"เธอเห็นหน้ายัง นักเรียนที่ย้ายมาใหม่น่ะ"
"เห็นแล้ว หน้าตาดีมาก ขาวมากด้วย ตอนเราเห็นน้องเขาเดินอยู่ไกล ๆ เหมือนเห็นแสงสีขาวพุ่งออกจากตัว น้องเขาเป็คนเรืองแสง!"
"เทวดางี้?? ฮ่าฮ่า..."
"ใคร? คนไหน? เรายังไม่เคยเห็นเลย"
"น้องผู้ชายชั้น ม.2 เพิ่งย้ายมาเทอมนี้ หน้าตาดีสุด ๆ ตอนเลิกเรียนลองไปแถวม้าหินอ่อนตรงซุ้มดอกปีบสิ น้องเอกไปยืนรอขึ้นรถกลับบ้านทุกวัน"
"ชื่อเอกเหรอ แค่ฟังชื่อก็หล่อแล้ว"
"ชื่อจริงก็หล่อนะ ชื่อชากร ย้ายมาจากกรุงเทพฯ เชียวนะ เป็ครั้งแรกเลยที่โรงเรียนเรามีคนจากกรุงเทพฯ มาเรียน"
เปิดเทอมได้เกือบเดือน เขายังคงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับที่เรียนใหม่ เื่ห้องเรียนใหม่และเพื่อนร่วมห้องใหม่นั้นไม่เท่าไร สองวันก็สามารถปรับตัวได้อย่างสบาย แต่เื่ที่เดินไปไหนแล้วมีแต่คนคอยจ้อง คอยกระซิบชี้ชวนกันดูเหมือนเขาเป็ตัวประหลาดนี่สิ หลายคนใจกล้าหน่อยถึงกับเดินมาดูหน้าเขาที่ห้องเรียนเลยก็มี ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้สึกชินเลยให้ตายเถอะ!
"พี่เอก ให้อมยิ้ม อร่อยนะ”
ก็มีแต่ยัยเด็กคนนี้แหละที่ยังทำตัวปกติกับเขา เอกมองอมยิ้มรูปหัวใจสีแดงที่ยื่นอยู่ตรงหน้าอย่างขำ ๆ
"ไม่กลัวฟันผุหรือไงกินหวานมาก ๆ” พร้อมยื่นมือไปรับอมยิ้ม แกะพลาสติกหุ้มออกและนำเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ
"กินเยอะที่ไหน หนึ่งบาทได้สี่อัน แบ่งให้พี่หนึ่งอัน ให้นากับพรอีกคนละหนึ่ง เหลือที่นิดอันเดียวเอง แก้หิว กว่าจะถึงบ้านเกือบ 6 โมง”
"แม่บอกว่าเย็นนี้จะทำแกงผักกาดใส่เนื้อของโปรดพี่ด้วยนะ พี่เตรียมกินจนพุงกางได้เลย”
ชากรได้ยินก็ยิ้มกริ่ม ฝีมือทำอาหารของน้านงดีมาก เขากับแม่ได้แวะไปฝากท้องอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะตัวเขาเอง ถ้าแม่ติดธุระกลับบ้านค่ำ เขาก็มักจะปั่นจักรยานมาขอข้าวที่บ้านนั้นกินอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อใดที่น้านงรู้ล่วงหน้าก็มักจะเตรียมทำเมนูโปรดให้เขาเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว
ตอนนี้รถรับส่งของหมู่บ้านก็แล่นมาจอดตรงหน้าพอดี บรรดานักเรียนหญิงที่ยืนรออยู่ก็ทยอยเดินขึ้นไปนั่งที่ห้องโดยสารด้านหลัง ส่วนชากรและเพื่อนนักเรียนชายที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันยืนรอปิดท้าย ถ้าวันไหนคนเยอะมีที่นั่งไม่พอก็ไม่มีปัญหา พวกเขาสามารถยืนโหนที่บันไดหรือปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคาได้
ตอนที่ ชากรขึ้นรถรับส่งครั้งแรก ด้วยความที่ไม่เคยนั่งรถแบบนี้ เพื่อน ๆ จึงมักจะหาที่นั่งให้เขาได้นั่งในห้องโดยสารอยู่เสมอ นั่งอยู่ 3-4 วันเริ่มรู้สึกกระดากใจ จึงค่อย ๆ ขยับมายืนโหนที่บันไดรถแทน ความรู้สึกก็เหมือนยืนโหนที่ประตูรถเมล์ตอนอยู่กรุงเทพฯ นั่นแหละ และอีกไม่กี่วันก็เริ่มพัฒนา เริ่มหัดปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถ ตอนแรกกลัวจนใจแทบะเิออกจากอก เวลารถแล่นจะมีเสียงลมพัดเข้าหูอื้ออึงไปหมด ลมก็พัดแรงมาทุกทิศเหมือนจะพัดเขาปลิวตกไปได้ทุกเวลา แต่พอเริ่มชินแล้วเขากลับรู้สึกชอบมากเป็พิเศษ เหมือนตัวเองมีอิสระ ไม่มีพันธนาการใดติดตัวอีก ตอนที่อรศรีรู้ครั้งแรกถึงกับหน้าซีดและสั่งห้ามเสียงแข็ง แต่ต่อมาก็เริ่มทำใจได้ มันเป็เหมือนวิถีของชาวบ้านแถวนี้ และชากรเองก็ไม่อยากทำตัวแปลกแยกกับพวกเขามากเกินไป จึงได้แต่เตือนให้ระวังตัวให้มากและยึดเกาะให้ดีเวลารถแล่นเท่านั้น
ถึงจะย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้ไม่ถึงสองเดือน แต่ชากรก็เข้ากับบรรดาเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันในหมู่บ้านได้เป็อย่างดี บางเสาร์อาทิตย์ถ้าว่างก็ชวนกันไปเดินเล่น ตกเบ็ด หาปลา หากิจกรรมสนุกทำแก้เบื่อ เื่นี้ทำเอาอนงค์กานต์มองด้วยความอิจฉาอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้เธอจะอยู่ในหมู่บ้านนี้มาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์หรือมีกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนผู้หญิงในวันหยุดแบบนี้บ้างเลย คงเพราะที่ผ่านมาเธอเก็บตัวมากเกินไป และบรรดา เพื่อน ๆ เห็นเธอเป็ลูกของครู จึงเกรงใจไม่กล้าชวนออกไปเที่ยวเล่น เธอจึงไม่มีเพื่อนที่สนิทอย่างจริงจังในหมู่บ้าน จะมีพูดคุยเล่นหัวกันบ้างก็ตอนนั่งรถกลับจากโรงเรียน แต่พอถึงบ้านแล้วก็บ้านใครบ้านมันไม่มาสุงสิงกันอีก
-----
"นงพี่ว่าปีหน้าเราเริ่มปลูกบ้านใหม่กันได้แล้วมั้ง” กานต์พูดเชิงปรึกษาระหว่างนั่งกินมื้อเย็น โดยมีอนงค์กานต์และชากรนั่งฟังด้วยความสนใจ อนงค์ได้ย้ายที่เตรียมของไปที่ตึกแถวได้สองสัปดาห์แล้ว ที่บ้านตอนนี้ก็ไม่มีเื่ห่วงอันใดอีก
"ก็ได้จ้ะพี่ เดี๋ยวนงจะไปทำความสะอาดบ้านน้ามาเตรียมไว้ก่อน ว่างเมื่อไหร่เราค่อยทยอยขนของไปไว้บ้านโน้น ถึงเวลารื้อจริงจะได้ไม่เหนื่อย” ทั้งสองได้ปรึกษากันก่อนหน้านี้แล้วว่าระหว่างสร้างบ้านใหม่ พวกเขาจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าของน้ามา ตอนนี้จึงยังไม่คิดรื้อบ้านหลังนั้นออก รอให้บ้านหลังใหม่เสร็จเรียบร้อยค่อยรื้อและปรับปรุงพื้นที่อีกที
"น้านงจะย้ายวันไหนอย่าลืมบอกผมนะครับ ผมจะมาช่วยขนของด้วย”
"แน่นอนอยู่แล้ว น้าจะพลาดไม่ใช้แรงงานเด็กอย่างเราได้ยังไง” อนงค์เอ่ยปากกระเซ้า ตอนนี้เธอรู้สึกสนิทใจกับชากรมากยิ่งขึ้น เพราะความที่เป็คนนิสัยง่าย ๆ ไม่เอาแต่ใจ ให้ช่วยหยิบจับอะไรก็ไม่เคยเกี่ยงงอน ถึงแม้อรศรีจะบอกว่าเป็คนกินยาก แต่วันไหนที่มากินข้าวที่บ้านแล้วเจอเมนูที่ไม่ชอบก็ไม่เคยปริปากบ่น หยิบเข้าปากกินได้หน้าตาเฉยเสียอย่างนั้น ผิดกับยัยลูกสาวตัวดี วันไหนเจอของที่ไม่ชอบมักจะนั่งมองตาปริบ ๆ จนเธอทนสงสารไม่ไหวต้องลุกขึ้นไปทำของชอบมาให้อีกรอบ
"แล้วพี่หาคนสร้างบ้านได้รึยัง แล้วจะสร้างบ้านแบบไหน”
"พี่ถามเฮียไช้ไว้แล้ว เฮียแกรู้จักผู้รับเหมาอยู่หลายคน ตอนนี้อยู่ที่เราแล้วว่าอยากได้บ้านแบบไหน แล้วค่อยติดต่อผู้รับเหมาที่ถนัดแบบบ้านนั้น ๆ ให้ เื่แบบบ้านนี่คงต้องคุยกันยาวหน่อย”
