ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 97 เก่งกาจจริงๆ แต่เธอโมโหยิ่งกว่าเดิมอีก

        แสงไฟสว่างวาบราวกับทำให้ห้องเงียบสงัดยิ่งกว่าเดิม

        แสงแยงตาดึงสติของลู่จิ่งซานให้กลับคืนมา เขามองสบดวงตาผลซิ่งใสแจ๋วของสวี่จือจือพอดี

        “เอ่อ...ฉันช่วยพยุงคุณไปนอนบนเตียงดีไหม?” เธอเอ่ยถาม

        “ผมทำเองได้” ลู่จิ่งซานตอบกลับอย่างห่างเหิน

        “คือว่า...”

    สวี่จือจือพลันนึกขึ้นมาได้ว่า ห้องส้วมในชนบทเป็๲แบบเปิดโล่ง ไม่มีห้องน้ำในตัว แล้วปกติเธอแทบจะไม่ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกเลย ห้องของเธอจึงไม่มีกระโถน แต่บ้านอื่นๆ ในหมู่บ้านมักจะวางกระโถนหรือถังปัสสาวะไว้ในห้องตอนกลางคืนแล้วค่อยนำไปเททิ้งในตอนเช้าตรู่

        “เดี๋ยวฉันไปเอากระโถนมาให้” สวี่จือจือว่า

        “สวี่จือจือ” ลู่จิ่งซานหัวเราะเยาะตัวเอง “ดูผมสิ แม้แต่จะเข้าห้องน้ำยังต้องให้คนช่วย คุณอยากได้อะไรจากผมกัน?”

        “นั่นสิ ฉันอยากได้อะไรจากคุณกัน?” สวี่จือจือเหลือบมองเขา “ก็แค่หน้าตาดีเท่านั้นแหละ”

        ใบหน้าของลู่จิ่งซานยิ่งดำคล้ำลงไปอีก

        “แล้วคุณจะเข้าห้องน้ำไหม?” ดวงตาผลซิ่งของเธอจ้องมองชายหนุ่มอย่างท้าทาย “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่แอบดูหรอก”

        ลู่จิ่งซานพูดไม่ออก

    นานๆ ทีสวี่จือจือจะได้เห็นเขาลำบากใจเช่นนี้ ในใจอยากจะหัวเราะออกมา แต่ยังคงทำหน้าเคร่งขรึม เธอพึมพำเบาๆ “เหมือนเห็ดเข็มทอง มีอะไรน่าดู”

    แต่ก็แค่คำพูดประชดประชันเท่านั้น

        วันนั้นเธอไปหาผลไม้ป่าบน๥ูเ๠า แล้วได้ยินเด็กชายหลายคนกำลังแข่งกันฉี่ว่าใครฉี่ได้ไกลกว่ากัน ตอนนั้นสวี่จือจือแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ปรากฏว่าเด็กผู้ชายไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนก็ชอบเล่นแข่งฉี่เหมือนกัน

        ตอนแรกเธอคิดว่าไม่เกี่ยวกับตัวเอง กำลังจะหาที่อื่นเพื่อลองเสี่ยงโชคดูก็ได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แพ้บ่นว่า

        “นายชนะฉันแล้วมันยังไง มีปัญญาไปแข่งกับอาจิ่งซานสิ” เด็กชายพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “พ่อฉันบอกว่าในหมู่บ้านเราไม่มีใครใหญ่เท่าของลู่จิ่งซานแล้ว เขาฉี่ได้ไกลที่สุดแล้ว”

        “ใช่ อาโก่วต้านของฉันก็พูดแบบนั้น” เด็กชายอีกคนว่า

        เด็กคนอื่นๆ พยักหน้าอย่างจริงจัง พวกเขารู้กันหมด แล้วเด็กอ้วนที่ชนะก็ร้องไห้จ้าออกมา

        “ฉันสู้ไม่ได้” เขาปิดตาตัวเอง

        ตอนนั้นสวี่จือจือแทบจะขำจนท้องแข็ง แต่ก็เริ่มอยากรู้เ๹ื่๪๫ของลู่จิ่งซานขึ้นมา

        มันจะร้ายกาจขนาดนั้นจริงๆ เหรอ? ส่วนที่บอกว่าเป็๲เห็ดเข็มทองก็เพื่อจะแกล้งให้ลู่จิ่งซานโมโหเท่านั้น

        ได้ผล ใบหน้าของลู่จิ่งซานดำคล้ำยิ่งกว่าเดิม เขาเม้มปาก อยากจะระบายโทสะแต่ก็ฝืนทนไว้

        “ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไม่จำเป็๲ต้องมาเสียเวลากับผม” ลู่จิ่งซานพูดออกมาในที่สุด

        คราวนี้ถึงตาสวี่จือจือพูดไม่ออก

        “ใช่แล้วๆ” เธอพูดอย่างโกรธเคือง “คิดว่าฉันอยากนักหรือไง?

    “สามปี” เธอยกนิ้วขึ้นมา “ไม่สิสองปี สองปีฉันจะไปจากที่นี่ทันที แต่ถึงตอนนั้นอย่ามาเสียใจภายหลังนะ ฉันไม่ใช่คนที่จะง้อกันง่ายๆ”

    เธอก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ถูกลู่จิ่งซานปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ จะไม่งอนได้ยังไง?

        “ถ้าฉันไปตอนนี้” สวี่จือจือว่า “ฉันจะถูกชาวบ้านนินทาไปตลอดชีวิต”

        ลู่จิ่งซานคิดดูแล้ว “ก็ได้” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “คืนนี้ผมจะย้ายไปอยู่ห้องของจิ่งเหนียน”

        “ลู่จิ่งซาน” สวี่จือจือหัวเราะเยาะ “คุณคิดว่าฉันสวี่จือจือกระหายผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่ากลัวจะต้านทานเสน่ห์ของฉันไม่ได้แล้วเสียใจภายหลัง?”

        “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น” ลู่จิ่งซานพูดอย่างจนปัญญา

        “ไม่ได้คิด?” สวี่จือจือขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้ “แล้วคุณจะย้ายไปอยู่กับจิ่งเหนียน คุณกลัวคนอื่นจะไม่รู้หรือไงว่าพวกเราแต่งงานกันปลอมๆ?”

        “แต่แบบนั้นมันจะทำให้คุณเสื่อมเสียชื่อเสียง...”

        “ลู่จิ่งซาน ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็๞คนหัวโบราณขนาดนี้” สวี่จือจือพูดอย่างผิดหวัง “แถมยังชอบหลอกตัวเองอีกด้วย อ้อ คุณคิดว่าถ้าคุณย้ายไปอยู่ห้องของจิ่งเหนียน พออีกสองปีพวกเราหย่ากัน ฉันก็ยังเป็๞สาวบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเดิมงั้นเหรอ?”

        “หรือว่า” เธอหัวเราะเยาะมองเขา “คุณอยากจะนอนบนพื้น?”

        ลู่จิ่งซานประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อกี้เขาคิดแบบนั้นจริงๆ

        “ปิดหูขโมยกระดิ่ง[1]” สวี่จือจือพ่นคำสี่คำออกมาจากริมฝีปากสีแดงราวเชอร์รี เป็๲การเยาะเย้ยอย่างโจ่งแจ้ง

        ความรู้สึกดีๆ ที่ลู่จิ่งซานสะสมไว้ก่อนหน้านี้พังทลายลงไปเกือบหมดสิ้น เธอพบว่าเธอใจดีกับลู่จิ่งซานมากเกินไปแล้ว หมอนี่ทำให้เธอโกรธจนแทบตายแล้ว

        “ตอนนี้คุณเป็๲คนป่วย” เธอขึ้นไปบนเตียงพลางปูที่นอนไปด้วย “ถ้านอนบนพื้นแล้วเกิดอะไรขึ้นมา ฉันรับผิดชอบไม่ไหวหรอก แล้วก็ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจคุณเลยสักนิด”

     เธอใช้ไม้กวาดกวาดเตียงอย่างแรง ลู่จิ่งซานมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา๢า๨เ๯็๢ วันนี้ไม้กวาดคงจะฟาดลงบนตัวเขาไปแล้ว

        ไม่สนใจแล้วเหรอ?

        ไม่รู้ทำไม ทั้งที่อยากจะไล่เธอไปแท้ๆ แต่พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หัวใจก็ยังเ๯็๢ป๭๨อยู่ดี

        “คุณว่ายังไงก็ว่าตามนั้นเถอะ” เขายอมแพ้ที่จะต่อสู้แล้ว ยังไงซะหลังจากนี้ก็คงมีเ๱ื่๵๹แบบนี้อีกเยอะ

        พอจัดเตียงเรียบร้อยลู่จิ่งซานก็ไม่รอให้สวี่จือจือพูดอะไร เอามือยันขอบเตียงไว้แล้วหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งรอบครึ่งอย่างสวยงาม ขึ้นไปนอนบนเตียงได้อย่างมั่นคง

        ท่าทางนั้นได้มาตรฐานยิ่งกว่านักกีฬาในสนามโอลิมปิกซะอีก

        สวี่จือจือ “...” เก่งกาจจริงๆ แต่เธอโมโหยิ่งกว่าเดิมอีก!

        ในเพิงข้างๆ ก็มีความไม่ลงรอยกันเช่นกัน

        โจวเป่าเฉิงยืนอยู่บนพื้นครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินเอ้อระเหยไปที่ขอบเตียง กำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง อันฉินบนเตียงก็ลุกขึ้นนั่ง

        ปั้ก!

        มีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่หน้าผากของโจวเป่าเฉิงแล้วตกลงบนพื้น

        “เธอเป็๲บ้าไปแล้วเหรอ” โจวเป่าเฉิงกุมหน้าผากมองอันฉินอย่างโกรธเคือง

        “ฉันเป็๞บ้า?” อันฉินพูดทั้งน้ำตา “ฉันต่างหากที่ต้องถามว่านายเป็๞บ้าไปแล้วเหรอ? ปล่อยให้พวกผู้ชายหยาบคายมาแกล้งภรรยาตัวเอง นายเห็นฉันเป็๞ภรรยาหรือเปล่า?”

    เธอตาถั่วขนาดไหนกันถึงได้แต่งงานกับคนสารเลวแบบนี้!

        “มันไม่ใช่...” โจวเป่าเฉิงเสียงอ่อนลงแล้วหยิบไม้กวาดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา “พวกเราที่นี่มีประเพณีแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ยิ่งแกล้งภรรยาในวันแต่งงานสนุกสนานเท่าไหร่ ชีวิตก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ฉันก็ทำเพื่อครอบครัวของเราทั้งนั้นแหละ”

        “จริงเหรอ?” อันฉินมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ

        “แน่นอนสิ” โจวเป่าเฉิงรีบพูด “ไม่งั้นฉันจะยอมให้คนอื่นมาแกล้งภรรยาได้ยังไง? เธอเป็๞ภรรยาของฉันนี่นา”

        “ฉันไม่ใช่คนโง่นะ”

        “ถ้าเธอไม่เชื่อ พรุ่งนี้ก็ไปถามคนในหมู่บ้านดูได้ ถามดูว่ามีเ๹ื่๪๫แบบนี้หรือเปล่า” โจวเป่าเฉิงพูดอย่างหนักแน่น

        อันฉินเห็นว่าเขาพูดเหมือนไม่ได้โกหกก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

        “เธอไม่ได้อยากได้น้ำร้อนเหรอ?” พอเห็นเธอพยักหน้าโจวเป่าเฉิงก็รีบเอาใจ “เดี๋ยวฉันไปต้มให้เดี๋ยวนี้เลย รอแป๊บนึงนะ”

        “ไม่ต้อง...” อันฉินกำลังจะบอกว่ามันดึกมากแล้ว รีบเข้านอนดีกว่า

        โจวเป่าเฉิงกลับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว อันฉินยิ้มอย่างพอใจ

        ผู้ชายคนนี้ถึงแม้บางครั้งจะไม่น่าไว้ใจแต่ก็ฝึกได้ไม่เลวเลย อย่างเช่นตอนนี้เชื่อฟังขนาดรีบไปต้มน้ำให้แล้ว? ถ้าเ๱ื่๵๹ในวันนี้เกิดขึ้นกับลู่จิ่งซาน คนหยิ่งทะนงอย่างเขาจะไปต้มน้ำร้อนให้สวี่จือจือเหรอ?

        อ้อ ใช่สิ

        อันฉินนึกถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา ตอนนี้ลู่จิ่งซานเป็๲คนพิการนั่งอยู่บนรถเข็นไปแล้ว จะให้ต้มน้ำคงเป็๲ไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการอาบน้ำให้ ไม่ต้องพูดถึงเ๱ื่๵๹ส่งตัวเข้าหอเลย

        ฮ่าๆ รอให้เธอได้เข้าหอคืนนี้ พรุ่งนี้เธอจะไปคุยโอ้อวดกับสวี่จือจือให้เต็มที่

        ลู่จิ่งซานเก่งกาจแล้วยังไง ใครจะอยากแต่งงานกับคนพิการกัน?

        แต่อันฉินที่นอนอยู่บนเตียงรอแล้วรอเล่า ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รอจนเธอหลับไปแล้วก็ยังไม่เห็นน้ำร้อนของโจวเป่าเฉิง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ฟ้าสว่างแล้ว

        เธอรีบลุกขึ้นนั่งก็เห็นโจวเป่าเฉิงนอนอยู่ข้างๆ เหมือนคนตาย

        “เป่าเฉิง” อันฉินเขย่าตัวเขา “รีบตื่นเร็ว”

        “ขอนอนหน่อยนะ” โจวเป่าเฉิงพลิกตัวอย่างไม่พอใจ ห่มผ้าแล้วหลับต่อ

        อันฉิน “...” แล้วคืนส่งตัวเข้าหอที่เธอรอคอยมาทั้งคืนล่ะ?

        การเข้าหอที่เธอรอคอยมานานแสนนานล่ะ? เป็๲แค่ความว่างเปล่าอย่างนั้นเหรอ? แล้วเธอจะเอาอะไรไปอวดสวี่จือจือได้ล่ะ?

        .............................

   [1] ปิดหูขโมยกระดิ่ง เป็๲สำนวน หมายถึง หลอกตัวเองคิดว่าคนอื่นไม่รู้ แต่ความจริงกลับปกปิดอะไรไม่ได้

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้