่าตอนที่คุณชายต้าเผิงมาเยือนที่นิกายหยุนไห่ คนคนนั้นหยิ่งผยองมากแค่ไหน และนั่นคงสร้างความะเืใจให้กับหลิ้งหูเห่อซานเป็อย่างมาก หลังจากวันนั้นหลิ้งหูเห่อซานก็ปิดด่านฝึกตน จนกระทั่งเพิ่งออกจากการฝึกตนเมื่อไม่นานมานี้
…
ณ หุบเขาเฮยเฟิง บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสัตว์อสูร เหล่าผู้าุโและศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ต่างทยอยกันมาที่นี่อย่างต่อเนื่อง
ตรงปากทางเข้าของหุบเขาเฮยเฟิง ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เสียงร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของเหล่าสัตว์อสูรปีศาจดังลอดมาจากด้านในหุบเขาเฮยเฟิง ตอนนี้ศิษย์จากนิกายหยุนไห่ล้วนพากันพุ่งเข้าไปโจมตีเหล่าสัตว์อสูรปีศาจจนเืสาดกระเซ็นปะปนอยู่ในอากาศประหนึ่งฝนเื
ในขณะนั้นบนหินก้อนใหญ่ได้มีผู้าุโม่อเสียยืนอยู่บนนั้น เสื้อคลุมของเขาโบกพลิ้วไปตามสายลม
“ท่านผู้าุโม่อ ศิษย์เหล่านี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้จะเป็เพียงศิษย์สายนอก แต่กลับสามารถต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวได้” ผู้าุโท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ม่อเสีย กล่าวชมอย่างประจบประแจง
“ฮ่าๆ คลื่นสัตว์อสูรในเขตนี้ไม่คณนามือหรอก อย่างมากก็แค่ช่วยเพิ่มความครึกครื้นให้กับนิกายหยุนไห่เท่านั้น”
ม่อเสียหัวเราะออกมาอย่างหยิ่งผยอง เขาไม่เห็นคลื่นสัตว์อสูรเหล่านี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ท่านผู้าุโม่อ ท่านผู้าุโม่อเสีย…”
ตอนนี้เองฝูงชนก็ได้หลั่งไหลมารวมตัวกันมากขึ้น และโค้งกายทำความเคารพผู้าุโม่อเสียอย่างสุภาพ
ในตอนนั้นได้มีเงาผ่านร่างม่อเสียอย่างรวดเร็ว พุ่งไปยังสัตว์อสูรปีศาจ
ประกายแสงอันเยือกเย็นสว่างวาบขึ้นมา พร้อมกับเสียงสายฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่ว ทันใดนั้นหัวของสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8 ก็พลันร่วงลงมา
“อัสนีกัมปนาท” หลินเฟิงตวัดดาบฟันอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ร่างของเขาพุ่งเข้าไปตัดหัวแรดคลั่ง ทำให้มันตายทันที
ปลายดาบของหลินเฟิงกวัดแกว่งอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เก็บแกนอสูรขึ้นมาใส่กระเป๋า แกนอสูรเหล่านี้นับได้ว่าเป็ของล้ำค่า ซึ่งสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็ของที่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะได้เป็จำนวนมาก
บนก้อนหินใหญ่ เมื่อม่อเสียเห็นหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าออกมา เป็ไอ้หมอนี่อีกแล้ว ครั้งก่อนก็เป็มันที่ทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คน มันกล้าตั้งคำถามที่รุนแรงขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนไม่เห็นหัวเขา ทำให้เขาต้องเสียหน้าเป็อย่างมาก แต่ม่อเสียก็คาดไม่ถึงเลยว่าไม่พบกันแค่ไม่กี่วัน ทักษะดาบของหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้
“ความเร็วในการเติบโตของมันไม่เลวเลย แต่ศิษย์สายนอกที่กล้าขัดใจข้า ต่อให้ดีแค่ไหนก็เลี้ยงไว้ไม่ได้!!!” ม่อเสียคิดในใจอย่างเ็า เื่ในวันนั้นเขาไม่มีวันลืมโดยเด็ดขาด หากวันนั้นไม่มีจิติญญาแห่งเงาโผล่ขึ้นมาล่ะก็ เขาคงไม่ต้องเจอหลินเฟิงอีก
“หยุดมือ!!!” ในตอนนั้นเองม่อเสียก็ะโสั่งหลินเฟิงให้หยุดมือ ทำให้หลินเฟิงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหยุดการเคลื่อนไหว แล้วหันไปมองม่อเสีย
“ท่านผู้าุโมีเื่อันใดหรือ?” หลินเฟิงถาม
“ไอ้สารเลว เ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์อสูรปีศาจเลยสักตัว แต่กลับฉวยโอกาสขโมยแกนอสูรของคนอื่นไป ช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก เ้ายังเห็นนิกายหยุนไห่ได้อยู่ในสายตาหรือไม่?”
ม่อเสียตะคอกเสียงแหลมออกมา เขาไม่รีรอที่จะสวมหมวกลงบนหัวของหลินเฟิง ในฐานะผู้าุโสายใน หากเขา้าให้หลินเฟิงตายก็สามารถทำได้ง่ายๆ
“ท่านผู้าุโ รบกวนท่านชี้แจ้งด้วยว่าข้าไปขโมยแกนอสูรเ่าั้ั้แ่เมื่อไร” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ในใจเริ่มแสยะยิ้มอย่างเ็า ครั้งก่อนม่อเสียก็เกือบจะฆ่าเขา ด้วยการมอบเขาให้กับหลินเชียนและคุณชายต้าเผิงอะไรนั่นจัดการ แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ม่อเสียยังจะคิดแค้นตัวเองอยู่ คนคนนี้ช่างเป็คนที่มีจิตใจคับแคบมาก อยากจะรู้นักว่าเคยไปกระทำผิดอะไรต่อเขา ถึงได้ทำให้เขาจองล้างจองผลาญไม่เลิกเช่นนี้
“ไอ้สารเลว ทำไมเ้าถึงกล้าพูดจาเช่นนี้กับท่านผู้าุโ?” ผู้าุโสายนอกที่ยืนอยู่ข้างๆ ม่อเสีย ตวาดใส่หลินเฟิงอย่างโมโห
ผู้าุโสายนอกผู้นี้มีชื่อว่า เห่อฉง พลังของเขาไม่เลวเลย ด้วยความที่อยากจะพึ่งพาม่อเสียให้ช่วยผลักดันตัวเองขึ้นไปในตำแหน่งสูงๆ จึงฉวยโอกาสนี้แสดงความซื่อสัตย์ของตัวเองออกมา เขาไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้หลุดมือไปแน่
“ข้าบอกว่าเ้าขโมยแกนอสูรก็คือขโมย ยัง้าให้ข้าชี้แจงอะไรอีก?” ม่อเสียเยาะเย้ยออกมา หลินเฟิงบังเอิญมาที่นี่เพราะคลื่นสัตว์อสูร ท่ามกลางความโกลาหลเช่นนี้ เขาสามารถยกข้ออ้างมั่วๆ ขึ้นมาสักข้อ แล้วจัดการสังหารมันเสียที่นี่ แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิเขา
หลังจากที่หลินเฟิงตายไป จะมีศิษย์สายนอกคนไหนคิดจะโผล่หัวออกมาพูดความจริงพวกนี้??? หึๆ ถ้าจะโทษ ก็โทษตรงที่ช่องว่างของพวกเรามันต่างชั้นกันเกินไป ใครใช้ให้ข้าเป็ผู้าุโสายใน ส่วนเ้า!!! ก็เป็เพียงศิษย์สายนอกกันล่ะ?!
“เหอะ!!! ก็แค่รุ่นเยาว์ที่ดูมีอนาคตเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น คิดจะมางัดข้อกับผู้าุโสายในอย่างข้าได้อย่างไรกัน?” ม่อเสียหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เขาตัดสินใจจะจบชีวิตหลินเฟิงที่นี่
“ช่างเป็ผู้าุโที่ไร้ยางอายยิ่งนัก” หลินเฟิงก่นด่าม่อเสียอยู่ในใจ บอกว่าข้าเป็ขโมยก็คือขโมยและ้าที่จะลงโทษข้า ม่อเสียเป็ถึงผู้คุมกฎของนิกาย แต่กลับใช้อำนาจมารังแกคนอื่น ช่างเลวยิ่งนัก เดิมทีด้วยสถานะที่ต่ำต้อยก็ไม่สามารถต่อต้านอำนาจของอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว อย่างไรเสียศิษย์สายนอกคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะผู้าุโสายในได้อย่างไร?
กระทั่งสิทธิ์ที่จะแก้ต่างก็ยังไม่มี บอกว่าข้าผิด ข้าก็ต้องผิด
“ม่อเสีย ข้ารู้ว่าท่าน้าจะสังหารข้า ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรทั้งนั้น แต่ท่านแน่ใจแล้วหรือว่ามีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้?”
หลินเฟิงมองม่อเสียขณะที่พูดอย่างเ็า ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและความเย่อหยิ่ง
“หืม?” ม่อเสียขมวดคิ้ว ทำไมหลินเฟิงถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้ล่ะ
“ม่อเสีย ข้าเป็แค่ศิษย์สายนอกคนหนึ่ง ส่วนท่านก็เป็ถึงผู้าุโสายใน ท่านยังจะกลัวอะไร อยากฆ่าก็ฆ่าเลยสิ ข้าก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วไง”
หลินเฟิงเห็นม่อเสียขมวดคิ้ว จึงกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงดูเบา ราวกับว่าไม่เห็นม่อเสียอยู่ในสายตา ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็ถึงผู้าุโสายในก็ตาม
“หรือว่า…” สีหน้าของม่อเสียพลันซีดเผือดขึ้นมา เมื่อนึกถึงเงาที่ปรากฏขึ้นในวันนั้น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวขึ้นมา
ที่แท้มันก็มีผู้ฝึกยุทธ์ลึกลับคอยปกป้องนี่เอง ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถต้านทานได้ ในเมื่อครั้งก่อนคนคนนั้นได้ช่วยชีวิตหลินเฟิงไว้ ครั้งนี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่บริเวณใกล้ๆ นี้?! ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กนี่คงไม่กล้าทำตัวอวดดีเช่นนี้แน่
พอนึกถึงเงาที่น่ากลัวนั่น ม่อเสียก็อดไม่ได้ที่จะขวัญอ่อนและหวาดกลัวขึ้นมา ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
ดวงตาจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างอาฆาต เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของหลินเฟิงที่ปราศจากซึ่งความกลัวใดๆ ก็ยิ่งทำให้ม่อเสียคิดว่าสิ่งที่ตนคาดการณ์นั้นเป็ความจริง
“เห่อฉง ไป ‘จับ’ มัน” ม่อเสียออกคำสั่งกับเห่อฉงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้สั่งให้ฆ่าหลินเฟิง แค่บอกให้ไปจับมันเท่านั้น เพียงแต่ว่าม่อเสียเน้นหนักคำว่า ‘จับ’ เพื่อเป็การบอกนัยๆ ให้เห่อฉงทราบ
“ขอรับ” เห่อฉงตอบรับและพุ่งไปข้างหน้าทันที
“โง่จริงๆ” หลินเฟิงกวาดสายตามองเห่อฉงและด่าออกไปอย่างชัดเจน
“เ้าว่าอะไรนะ?” เห่อฉงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เป็แค่ศิษย์สายนอกคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับกล้าด่าว่าเขาโง่อย่างไม่มีเหตุผลต่อหน้าฝูงชนเนี่ยนะ?! จะอวดดีเกินไปแล้ว!!!
“ขนาดผู้าุโม่อเสียยังไม่กล้าแตะต้องตัวข้าเลย แต่กลับให้ท่านลงมือแทนเขา แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือ?”
หลินเฟิงมองเห่อฉงอย่างยิ้มเยาะ และกล่าวต่อไปว่า “อย่าบอกนะว่าท่านดูไม่ออก? ที่ข้ากล้าด่าผู้าุโม่อเสียก็เพราะว่าเขาใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ทั้งๆ ที่ปากก็ว่าข้าผิด แต่ท่านดูผู้าุโม่อเสียสิ กล้าเข้ามาแตะต้องข้าหรือไม่?”
“ผู้าุโม่อเสียไม่กล้าแตะต้องข้า แต่ใช้ท่านมาตายแทนเขา ทั้งๆ ที่เป็เช่นนี้ ท่านกลับดูยินดีปรีดาเหลือเกิน ที่ข้าบอกว่าท่านโง่ก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นะเื ทำให้ดวงตาของเห่อฉงเกิดความลังเลขึ้นมา
เขาแอบหันไปมองม่อเสีย ก็พบว่าอีกฝ่ายดูโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นม่อเสียก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงมือกับหลินเฟิงด้วยตัวเองเลยสักนิด ความมั่นใจของเห่อฉงพลันสั่นคลอนขึ้นมา
“ม่อเสียผู้นี้มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง แต่กลับคิดจะส่งเขาไปตายแทน?” เห่อฉงเริ่มวิเคราะห์บทสนทนาระหว่างหลินเฟิงกับม่อเสียอยู่ในใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันอาจจะเป็ไปได้ เื้ัของม่อเสียมีบิดาคอยให้การสนับสนุนอยู่ ไม่ว่าจะมีเื่อะไรเกิดขึ้น เขาก็พร้อมที่จะออกหน้าช่วยเหลือม่อเสียตลอดเวลา ส่วนเห่อฉงกลับตัวคนเดียว หากทำผิดพลาดก็ต้องรับโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนนี้เองเหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่ที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างพากันจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกตกตะลึง ศิษย์สายนอกคนหนึ่งเพียงแค่อาศัยคำพูดไม่กี่ประโยค ก็สามารถทำให้ผู้าุโของนิกายถึงสองท่านต้องยอมสยบได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้