เสื้อผ้าของเว่ยเสี่ยนหลุดรุ่ยเพราะถูกดึงซ้ำๆ “เอาล่ะๆ ได้ยินหรือไม่ ต่อไปเ้าใช้ชื่อรองว่าไจ้เฉินก็แล้วกัน”
ิหยวนแสดงความขอบคุณ แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรแสดงความเคารพต่อคนทั้งสองระดับไหน จึงปฏิบัติตามพิธีการพื้นฐาน “ขอรับ เป็พระคุณยิ่งขอรับ”
“เ้าคือบัณฑิตในสำนักศึกษาหลวงหรือ?”
“ปีนี้ศิษย์เข้าศึกษาเป็ปีแรกขอรับ”
เด็กน้อยหยิบแป้งทอดขึ้นมาใส่ปาก เว่ยเสี่ยนจึงหันไปเช็ดมือให้เขา ก่อนจะทิ้งผ้าเช็ดหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่รู้ว่าสำนักศึกษาหลวงในยามนี้คัดเลือกคนอย่างไร มีแต่พวกคลั่งไคล้ชื่อเสียง ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่รู้ผู้ใดเป็คนอบรมสั่งสอน”
จะต่อว่าเขาอย่างไรเขาไม่ว่า แต่การดูิ่อาจารย์ของเขานั้นเป็เื่ที่ิหยวนทนไม่ได้ “ฉู่อ๋องชื่นชอบขุนนางร่างบางอ้อนแอ้น เพื่อประจบเอาใจเขา เหล่าขุนนางในราชสำนักถึงกับอดอาหารจนไร้เรี่ยวแรง เ้านายปฏิบัติดี ลูกน้องปฏิบัติตาม หากกษัตริย์ปรีชา ขุนนางก็ปราดเปรื่อง หากขุนนางปราดเปรื่อง ราษฎรย่อมสงบสุข หากราษฎรมีชีวิตสงบสุขก็จะอยากเรียนรู้ ในทางกลับกัน ทุกวันนี้เชื้อพระวงศ์สูงส่ง ขุนนางราชสำนักคุยโม้โอ้อวด ขุนนางระดับสูงใช้ชีวิตมั่งคั่ง เอาแต่สนใจเื่ลี้ลับ หลงใหลในยาศิลาและการฝังเข็ม จะไม่ให้บัณฑิตอย่างเราอยากเอาเป็เยี่ยงอย่างได้อย่างไร? ไม่ถามไถ่ความเป็มา แต่กลับถามถึงอาจารย์ก่อน ไม่น่าขันเกินไปหรือ?”
เว่ยเสี่ยนตบโต๊ะเสียงดังกราว หยัดกายลุกขึ้นหันไปชักดาบขององครักษ์ออกมาครึ่งฉื่อ “เ้าอยากตายหรือ!”
เด็กน้อยขี้ใที่อยู่ข้างๆ ร้องไห้เสียงดังจนบ่าวรับใช้ใ แต่เว่ยเสี่ยนไม่สนใจ
“พูดความจริงทำให้ระคายหู ทั้งยังนำภัยมาสู่ตน นี่มันสังคมแบบใดกัน”
ิหยวนม้วนแขนเสื้อด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน ยืนนิ่งรอให้อีกฝ่ายลงดาบ
เว่ยเสี่ยนั์ตาลุกโชนด้วยไฟโทสะ พาดคมดาบเงาวับลงบนคอิหยวน เหล่าองครักษ์ต่างตื่นใ รีบคุกเข่ากอดขาเขาไว้ “ซื่อจื่อ พวกเราพา…พา…พาคุณชายออกมาด้วยนะขอรับ หากท่านสังหารบัณฑิตในสำนักศึกษาหลวง ท่านจะกลับไปอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไร! เราอย่าทำให้เื่เล็กกลายเป็เื่ใหญ่เลยนะขอรับ ท่านโปรดไต่ตรองให้ดี มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะขอรับ ซื่อจื่อใจเย็นๆ ก่อนเถิดขอรับ!”
“ข้าจะฆ่าเขา!!!”
“ซื่อจื่อโปรดระงับโทสะ! โธ่เอ๊ย! ไยเ้าถึงเอาแต่เงียบอยู่ได้ รีบขอร้องให้ซื่อจื่อไว้ชีวิตเร็วเข้า!”
เสียงพูดเรียกสติ ทั้งพยายามห้ามปรามและขอร้อง บางคนกอดขา บางคนกอดเอว บางคนพยายามคว้าดาบออกมา รวมทั้งเสียงเด็กร่ำไห้ดังระงม เกิดเป็สถานการณ์โกลาหล
“ไอ๊หยา แย่แล้ว!” จู่ๆ บ่าวรับใช้ข้างกายเด็กคนนั้นก็ะโเสียงดัง เสียงนั้นแหลมคมฟังดูไม่เหมือนเสียงขององครักษ์ แต่เหมือนขันที
เด็กน้อยร้องไห้หนักจนสำลัก
คนทั้งหลายลนลานทำอันใดไม่ถูก เว่ยเสี่ยนถึงกับลืมว่ากำลังจะฆ่าคน ทิ้งดาบในมือก่อนปรี่เข้าไปหา “พวกเ้ามันไร้ประโยชน์!”
เห็นพวกเขาสับสนวุ่นวาย ไม่ลงมือทำอันใดสักที ิหยวนจึงผลักคนที่รุมล้อมให้พ้นทาง “ขยับออกไปหน่อย! อย่าล้อมเขา เดี๋ยวเขาหายใจไม่สะดวก!”
ิหยวนผลักคนออกแล้วแทรกตัวเข้าไป ทุกคนกำลังใจึงไม่มีผู้ใดหยุดเขา
ิหยวนแก้สายรัดบนรถเข็นแล้วอุ้มเด็กออกมา
“บังอาจ! ทำอันใดของเ้า!”
ิหยวนไม่ตอบคำถาม “ท่านหรือข้าที่รู้วิธีรักษาเขา?!”
“เ้ารู้วิชาแพทย์หรือ?” เห็นหน้าเด็กเริ่มเขียว ท่าทางหายใจลำบาก เว่ยเสี่ยนจึงได้สติ กลัวเกิดหายนะครั้งใหญ่ ไม่กล้าเข้าไปขวางเขาอีก ปล่อยให้อีกฝ่ายลองรักษา ในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปตามหมอ
ิหยวนอุ้มเด็กออกมา กอดจากทางด้านหลังเพื่อใช้แขนกดลงตรงหน้าอกเหนือหน้าท้อง เขาััได้ว่าร่างกายเด็กหนุ่มอ่อนแอมากจนร่างกายส่วนบนโน้มตัวไปข้างหน้า ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้นิ้วเปิดปากแล้วกดลิ้นเด็กหนุ่มไว้ หลังจากออกแรงอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเด็กก็ไอ ขับน้ำลายและเศษอาหารออกมาบางส่วน เริ่มหายใจได้ตามปกติ และร้องไห้สะอื้นอีกครั้ง
ิหยวนยังไม่ทันได้ทำสิ่งใดต่อ ผู้คนรอบตัวก็ปรี่เข้ามาทำความสะอาดเนื้อตัวและบริเวณรอบๆ พร้อมอุ้มเขากลับไปนั่งบนเก้าอี้
เว่ยเสี่ยนสังเกตการณ์ดูอาการอย่างละเอียดจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาจึงทิ้งตังลงบนเก้าอี้พลางทอดสายตาจ้องิหยวน
สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมายากจะคาดเดา ก่อนจะโบกมือบอกให้ิหยวนออกไปได้
ิหยวนคำนับเว่ยเซียนและเด็กคนนั้น ยืดหลังให้ตรงแล้วก้าวเดินออกมาช้าๆ
ด้านิเยี่ยและคนอื่นๆ รีบปรี่เข้ามาหาเขาทันทีที่เปิดประตู พร้อมถามไถ่อย่างเป็กังวลว่าคนที่ไปพบเป็ผู้ใด พูดคุยอันใดกันบ้าง เกิดอันใดขึ้นหรือไม่? ไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?
ผ่านไปสักพักิหยวนก็เริ่มผ่อนคลาย เมื่อทิ้งตัวลงบนที่นั่งจึงััได้ว่าเสื้อผ้าหนาๆ ของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เนื้อตัวไร้เรี่ยวแรง
เมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาซีด หอบหายใจแรง ิเยี่ยจึงยื่นจอกสุราให้เขา “สรุปว่าเป็ผู้ใดที่เรียกเ้าไปพบ? ไยถึงทำให้เ้าเหงื่อตกถึงเพียงนี้”
ิหยวนยกจอกสุราดื่มรวดเดียว แถมยังเทดื่มเองอีกสองจอก เขาต้องดื่มสุราถึงสามจอกเพื่อสงบสติอารมณ์
“ข้าไม่รู้” ิหยวนสบตาพวกเขาด้วยสีหน้าสับสน “พวกท่านเคยได้ยินชื่อคนในตระกูลสูงศักดิ์นามว่าเว่ยเสี่ยนบ้างหรือไม่?”
“เว่ยเสี่ยน?!” อย่าว่าแต่เคยได้ยินเลย ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง ใบหน้าพลันถอดสี
“ให้ตายเถอะ์ ไม่แปลกใจเลยที่หยวนเก้อเอ๋อร์กลับมาสภาพนี้” หม่านสือชีตบเข่าฉาด “เขาเป็บุตรชายคนโตของจ้าวอ๋อง ขึ้นชื่อเื่โเี้ สังหารผู้อื่นเพียงเพราะเห็นต่าง มีผู้คนมากมายตายด้วยคมดาบเขา เ้าพูดอันใดกับเขาบ้าง?”
ิหยวนกวาดตามองสีหน้าน่าสยดสยองรอบตัวเขา ใจที่เต้นรัวเริ่มสงบลง ปาดเหงื่อแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาบอกว่าข้าเย่อหยิ่ง อยากมีชื่อเสียง ข้าจึงตอบกลับไปว่าต้นตอของปัญหาอยู่ที่เหล่าผู้สูงศักดิ์และตระกูลขุนนางกังฉิน”
คนทั้งหลายมองหน้ากันแล้วก็เงียบไป
เฉาอู๋จวี้ผู้นั่งเงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจของทุกคน “เ้ามีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไร?”
ิหยวนพลันฉีกยิ้มให้ความโชคดีของตน “จริงสิ เลิกสนใจเื่นี้เถิด ข้ามีชื่อรองแล้วนะ”
“เอามาจากที่ใด? ผู้ใดตั้งให้?”
ิหยวนชี้ไปที่ประตูห้องถัดไป
ทุกคนงุนงง
เ้าจะบอกว่าจ้าวอ๋องซื่อจื่อถูกเ้าต่อว่าอย่างนั้นแล้วยังมีแก่ใจตั้งชื่อรองให้เ้าอย่างนั้นหรือ?
“แต่บอกไม่ได้ๆ”
ิหยวนเป็คนรอบคอบ จึงไม่ได้เล่าเื่ที่ตนพบเด็กคนนั้น คนที่สมองดูเติบโตช้ากว่าวัย คนที่ทุกคนต้องดูแลอย่างเอาใจใส่เป็อย่างดี คนที่จ้าวอ๋องซื่อจื่อประคบประหงม และทำให้เขาใด้วยความเป็ห่วง หากเขาเดาสถานะคนผู้นั้นไม่ผิด หมายความว่าชื่อรองนี้เขาไม่ใช้ไม่ได้ แต่สิ่งที่น่าใที่สุดก็คือ จ้าวอ๋องซื่อจื่อแอบพาฝ่าาออกจากวังหลวง
เกิดหลายเหตุการณ์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้ ทุกคนกินดื่มต่อกันอีกสักพักก็ถึงเวลาแยกย้าย
ทว่ายังไม่ทันได้แยกย้าย คนผู้นั้นก็ส่งคนมาอีกครั้ง คราวนี้ส่งเทียบเชิญมาด้วย “คืนนี้มีเทศกาลโคมไฟ นายน้อยอยากไป ซื่อจื่อให้มาเชิญคุณชายิไปด้วยกัน”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------